ASTVผู้จัดการรายวัน- “อลงกรณ์”ถกเชื่อมระบบโลจิสติกส์ผ่านระบบรางและรถไฟความเร็วสูง เพิ่มโอกาสขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวไทย-จีน
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายเกา เหวินควน ที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เกี่ยวกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เส้นทางการเชื่อมโยงไทย–จีน และต่อไปยังภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะระบบราง “Rail System” และระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่างไทย–จีน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มช่องทางการคมนาคม การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว ระหว่างไทยและจีน ตลอดจนอำนวยความสะดวกทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าอาเซียน-จีนให้รวดเร็วและประหยัดยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งจีนให้ความสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากมีแผนที่จะพัฒนา logistics ลงมาทางตอนใต้ของจีนอยู่แล้วเพื่อเชื่อมต่อกับภูมิภาคอาเซียน ผ่านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ระบบราง และระบบรถไฟความเร็วสูง โดยจะผลักดันการสร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ขณะเดียวกัน ไทยได้แสดงความเป็นห่วงถึงปัญหาการคมนาคมทางน้ำผ่านเส้นทางแม่น้ำโขง ซึ่งมีปริมาณน้ำลดลงเป็นอย่างมาก โดยขอความร่วมมือจากจีนในการช่วยเหลือและลดผลกระทบสำหรับผู้ที่อยู่ด้านล่างเขื่อน เช่น ไทย และเห็นชอบร่วมกันที่จะให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมการค้าการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน (JC) เพื่อช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีนให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันการค้า 2 ฝ่ายให้มีมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 4 ล้านคน และเพิ่มการลงทุนเป็น 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2553
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายเกา เหวินควน ที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เกี่ยวกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เส้นทางการเชื่อมโยงไทย–จีน และต่อไปยังภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะระบบราง “Rail System” และระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่างไทย–จีน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มช่องทางการคมนาคม การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว ระหว่างไทยและจีน ตลอดจนอำนวยความสะดวกทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าอาเซียน-จีนให้รวดเร็วและประหยัดยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งจีนให้ความสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากมีแผนที่จะพัฒนา logistics ลงมาทางตอนใต้ของจีนอยู่แล้วเพื่อเชื่อมต่อกับภูมิภาคอาเซียน ผ่านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ระบบราง และระบบรถไฟความเร็วสูง โดยจะผลักดันการสร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ขณะเดียวกัน ไทยได้แสดงความเป็นห่วงถึงปัญหาการคมนาคมทางน้ำผ่านเส้นทางแม่น้ำโขง ซึ่งมีปริมาณน้ำลดลงเป็นอย่างมาก โดยขอความร่วมมือจากจีนในการช่วยเหลือและลดผลกระทบสำหรับผู้ที่อยู่ด้านล่างเขื่อน เช่น ไทย และเห็นชอบร่วมกันที่จะให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมการค้าการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน (JC) เพื่อช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีนให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันการค้า 2 ฝ่ายให้มีมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 4 ล้านคน และเพิ่มการลงทุนเป็น 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2553