ASTVผู้จัดการรายวัน-จับตา"นช.ทักษิณ"ปลุกระดมคนเสื้อแดงก่อเหตุขั้นรุนแรง สั่ง2ลูกสาว" เอม-อุ๊งอิ๊ง " บินหนีไปเมืองซูริควันนี้(10 มี.ค.) ก่อนไปเที่ยวเยอรมนีต่อ "อภิสิทธิ์ " เชื่อหนีเพื่อเอาตัวรอด ชี้เป้าหมายสุดท้ายของการชุมนุม เพื่อล้มล้างการปกครอง
สัญญาณอันตรายของบ้านเมืองเริ่มใกล้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากพ่อแดง "ทักษิณ ชินวัตร " สั่งแกนนำและคนเสื้อแดงชุมนุมครั้งใหญ่ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ โดยแกนนำ พร้อมด้วยคนในเครือญาติของชินวัตร หัวคะแนน ได้ระดมกำลังพล และอาจมีการเกณฑ์หัวโจกในแต่ละหมู่บ้านเข้าชุมนุม
ล่าสุดมีรายงานข่าวเปิดเผยว่า บุตรชายและบุตรสาว ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คือ นายพานทองแท้ (โอ๊ค) นางสาวพิณทองทา (เอม) และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) เตรียมเดินทางไปประเทศเยอรมนี ในวันนี้ (10 มี.ค.) ผ่านสายการบินสวิสแอร์ไลน์ ไปลงที่เมืองซูริค หลังจากนั้นจะไปเที่ยวที่เยอรมนีต่อ
โดยนางสาวแพทองธาร มีแผนที่จะอยู่ที่ฝรั่งเศส และกลับมาเมืองไทยในวันที่ 18 มี.ค. ส่วนนางสาวพิณทองทา จะเดินทางไปเที่ยวฮ่องกงต่อ และจะกลับมาเมืองไทยวันที่ 21 มี.ค.
ขณะที่บุคคลในเครือญาตของทักษิณ ก็อาจมีแผนบินไปยังต่างประเทศ เพียงแต่รอประเมินสถานการณ์ในการชุมนุมก่อน
**"มาร์ค"เชื่อลูกบินหนีเอาตัวรอด
สำหรับภารกิจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีวานนี้ (9มี.ค.) ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมส.ส.ที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยตอบคำถามว่า ช่วงปีที่ผ่านมา ครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เดินทางไปยังต่างประเทศ ก็น่าตั้งเป็นข้อสังเกตว่า ครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เดินทางไปต่างประเทศ ฉะนั้น เราก็ไม่ประมาท คงต้องนึกทบทวนกลับไปว่า เมษายนที่แล้วความสูญเสียที่เกิดขึ้น ไม่ได้ช่วยอะไรให้ใครดีขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่พิสูจน์มาแล้วในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองได้มีโอกาสพัฒนาในทางที่ดีขึ้น และเดินไปข้างหน้า แต่บุคคลที่พูดจาเพื่อให้ทุกอย่างรุนแรงหวังอะไร และเราจะเป็นเครื่องมือให้บุคคลเหล่านั้นเพื่ออะไร
เมื่อถามต่อว่า อยากฝากอะไรถึงคนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ปลุกคนเสื้อแดงเข้ามาร่วมชุมนุมในวันที่ 14 มี.ค. แต่ลูกของทักษิณ เดินทางไปประเทศเยอรมนี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาคงเรียนรู้ว่าทุกครั้งที่เข้ามาด้วยความยากลำบาก แต่คนที่ต่อสู้ให้ก็ยังสุขสบายเหมือนเดิม และไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ต่อข้อถามว่า ต้องมีชีวิตใครที่ต้องนำมาเซ่นสังเวยอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า " ไม่ควรมี ถ้ามีก็คงไม่มีใครชนะ"
**แฉพ่อแดงหวังเปลี่ยนการปกครอง!
นายกฯให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเตรียมการป้องกันการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง หลังจากที่มีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ว่า มีการซักซ้อมความเข้าใจกับทุกหน่วยงานเพื่อให้มีความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งในวันนี้ (10 มี.ค.) จะมีการประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เพื่อดูข้อกำหนดที่ต้องออกมา ซึ่งในที่ประชุมครม.ได้มีการขอความร่วมจากทุกกระทรวงเพื่อเตรียมงาน
สำหรับการใช้ชีวิตของครอบครัวนายกรัฐมนตรี จะเป็นปกติสุขได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนต้องทำงานมากเป็นพิเศษ เพราะต้องติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีต้องเข้าอยู่ในเซฟเฮาส์หรือไม่ ยังไม่ได้หารือว่าจะมีการรวมตัวของผู้ที่มีหน้าที่ดูแล แต่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน ทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องอยู่ในที่ที่สามารถติดต่อสื่อสารและสั่งการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีอุปสรรค
เมื่อถามว่า แกนนำรัฐบาลบางคนอย่าง นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ไปบัญชาการอยู่ที่กรุงลอนดอน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย อ้างว่า จะมีการป่วนบริเวณถนนราชวิถี และ รพ.ศิริราช แต่รัฐบาลโยนความผิดไปยังกลุ่มเสื้อแดงนั้น รัฐบาลไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น หากมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลจะเป็นคนสุดท้ายที่จะได้ประโยชน์ ซึ่งการโกรธเคืองของผู้ชุมนุมเสี่ยงต่อการควบคุมสถานการณ์ยากขึ้น คิดง่ายๆว่า หากมีอะไรรุนแรงขึ้นมา ตนคงไม่ได้ประโยชน์อะไร มีแต่ความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น แต่กลุ่มคนที่จะได้ประโยชน์จากความรุนแรง คือ กลุ่มคนที่ต้องการล้มล้าง กฎ กติกา สถาบัน และสังคม อย่างที่เป็นอยู่ เพื่อหวังเอาบางสิ่งบางอย่างกลับคืนมาเท่านั้น
ต่อกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ระบุว่า การยุบสภาเป็นเพียงหลักกิโลเมตรแรก แต่จุดมุ่งหมายอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงประเทศนั้น ก็เป็นการยืนยันว่า หากยุบสภาก็อย่างนั้นอย่างนี้ แต่เป้าหมายสุดท้ายของเขาไม่ใช่เรื่องนี้ แต่คนที่มาชุมนุมถูกปลุกระดม เพื่อให้เข้าใจว่า กำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อความเป็นธรรม แต่ความจริงแล้ว คนที่วางแผนต้องการความวุ่นวาย หรือเรียกว่า การล้มกระดาน