สังคมไทยกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดไม่เจ็บปวด
คลอดลูก ฟันเก่าหลุดฟันใหม่ขึ้น บ่งเอาเสี้ยนที่ตำตีนออก มีอะไรบ้างที่ไม่เจ็บ หากแต่เป็นเรื่องน่ายินดีเพราะเป็นการเจ็บเพื่ออนาคต สังคมไทยกำลังจะก้าวพ้นระบอบทักษิณไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
การประกาศชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มีนาคมที่จะถึงนี้ ดูราวกับว่าจะก่อการกบฏขึ้นมาในราชอาณาจักรเพื่อช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร มีการตระเตรียมทั้งทัพบกด้วยรถกระบะและรถอีแต๋นเพื่อปิดล้อมกรุงเทพฯ รวมถึงทัพเรือมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อมาสมทบหรืออาจเพื่อมาแสดงสัญลักษณ์บางอย่างที่หน้าโรงพยาบาลศิริราช
เป็นยุทธวิธีชนบทล้อมเมือง หรือรากหญ้าปิดล้อมชนชั้นกลางในเมืองโดยแสดงท่าทีคล้ายจะพร้อมลุกขึ้นก่อการจลาจลกลางเมือง จนสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนเมืองกรุงเทพฯ ให้มีความกังวลและหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ โดยอาศัยประสบการณ์ที่คนกรุงเทพฯ เคยได้รับเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา
เป็นยุทธวิธีที่ฝ่ายเสื้อแดงและทักษิณคาดว่าจะสามารถบรรลุถึงเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่จะปกป้องและฟื้นฟูระบอบทักษิณอย่างแท้จริง เนื่องจากหนทางอื่นๆ ถูกปิดตายไปแล้ว ความวุ่นวายถึงขั้นจลาจลกลางเมืองหลวงจะเป็นผลร้ายต่อการปกครองของรัฐบาลอภิสิทธิ์ คล้ายดั่งรัฐบาลสมัครและสมชายที่มีอำนาจแต่ปกครองไม่ได้
หากมีความรุนแรงถึงเลือดตกคนตายจนถึงขั้นรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ อภิสิทธิ์อาจต้องลาออกและหรือประกาศยุบสภาในทางหนึ่ง อาจต้องมีรัฐบาลแห่งชาติที่แย่งอำนาจนายกฯ อภิสิทธิ์แบบซึ่งๆ หน้าดังเช่นที่พล.อ.อัลไซเมอร์ฝันเอาไว้ในทางหนึ่ง หรืออาจมีสถานการณ์สุจินดา-จำลองกลับขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้ แต่จะเป็นได้ก็ต้องมีการสร้างสถานการณ์เพื่อมาเป็นอำนาจต่อรองที่ขณะนี้ ทักษิณไม่มี
คำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อ 26 ก.พ.ที่ผ่านมาทำให้ความชอบธรรมที่ทักษิณเคยอ้างอยู่เสมอๆ ว่าเขาไม่ได้ทุจริต ทรัพย์สินที่มีมากก็เพราะรวยมาก่อนให้หมดไปโดยสิ้นเชิง การไม่ยอมรับคำพิพากษาดูจะขัดแย้งและค้านกับความเห็นของสาธารณชนว่าการตัดสินของศาลในคดียึดทรัพย์นี้ถูกต้องและยุติธรรมแล้ว ส่งผลในทางลบต่อความชอบธรรมในการชุมนุมเป็นอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าจะมีประเด็นอะไรเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในการชุมนุมที่มิใช่เพื่อผลประโยชน์ของทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวเครือญาติ จะเปลี่ยนเป้าเป็นโค่นล้มอำมาตย์ หรือไม่ยอมรับคำพิพากษาก็ดูจะเป็นผลร้ายเข้าตัวมากกว่า
บนเงื่อนไขการชุมนุมโดยสันติวิธีไม่ว่าจะมีคนมามากเพียงใดก็ยากที่จะสร้างอำนาจต่อรองหรือล้มรัฐบาลได้ ยิ่งคนเสื้อแดงเป็น “ม็อบแดดเดียว” จะสู้แดดหน้าร้อนนี้ได้ซักกี่น้ำ เงื่อนไขของการสร้างอำนาจต่อรองประการเดียวจากการชุมนุมในครั้งนี้จึงอยู่ที่การสร้างสถานการณ์รุนแรง ต้องมีเลือด ต้องมีศพ เพื่อสร้างวาทกรรม ทหารร่วมกับรัฐบาลปราบปรามประชาชน หากเป็นดังนี้จะมีคนมาร่วมชุมนุมมากหรือน้อยก็ไม่เป็นประเด็นสำคัญและไม่จำเป็นต้องใช้เวลาชุมนุมนาน
วันนี้ทักษิณหน้ามืดเพราะโดนปอกเปลือกเปลือยธาตุแท้ของตนเองอย่างล่อนจ้อน กำลังปลุกปั่นยุยงอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อหาคนมาร่วมชุมนุมและหาคนมาเป็นเครื่องสังเวย สังคมไทยจึงควรตระหนักให้ถ่องแท้ว่าควรจะก้าวข้ามทักษิณผู้เป็นดั่งมารผจญของสังคมไปได้แล้วหรือยัง
ยุทธศาสตร์ปกป้องและฟื้นฟูระบอบทักษิณโดยอาศัยยุทธวิธีชนบทล้อมเมืองดูเหมือนจะสอดคล้องกันดี แต่ก็เป็น ยุทธศาสตร์ของหมาจนตรอก ที่ไม่ได้ยืนอยู่บนความจริง ที่ว่าในขณะนี้ทักษิณและพวก ไม่มีอำนาจต่อรองเพราะอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับที่ต้องสู้ทั้งจากคำพิพากษาของศาลและสังคมที่มีต่อตัวเขาว่าการชุมนุมในวันที่ 14 นี้มิได้กระทำไปเพื่อสังคมส่วนรวมแต่อย่างใด หากแต่เพื่อทักษิณ ชินวัตร ครอบครัว และเครือญาติ แต่เพียงอย่างเดียว
ความจริงที่ควรตระหนักก็คือ มวลชนจากชนบทจะมาล้อมเมืองได้ก็ต้องมีมวลชนในเมืองเป็นกองหน้ามายึดพื้นที่ให้ มิเช่นนั้นคนจากต่างพื้นที่จะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเข้ามาชุมนุมได้อย่างไรหากไม่มีคนในพื้นที่เข้าร่วม แล้วจะมีมวลชนในเมืองให้การสนับสนุนเป็นพวกสักกี่คน? จะให้ไปหามาจากแถวนางเลิ้งหรือถนนเพชรบุรีดีไหม? จะมีพอหรือไม่สำหรับการยึดพื้นที่?
หากคนมาชุมนุมน้อยและไม่ได้ตั้งใจอยู่นานเพราะไม่มีมวลชนในพื้นที่ให้การสนับสนุน ทางเลือกก่อความวุ่นวายดูจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับทักษิณและพวก แต่ก็จะส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าร่วมของมวลชนอย่างหลีกเลี่ยงได้ยากเพราะจะต้องตอบคำถามง่ายๆ ว่า “ปลอดภัยหรือไม่” ในการเข้าร่วมชุมนุม
เพราะหากวิเคราะห์ดูให้ถ่องแท้จะพบว่าพวกที่จะได้ประโยชน์จากความรุนแรงมิใช่รัฐบาล เพราะรัฐบาลในขณะนี้เป็นฝ่ายได้เปรียบ เข้ารบเพียงเพื่อประกาศชัยชนะ ในขณะที่ฝ่ายทักษิณและพวกอีกหลายๆ พวก ต้องเข้ารบเพื่อชนะ จึงไม่แปลกที่ทักษิณและพวกจะยอมทำทุกอย่างเพื่อชนะโดยมิได้คำนึงถึงสิ่งอื่นใด คอยจ้องจะหาแพะมาสังเวยเพื่อสร้างสถานการณ์อันจะนำไปสู่ชัยชนะ
พี่น้องเสื้อแดงไม่สังเกตหรือว่าบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงต่างขึ้นตรงกับทักษิณเพราะ ไม่มีใครฟังใคร ต่างคนต่างมาต่างทำ กลายเป็นมวลชนที่ไร้ซึ่งการควบคุมอย่างสิ้นเชิง ด้วยทักษิณคนเดียวจะควบคุมการเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้อย่างไร จะมีใครมาชี้นำปกป้องพวกคุณเพราะคราวที่แล้วแกนนำพวกคุณก็ทิ้งมวลชนเอาตัวรอด
แกนนำเสื้อแดงอาจเป็นเป้าเสียเองก็มีความเป็นไปได้สูงเพราะจะสร้างอารมณ์ร่วมของมวลชนได้ดี จตุพร ณัฐวุฒิ วีระ เหวง และฯลฯ เตรียมพร้อมที่จะเสียสละพลีชีพเพื่อทักษิณ ชินวัตร ครอบครัวและเครือญาติของเขาที่พวกคุณพร่ำบอกว่ารักและเทิดทูนแล้วหรือไม่ น่าสนใจนะ เหวงจะได้เป็นวีรบุรุษจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เสียทีหากชนะ
เหตุการณ์ 14 ตุลาคม เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน เกิดขึ้นเพราะนักศึกษาเรียกร้องขอรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลถนอมโดยที่ยังไม่รู้เลยว่ารัฐธรรมนูญที่พวกตนเองเรียกร้องจะมีหน้าตาอย่างไร เป็นประชาธิปไตยดังเช่นรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 ที่ทักษิณและพวกเรียกร้องหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือพวกเขาเหล่านั้นมิได้เรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของใคร ครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง ไม่ได้ร่วมร่าง แต่ขอเพียงให้มีรัฐธรรมนูญเท่านั้น
เหตุการณ์ก่อจลาจลเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม และยึดคุกบาสตีย์ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์พระราชอำนาจของกษัตริย์ได้ในวันที่ 14 กรกฎาคม ในฝรั่งเศสเมื่อกว่า 200 ปีก่อน ก็มิได้เป็นผลประโยชน์ของใคร ครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งอีกเช่นกัน
14 มีนาคมที่จะถึงนี้จึงมีข้อแตกต่างจากเหตุการณ์ทั้ง 2 ในแง่ความชอบธรรมมาตั้งแต่ต้นโดยมิอาจถือได้ว่าเป็นการเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของคนไทยส่วนรวมแต่อย่างใด ไม่ว่าจะมองในมุมใด
พี่น้องเสื้อแดงไม่เรียนรู้จากอดีตหรือว่าใครที่บอกว่าจะมาเดินนำหน้าร่วมด้วยเมื่อมีเสียงปืนนัดแรกดัง ลูกเมียเขาในวันนั้นไปนอนรออยู่เมืองนอกมิใช่หรือ แล้วในวันนี้ลูกเมียเขาก็ออกนอกประเทศไปแล้วเช่นกัน ทำไมทักษิณและครอบครัวจึงไม่ร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงที่สู้เพื่อพวกเขา? ทำไมจึงหลบแดดหลบร้อนไปเสวยสุขตามลำพัง?
ทักษิณและพวกชอบอ้างอยู่เสมอว่าตนเองมาจากการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยเกลียดการปฏิวัติ (เฉพาะที่เกิดกับตนเอง) แต่ในสมัยคณะ รสช. ทำการรัฐประหาร มีคนล้มตายนับไม่ถ้วน มีคนชื่อทักษิณ ชินวัตร เข้าไปแสดงความยินดีกับ สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะปฏิวัติ เพียงเพื่อขอสัมปทานผูกขาดดาวเทียมถึงกับกล่าวสดุดดีว่า “ถ้าไม่มีพี่จ๊อด (สุนทร) ก็ไม่มีผม (ทักษิณ) ในวันนี้” แล้วพี่น้องเสื้อแดงที่จะมาชุมนุมรู้หรือไม่ว่าในปัจจุบันจากคำพิพากษายึดทรัพย์ทำให้รู้เช่นเห็นชาติแล้วว่าด้วยสัมปทานดาวเทียมนี้ ทักษิณกับเมียได้โกงบ้านเมืองที่เป็นผลประโยชน์ของคนไม่ว่าจะสีเสื้ออะไรไปอย่างไร
การใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญโดยไม่สุจริตและปราศจากความชอบธรรมของคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มีนาคมนี้ จะเป็นการทำร้ายประเทศไทยเพื่อคนขี้โกงที่หนีคุกและครอบครัว เป็นการถ่มน้ำลายรดฟ้า เป็นยุทธศาสตร์ของสุนัขจนตรอกที่เพ้อฝันลมๆ แล้งๆ เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีอุดมการณ์ใดๆ หาความสำเร็จได้ยาก รัฐบาลก็เตรียมพร้อมรับมืออยู่อย่างไม่วางตา และที่สำคัญพลังทางศีลธรรมของประชาชนพร้อมที่จะตอบโต้
14 มีนาคมนี้จึงไม่ใช่ 14 ตุลาคม ไม่ใช่ 14 กรกฎาคม เป็นการเลียนแบบที่มีแต่รูปลักษณ์แต่ขาดซึ่งเนื้อหา เพราะประเทศไทยของคนไทยทุกคนไม่ได้อะไรจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เป็นคนส่วนน้อยเลยยกเว้นแกนนำและคนโกงชาติที่ชื่อทักษิณกับเมีย แต่สังคมไทยต่างหากที่จะต้องก้าวข้ามทักษิณและระบอบทักษิณเพื่อไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เป็นจุดเปลี่ยนของประเทศจริงๆ ทนรำคาญสักเล็กน้อย เพราะไม่มีมารแม้วมาผจญ บารมีก็ไม่เกิด
คลอดลูก ฟันเก่าหลุดฟันใหม่ขึ้น บ่งเอาเสี้ยนที่ตำตีนออก มีอะไรบ้างที่ไม่เจ็บ หากแต่เป็นเรื่องน่ายินดีเพราะเป็นการเจ็บเพื่ออนาคต สังคมไทยกำลังจะก้าวพ้นระบอบทักษิณไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
การประกาศชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มีนาคมที่จะถึงนี้ ดูราวกับว่าจะก่อการกบฏขึ้นมาในราชอาณาจักรเพื่อช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร มีการตระเตรียมทั้งทัพบกด้วยรถกระบะและรถอีแต๋นเพื่อปิดล้อมกรุงเทพฯ รวมถึงทัพเรือมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อมาสมทบหรืออาจเพื่อมาแสดงสัญลักษณ์บางอย่างที่หน้าโรงพยาบาลศิริราช
เป็นยุทธวิธีชนบทล้อมเมือง หรือรากหญ้าปิดล้อมชนชั้นกลางในเมืองโดยแสดงท่าทีคล้ายจะพร้อมลุกขึ้นก่อการจลาจลกลางเมือง จนสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนเมืองกรุงเทพฯ ให้มีความกังวลและหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ โดยอาศัยประสบการณ์ที่คนกรุงเทพฯ เคยได้รับเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา
เป็นยุทธวิธีที่ฝ่ายเสื้อแดงและทักษิณคาดว่าจะสามารถบรรลุถึงเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่จะปกป้องและฟื้นฟูระบอบทักษิณอย่างแท้จริง เนื่องจากหนทางอื่นๆ ถูกปิดตายไปแล้ว ความวุ่นวายถึงขั้นจลาจลกลางเมืองหลวงจะเป็นผลร้ายต่อการปกครองของรัฐบาลอภิสิทธิ์ คล้ายดั่งรัฐบาลสมัครและสมชายที่มีอำนาจแต่ปกครองไม่ได้
หากมีความรุนแรงถึงเลือดตกคนตายจนถึงขั้นรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ อภิสิทธิ์อาจต้องลาออกและหรือประกาศยุบสภาในทางหนึ่ง อาจต้องมีรัฐบาลแห่งชาติที่แย่งอำนาจนายกฯ อภิสิทธิ์แบบซึ่งๆ หน้าดังเช่นที่พล.อ.อัลไซเมอร์ฝันเอาไว้ในทางหนึ่ง หรืออาจมีสถานการณ์สุจินดา-จำลองกลับขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้ แต่จะเป็นได้ก็ต้องมีการสร้างสถานการณ์เพื่อมาเป็นอำนาจต่อรองที่ขณะนี้ ทักษิณไม่มี
คำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อ 26 ก.พ.ที่ผ่านมาทำให้ความชอบธรรมที่ทักษิณเคยอ้างอยู่เสมอๆ ว่าเขาไม่ได้ทุจริต ทรัพย์สินที่มีมากก็เพราะรวยมาก่อนให้หมดไปโดยสิ้นเชิง การไม่ยอมรับคำพิพากษาดูจะขัดแย้งและค้านกับความเห็นของสาธารณชนว่าการตัดสินของศาลในคดียึดทรัพย์นี้ถูกต้องและยุติธรรมแล้ว ส่งผลในทางลบต่อความชอบธรรมในการชุมนุมเป็นอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าจะมีประเด็นอะไรเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในการชุมนุมที่มิใช่เพื่อผลประโยชน์ของทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวเครือญาติ จะเปลี่ยนเป้าเป็นโค่นล้มอำมาตย์ หรือไม่ยอมรับคำพิพากษาก็ดูจะเป็นผลร้ายเข้าตัวมากกว่า
บนเงื่อนไขการชุมนุมโดยสันติวิธีไม่ว่าจะมีคนมามากเพียงใดก็ยากที่จะสร้างอำนาจต่อรองหรือล้มรัฐบาลได้ ยิ่งคนเสื้อแดงเป็น “ม็อบแดดเดียว” จะสู้แดดหน้าร้อนนี้ได้ซักกี่น้ำ เงื่อนไขของการสร้างอำนาจต่อรองประการเดียวจากการชุมนุมในครั้งนี้จึงอยู่ที่การสร้างสถานการณ์รุนแรง ต้องมีเลือด ต้องมีศพ เพื่อสร้างวาทกรรม ทหารร่วมกับรัฐบาลปราบปรามประชาชน หากเป็นดังนี้จะมีคนมาร่วมชุมนุมมากหรือน้อยก็ไม่เป็นประเด็นสำคัญและไม่จำเป็นต้องใช้เวลาชุมนุมนาน
วันนี้ทักษิณหน้ามืดเพราะโดนปอกเปลือกเปลือยธาตุแท้ของตนเองอย่างล่อนจ้อน กำลังปลุกปั่นยุยงอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อหาคนมาร่วมชุมนุมและหาคนมาเป็นเครื่องสังเวย สังคมไทยจึงควรตระหนักให้ถ่องแท้ว่าควรจะก้าวข้ามทักษิณผู้เป็นดั่งมารผจญของสังคมไปได้แล้วหรือยัง
ยุทธศาสตร์ปกป้องและฟื้นฟูระบอบทักษิณโดยอาศัยยุทธวิธีชนบทล้อมเมืองดูเหมือนจะสอดคล้องกันดี แต่ก็เป็น ยุทธศาสตร์ของหมาจนตรอก ที่ไม่ได้ยืนอยู่บนความจริง ที่ว่าในขณะนี้ทักษิณและพวก ไม่มีอำนาจต่อรองเพราะอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับที่ต้องสู้ทั้งจากคำพิพากษาของศาลและสังคมที่มีต่อตัวเขาว่าการชุมนุมในวันที่ 14 นี้มิได้กระทำไปเพื่อสังคมส่วนรวมแต่อย่างใด หากแต่เพื่อทักษิณ ชินวัตร ครอบครัว และเครือญาติ แต่เพียงอย่างเดียว
ความจริงที่ควรตระหนักก็คือ มวลชนจากชนบทจะมาล้อมเมืองได้ก็ต้องมีมวลชนในเมืองเป็นกองหน้ามายึดพื้นที่ให้ มิเช่นนั้นคนจากต่างพื้นที่จะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเข้ามาชุมนุมได้อย่างไรหากไม่มีคนในพื้นที่เข้าร่วม แล้วจะมีมวลชนในเมืองให้การสนับสนุนเป็นพวกสักกี่คน? จะให้ไปหามาจากแถวนางเลิ้งหรือถนนเพชรบุรีดีไหม? จะมีพอหรือไม่สำหรับการยึดพื้นที่?
หากคนมาชุมนุมน้อยและไม่ได้ตั้งใจอยู่นานเพราะไม่มีมวลชนในพื้นที่ให้การสนับสนุน ทางเลือกก่อความวุ่นวายดูจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับทักษิณและพวก แต่ก็จะส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าร่วมของมวลชนอย่างหลีกเลี่ยงได้ยากเพราะจะต้องตอบคำถามง่ายๆ ว่า “ปลอดภัยหรือไม่” ในการเข้าร่วมชุมนุม
เพราะหากวิเคราะห์ดูให้ถ่องแท้จะพบว่าพวกที่จะได้ประโยชน์จากความรุนแรงมิใช่รัฐบาล เพราะรัฐบาลในขณะนี้เป็นฝ่ายได้เปรียบ เข้ารบเพียงเพื่อประกาศชัยชนะ ในขณะที่ฝ่ายทักษิณและพวกอีกหลายๆ พวก ต้องเข้ารบเพื่อชนะ จึงไม่แปลกที่ทักษิณและพวกจะยอมทำทุกอย่างเพื่อชนะโดยมิได้คำนึงถึงสิ่งอื่นใด คอยจ้องจะหาแพะมาสังเวยเพื่อสร้างสถานการณ์อันจะนำไปสู่ชัยชนะ
พี่น้องเสื้อแดงไม่สังเกตหรือว่าบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงต่างขึ้นตรงกับทักษิณเพราะ ไม่มีใครฟังใคร ต่างคนต่างมาต่างทำ กลายเป็นมวลชนที่ไร้ซึ่งการควบคุมอย่างสิ้นเชิง ด้วยทักษิณคนเดียวจะควบคุมการเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้อย่างไร จะมีใครมาชี้นำปกป้องพวกคุณเพราะคราวที่แล้วแกนนำพวกคุณก็ทิ้งมวลชนเอาตัวรอด
แกนนำเสื้อแดงอาจเป็นเป้าเสียเองก็มีความเป็นไปได้สูงเพราะจะสร้างอารมณ์ร่วมของมวลชนได้ดี จตุพร ณัฐวุฒิ วีระ เหวง และฯลฯ เตรียมพร้อมที่จะเสียสละพลีชีพเพื่อทักษิณ ชินวัตร ครอบครัวและเครือญาติของเขาที่พวกคุณพร่ำบอกว่ารักและเทิดทูนแล้วหรือไม่ น่าสนใจนะ เหวงจะได้เป็นวีรบุรุษจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เสียทีหากชนะ
เหตุการณ์ 14 ตุลาคม เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน เกิดขึ้นเพราะนักศึกษาเรียกร้องขอรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลถนอมโดยที่ยังไม่รู้เลยว่ารัฐธรรมนูญที่พวกตนเองเรียกร้องจะมีหน้าตาอย่างไร เป็นประชาธิปไตยดังเช่นรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 ที่ทักษิณและพวกเรียกร้องหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือพวกเขาเหล่านั้นมิได้เรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของใคร ครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง ไม่ได้ร่วมร่าง แต่ขอเพียงให้มีรัฐธรรมนูญเท่านั้น
เหตุการณ์ก่อจลาจลเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม และยึดคุกบาสตีย์ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์พระราชอำนาจของกษัตริย์ได้ในวันที่ 14 กรกฎาคม ในฝรั่งเศสเมื่อกว่า 200 ปีก่อน ก็มิได้เป็นผลประโยชน์ของใคร ครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งอีกเช่นกัน
14 มีนาคมที่จะถึงนี้จึงมีข้อแตกต่างจากเหตุการณ์ทั้ง 2 ในแง่ความชอบธรรมมาตั้งแต่ต้นโดยมิอาจถือได้ว่าเป็นการเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของคนไทยส่วนรวมแต่อย่างใด ไม่ว่าจะมองในมุมใด
พี่น้องเสื้อแดงไม่เรียนรู้จากอดีตหรือว่าใครที่บอกว่าจะมาเดินนำหน้าร่วมด้วยเมื่อมีเสียงปืนนัดแรกดัง ลูกเมียเขาในวันนั้นไปนอนรออยู่เมืองนอกมิใช่หรือ แล้วในวันนี้ลูกเมียเขาก็ออกนอกประเทศไปแล้วเช่นกัน ทำไมทักษิณและครอบครัวจึงไม่ร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงที่สู้เพื่อพวกเขา? ทำไมจึงหลบแดดหลบร้อนไปเสวยสุขตามลำพัง?
ทักษิณและพวกชอบอ้างอยู่เสมอว่าตนเองมาจากการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยเกลียดการปฏิวัติ (เฉพาะที่เกิดกับตนเอง) แต่ในสมัยคณะ รสช. ทำการรัฐประหาร มีคนล้มตายนับไม่ถ้วน มีคนชื่อทักษิณ ชินวัตร เข้าไปแสดงความยินดีกับ สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะปฏิวัติ เพียงเพื่อขอสัมปทานผูกขาดดาวเทียมถึงกับกล่าวสดุดดีว่า “ถ้าไม่มีพี่จ๊อด (สุนทร) ก็ไม่มีผม (ทักษิณ) ในวันนี้” แล้วพี่น้องเสื้อแดงที่จะมาชุมนุมรู้หรือไม่ว่าในปัจจุบันจากคำพิพากษายึดทรัพย์ทำให้รู้เช่นเห็นชาติแล้วว่าด้วยสัมปทานดาวเทียมนี้ ทักษิณกับเมียได้โกงบ้านเมืองที่เป็นผลประโยชน์ของคนไม่ว่าจะสีเสื้ออะไรไปอย่างไร
การใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญโดยไม่สุจริตและปราศจากความชอบธรรมของคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มีนาคมนี้ จะเป็นการทำร้ายประเทศไทยเพื่อคนขี้โกงที่หนีคุกและครอบครัว เป็นการถ่มน้ำลายรดฟ้า เป็นยุทธศาสตร์ของสุนัขจนตรอกที่เพ้อฝันลมๆ แล้งๆ เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีอุดมการณ์ใดๆ หาความสำเร็จได้ยาก รัฐบาลก็เตรียมพร้อมรับมืออยู่อย่างไม่วางตา และที่สำคัญพลังทางศีลธรรมของประชาชนพร้อมที่จะตอบโต้
14 มีนาคมนี้จึงไม่ใช่ 14 ตุลาคม ไม่ใช่ 14 กรกฎาคม เป็นการเลียนแบบที่มีแต่รูปลักษณ์แต่ขาดซึ่งเนื้อหา เพราะประเทศไทยของคนไทยทุกคนไม่ได้อะไรจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เป็นคนส่วนน้อยเลยยกเว้นแกนนำและคนโกงชาติที่ชื่อทักษิณกับเมีย แต่สังคมไทยต่างหากที่จะต้องก้าวข้ามทักษิณและระบอบทักษิณเพื่อไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เป็นจุดเปลี่ยนของประเทศจริงๆ ทนรำคาญสักเล็กน้อย เพราะไม่มีมารแม้วมาผจญ บารมีก็ไม่เกิด