สุโขทัย – แล้งลำเค็ญ ชาวนาสุโขทัยระทมหนัก ถึงขั้นซื้อน้ำทำนาแล้ว นายทุนยกเครื่องสูบน้ำไปตั้งถึงที่พร้อมสัญญาเก็บเงินไร่ละ 600 บาทต่อการทำนา 1 รอบ เกษตรกรหมดที่พึ่งต้องก้มหน้าควักกระเป๋าจ่าย เผยเคยขอนักการเมืองช่วยแล้วแต่ไร้ผล วอน นอภ.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยด่วน
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเกษตรกรที่ปลูกข้าวอยู่ในพื้นที่ ต.กกแรต และ ต.ไกรนอก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ว่า กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้ง ชาวนาจำนวนมากต้องซื้อน้ำจากพ่อค้า ที่ลงทุนติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากคลอง เพื่อผันน้ำส่งเข้าพื้นที่ทำนา โดยเรียกเก็บเงินค่าน้ำแพงถึงไร่ละ 600 บาท
ชาวบ้านกกแรต คนหนึ่งบอกว่า ในพื้นที่นี้มีพ่อค้านำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาติดตั้งรวม 2 จุด คือ ที่บริเวณหมู่ 3 บ้านป่ารัง ต.กกแรต กับที่บริเวณด้านหน้าโรงสีโชคชัยธัญญกิจ หมู่ที่ 1 บ้านบึงครอบ ต.บ้านใหม่สุขเกษม และมีการทำสัญญาเรียกเก็บเงิน จากชาวนาที่สูบน้ำไปใช้ต่อในราคาไร่ละ 600 บาท ต่อการทำนา 1 ครั้ง ซึ่ง 1 ปี จะทำนากันถึง 3 ครั้ง ส่วนค่าน้ำที่จ่ายถือว่าแพงกว่าค่าจ้างรถเกี่ยวข้าวถึง 200 บาท แต่ก็จำเป็นต้องซื้อมาใช้เพื่อทำนา
เกษตรกรคนเดิมบอกด้วยความรู้สึกขมขื่นว่า ก่อนหน้านี้เคยขอร้องให้นักการเมืองท้องถิ่นช่วยไปเจรจาต่อรองราคาค่าน้ำกับพ่อค้าแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธว่าให้ไปตกลงกันเอง ในครั้งนี้จึงอยากให้นายอำเภอกงไกรลาศ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยควบคุมดูแล และช่วยเจรจากับพ่อค้า ให้คิดเงินค่าน้ำในราคาที่เป็นธรรม คือ 300-400 บาท ส่วนในช่วงฤดูฝนให้ลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง เพราะมีน้ำขังในร่องถนนโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
“ที่เราต้องจ่ายค่าน้ำเพราะพ่อค้าเขามีต้นทุนต้องเสียค่าไฟ ค่าน้ำมัน ดึงน้ำจากคลอง ผันเข้ามาในร่องถนน ใครมีที่นาอยู่ใกล้ก็ดึงน้ำไปใช้ทำนาได้ แต่ก็ต้องมีเครื่องสูบน้ำ และเสียค่าน้ำมันเอง ส่วนกรณีที่พ่อค้าจะเรียกเก็บเงินเต็มจำนวนในช่วงหน้าฝน ถือว่ามากเกินไป เพราะน้ำธรรมชาติมีอยู่แล้ว”
นายปรีชา ด้วงบุญมา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยว่า ทั้ง 9 อำเภอของสุโขทัย ขณะนี้ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 56,187 ครัวเรือน นาข้าวได้รับความเสียหาย 166,670 ไร่ พืชไร่เสียหาย 51,438 ไร่ ส่วนพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด คือ อ.กงไกรลาศ อ.ศรีสำโรง และ อ.บ้านด่านลานหอย
“ตอนนี้แม่น้ำยมหลายจุดมีสภาพแห้งขอด จึงต้องผันน้ำจากทุ่งทะเลหลวง มาช่วยประชาชนในเขตตัวเมืองสุโขทัย และผันน้ำจากแม่น้ำปิง จ.กำแพงเพชร มาช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ อ.คีรีมาศ แล้ว”
ทั้งนี้ คาดว่าปัญหาภัยแล้งจะขยายพื้นที่มากขึ้น และทวีความรุนแรงในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และจะครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ สำหรับสุโขทัยนั้น ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและบรรเทาปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง และผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ได้อนุมัติใช้งบฉุกเฉิน 50 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้นแล้ว
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเกษตรกรที่ปลูกข้าวอยู่ในพื้นที่ ต.กกแรต และ ต.ไกรนอก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ว่า กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้ง ชาวนาจำนวนมากต้องซื้อน้ำจากพ่อค้า ที่ลงทุนติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากคลอง เพื่อผันน้ำส่งเข้าพื้นที่ทำนา โดยเรียกเก็บเงินค่าน้ำแพงถึงไร่ละ 600 บาท
ชาวบ้านกกแรต คนหนึ่งบอกว่า ในพื้นที่นี้มีพ่อค้านำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาติดตั้งรวม 2 จุด คือ ที่บริเวณหมู่ 3 บ้านป่ารัง ต.กกแรต กับที่บริเวณด้านหน้าโรงสีโชคชัยธัญญกิจ หมู่ที่ 1 บ้านบึงครอบ ต.บ้านใหม่สุขเกษม และมีการทำสัญญาเรียกเก็บเงิน จากชาวนาที่สูบน้ำไปใช้ต่อในราคาไร่ละ 600 บาท ต่อการทำนา 1 ครั้ง ซึ่ง 1 ปี จะทำนากันถึง 3 ครั้ง ส่วนค่าน้ำที่จ่ายถือว่าแพงกว่าค่าจ้างรถเกี่ยวข้าวถึง 200 บาท แต่ก็จำเป็นต้องซื้อมาใช้เพื่อทำนา
เกษตรกรคนเดิมบอกด้วยความรู้สึกขมขื่นว่า ก่อนหน้านี้เคยขอร้องให้นักการเมืองท้องถิ่นช่วยไปเจรจาต่อรองราคาค่าน้ำกับพ่อค้าแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธว่าให้ไปตกลงกันเอง ในครั้งนี้จึงอยากให้นายอำเภอกงไกรลาศ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยควบคุมดูแล และช่วยเจรจากับพ่อค้า ให้คิดเงินค่าน้ำในราคาที่เป็นธรรม คือ 300-400 บาท ส่วนในช่วงฤดูฝนให้ลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง เพราะมีน้ำขังในร่องถนนโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
“ที่เราต้องจ่ายค่าน้ำเพราะพ่อค้าเขามีต้นทุนต้องเสียค่าไฟ ค่าน้ำมัน ดึงน้ำจากคลอง ผันเข้ามาในร่องถนน ใครมีที่นาอยู่ใกล้ก็ดึงน้ำไปใช้ทำนาได้ แต่ก็ต้องมีเครื่องสูบน้ำ และเสียค่าน้ำมันเอง ส่วนกรณีที่พ่อค้าจะเรียกเก็บเงินเต็มจำนวนในช่วงหน้าฝน ถือว่ามากเกินไป เพราะน้ำธรรมชาติมีอยู่แล้ว”
นายปรีชา ด้วงบุญมา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยว่า ทั้ง 9 อำเภอของสุโขทัย ขณะนี้ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 56,187 ครัวเรือน นาข้าวได้รับความเสียหาย 166,670 ไร่ พืชไร่เสียหาย 51,438 ไร่ ส่วนพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด คือ อ.กงไกรลาศ อ.ศรีสำโรง และ อ.บ้านด่านลานหอย
“ตอนนี้แม่น้ำยมหลายจุดมีสภาพแห้งขอด จึงต้องผันน้ำจากทุ่งทะเลหลวง มาช่วยประชาชนในเขตตัวเมืองสุโขทัย และผันน้ำจากแม่น้ำปิง จ.กำแพงเพชร มาช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ อ.คีรีมาศ แล้ว”
ทั้งนี้ คาดว่าปัญหาภัยแล้งจะขยายพื้นที่มากขึ้น และทวีความรุนแรงในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และจะครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ สำหรับสุโขทัยนั้น ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและบรรเทาปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง และผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ได้อนุมัติใช้งบฉุกเฉิน 50 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้นแล้ว