ASTVผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวนครราชสีมา – สื่อใต้ปีกทักษิณ เดินหน้ากดดันเบื้องสูง-ศาลยุติธรรมหนัก หยิบรูปพญาครุฑถูกปิดหน้าขึ้นปก พร้อมพาดหัวหมิ่นเหม่ “ปิดหน้าปล้น แตกหัก” ปกหลังแปลโคลงศรีปราชญ์แสดงความอาฆาตแค้น ปล่อยบทวิเคราะห์สัมภาษณ์หมิ่นศาล-ผู้พิพากษาเต็มเล่ม แถมดึงพระมาวิพากษ์ศาลรุนแรง ส่วนเวทีแดงถ่อยโหมโรงลานย่าโมโคราช เกณฑ์หัวละ 500 บาท
วานนี้ (5 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนแผงหนังสือทั่วไปได้มีการวางจำหน่ายนิตยสารเสียงทักษิณ (Voice of Taksin) ปีที่ 1 ฉบับที่ 16 ปักษ์แรก มีนาคม 2553 โดยบนปกมีข้อความระบุว่า “ปิดหน้าปล้น แตกหัก” พร้อมทั้งลงภาพพญาครุฑถูกปิดหน้าด้วยรังผึ้ง ขณะที่บนโปรยด้านล่าง ระบุข้อความว่า “โหด 6 ตุลาแห่งปี 53 ... บ้านจะดีต้องเริ่มที่พ่อ ... GT200 เครื่องจับแรงกดดันอนุพงษ์”
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า กองบรรณาธิการนิตยสารเสียงทักษิณต้องการจะสื่ออะไรที่กระทบไปยังสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพพญาครุฑถูกปิดหน้า เนื่องจาก “พญาครุฑ” นั้นถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของไทยที่มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยตราครุฑเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์ ดังที่ปรากฏอยู่ในดวงตราหรือพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ประจำแผ่นดิน ประจำราชวงศ์ และประจำรัชกาล เป็นต้น
ขณะที่ในปกหลังของหนังสือเสียงทักษิณฉบับล่าสุด ได้ขึ้นรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้โกงชาติและนักโทษหลบหนีโทษจำคุก 2 ปี พร้อมคำแปลโคลงศรีปราชญ์เป็นภาษาอังกฤษระบุว่า “This land bears witness. We are student of great guru. We do wrong, we deserve punishment. We did not, but punished, may this sword be returned” ซึ่งแปลมาจากโคลงบทสุดท้ายของศรีปราชญ์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวออกอากาศหลังได้รับทราบคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมาความว่า
“ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนั้นคืนสนอง”
***ข้อความหมิ่นศาลเต็มเล่ม
เมื่อผู้สื่อข่าวพลิกมาชมในส่วนปกหน้าด้านในของนิตยสารเล่มดังกล่าว ปรากฎภาพ ศาลพระภูมิที่ถูกประดับด้วยข้อความว่า “ถิ่นกาขาว” เครื่องบินเด็กเล่น 1 ลำ ปืนกลปลอม 2 กระบอก และ ข้อความว่า “ศาลสถิตอยุติธรรม ณ ทุ่งผีปอบ” โดยข้างล่างเป็นบนกวีแสดงความดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างชัดเจน
ขณะที่ในหน้าที่ 10 ปรากฎข้อความว่า “ตุลาการภิวัฒน์ ได้กลายเป็นตุลาการวิบัติไปแล้ว 'ศาล' ได้สูญเสียต้นทุนทางสังคมที่ประชาชนเคยเชื่อมั่นมาก่อนนับตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา การวินิจฉัยของตุลาการภิวัฒน์เพื่อเป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมืองนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์การเมืองอย่างรอบด้านแล้ว ยังทำให้เกิดปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่แปลกประหลาดขึ้นมา
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 51 ในช่วงที่ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ จำคุก 'หญิงอ้อ-บรรณพจน์' 3 ปี นั้นมีผึ้งหลวงจำนวนมากมาทำรังปิดหน้าองค์ครุฑซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของแผ่นดินสยาม ทำให้มีการตีความกันว่า การที่พญาผึ้งปิดหน้าองค์ครุฑ หมายถึงการที่ตุลาการได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับระบอบอำมาตย์และแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนของบรรดาตุลาการ มากกว่าการทำหน้าที่ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคม อันนำมาซึ่งการเสื่อมทรามในกระบวนการยุติธรรม ...” หนังสือเสียงทักษิณอ้าง
***บ้านจะดีต้องเริ่มที่ “พ่อทักษิณ”
ในส่วนของประโยคที่ว่า “บ้านจะดี ต้องเริ่มที่พ่อ” ซึ่งระบุไว้บนปกหน้านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวพลิกดูด้านในแล้วก็พบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับภาพบนปกเลย เพียงแต่ประโยคดังกล่าวเป็นชื่อบทความของ ดร.ชนาธิป ศิริปัญญาวงศ์ ในคอลัมน์ Family Secret ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตครอบครัว โดยตอนหนึ่งของบทความ “บ้านจะดี ต้องเริ่มที่พ่อ” ดร.ชนาธิป ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า
“พ่อบางคนทำผิดซ้ำซาก บางทีไม่คิดด้วยซ้ำว่าที่ตัวเองทำนั้นผิด แต่ปากพร่ำสอนลูกว่าอย่าทำผิด เช่น ตัวเองสูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ยๆ ต่อหน้าลูก แต่ปากพร่ำพูดว่า 'อย่าสูบบุหรี่นะลูก มันไม่ดี' พ่อบางคนใช้ทรัพย์สินเงินทองซื้อหาความสุขอย่างเกินขอบเขต แต่กลับบอกลูกว่า 'คนเราต้องประหยัดนะลูก อย่าใช้จ่ายเงินจนเกินตัว' พ่อบางคนร่ำรวยมั่งคั่งจากการทุจริตเบียดบังเงินทองคนอื่น ได้ทรัพย์สินเงินทองมาด้วยพฤติกรรมหลอกลวงปลิ้นปล้อน แต่กลับพร่ำสอนลูกว่า 'คนเราต้องทำงานหนัก ต้องเป็นคนดีของสังคม ต้องเสียสละเพื่อส่วนรวมนะลูก' ลูกที่พ่อพฤติกรรมอย่างนี้ก็ได้แต่หวานอมขมกลืน ก้าวเดินสู่โลกภายนอกได้ไม่สง่าผ่าเผย …”
ทั้งนี้มิทราบว่า ดร.ชนาธิป คอลัมนิสต์ของนิตยสารเสียงทักษิณ เขียนบทความดังกล่าวโดยต้องการกล่าวกระทบกระเทียบไปถึง ครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เพราะจากคำพิพากษาของศาลฎีกาเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ระบุอย่างชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพ่อที่ร่ำรวยมั่งคั่งจากการทุจริต คดโกงชาติ ทว่า เพียงไม่มีใครรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งสอนบุตร-ธิดาทั้ง 3 คนของตัวเองว่าอะไรเท่านั้น
*** สัมภาษณ์ “มหาโชว์” พระเสื้อแดง
ในตอนท้ายของนิตยสารฉบับดังกล่าวเป็นบทสัมภาษณ์พิเศษของพระมหาโชว์ ทัศนีโย แห่งวัดชนะสงคราม ที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้ที่ออกมาแสดงจุดยืนข้างคนเสื้อแดง โดยปรากฎตัวบนสื่อและเวทีปราศรัยของ นปช. หลายครั้ง ซึ่งช่วงหนึ่งเมื่อถูกถามถึงความเห็นเกี่ยวกับกรณีศาลตัดสินยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ พระมหาโชว์ได้ให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรม โดยระบุว่า
“ตอนนี้เรามองว่าไม่มีมาตรฐาน ไม่รู้ว่าจะใช้มาตรฐานอะไร คือ สุญญากาศ การปฏิบัติตัวของศาลปัจจุบันไม่ได้ดูถูก ดูอย่างนี้เลยก็คือ ศาลปัจจุบันนี้ไม่น่าเชื่อถือ องคมนตรีเป็นสถาบันที่ถวายรายงานกับในหลวงแต่ก่อนนี้องคมนตรีน่าเชื่อถือมาก ทำงานหรือจะไปมอบปริญญาคนจะให้ความเคารพ ฉะนั้นคนกลุ่มนี้จะใช้สถานะตรงนี้ไปหากิน เราก็นึกว่าคนที่มาถึงตรงนี้จะใสซื่อมือสะอาด โปร่งใส ไม่โกง ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น กลับกลายเป็นว่าปัจจุบันนี้คนที่เป็นศาลก็เลือกข้าง เลือกข้างถูกไม่น่าเป็นห่วง แต่ไม่เลือกข้างผิด ตัดสินให้มารเป็นเทพ ทั้งพญามาร และลูกมาร เอาหัวเทวดาไปใส่หัวมารแล้วอุปโลกน์ว่านี่คือเทพ แต่บางคนชื่อเทพ แต่มันคือหัวหน้ามาร ...” พระมหาโชว์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยกล่าว
ก่อนหน้านี้ นิตยสารเสียงทักษิณ ปักษ์แรก ฉบับเดือนมกราคม 2553 ก็เคยตีพิมพ์ภาพและข้อความไม่เหมาะสมทำนองเดียวกันมาแล้ว โดยได้หยิบยกเอาภาพ อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บริเวณวงเวียนใหญ่ขึ้นมาเป็นภาพบนปกหนังสือและพาดตัวอักษรว่า “กงกรรมประวัติศาสตร์ TAKSIN RETURNS” ขณะที่บนปกหลังนั้นเป็นภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีในคดีทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งกล่าวอวยพรปีใหม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดง
**หางแดงโผล่โหมโรงลานย่าโม
วันเดียวกัน เวทีคนเสื้อแดง จ.นครราชสีมา ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เขตเทศบาลนครนครราชสีมาตลอดช่วงบ่ายจนถึงค่ำวานนี้ (5มี.ค.) บรรดาแกนนำเสื้อแดงภาคอีสาน และ นชป.จากส่วนกลาง ได้สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาล กลุ่มอำมาตย์ และกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างรุนแรง
พร้อมปลุกระดมคนเสื้อแดงภาคอีสานให้ร่วมเดินทางเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ 14 มี.ค.กับคนเสื้อแดงทั่วประเทศที่กรุงเทพฯ เพื่อล้มระบบอำมาตย์ ขับไล่รัฐบาลและเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกศาลตัดสินยึดทรัพย์ อย่างต่อเนื่อง
โดยแกนนำคนสำคัญ เช่น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช.ภาคอีสาน, นายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส. ร้อยเอ็ด และ ผู้อำนวยการโรงเรียนนปช.แดงทั้งแผ่นดิน,นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดง จ.อุดรธานี, พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.), นายโสภณ เพชรสว่าง อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ ,นายขจรธน จุดโต อดีต.ส.ส. บุรีรัมย์ ว่าที่ผู้สมัครฯ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นพ.เหวง โตจิราการ, นายอดิศร เพียงเกษ และสามเกลอ นายวีระ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.เป็นต้น
**แฉใช้เงิน500บาทฟาดหัวชาวบ้านร่วมม็อบ
ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงจากอำเภอต่างๆ ใน จ.นครราชสีมา และหลายจังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสาน เช่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบางส่วนมาจากภาคอื่น ได้ทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง รวมประมาณกว่า 2,000 คน จากที่แกนนำได้ประกาศไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นคน ซึ่งมีกระแสข่าวว่าชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาร่วมชุมนุมครั้งนี้ได้ค่าจ้างหัวละ 500 บาท ท่ามกลางการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ อยู่บริเวณที่ชุมนุมและบริเวณโดยรอบกว่า 2,000 นาย
ทั้งนี้ นายนิสิต สินธุไพร ได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการประชุมแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน 19 จังหวัดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเข้าร่วมชุมนุมใหญ่กับพี่น้องคนเสื้อแดงทั่วประเทศที่ กรุงเทพฯในวันที่ 14 มี.ค.นี้
โดยที่ประชุมมีมติร่วมกันว่า 1.นปช.ภาคอีสานจะเคลื่อนไหวอย่างเป็นเอกภาพร่วมกัน 2.แบ่งกลุ่มเคลื่อนไหวออกเป็น 4 สาย 6 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1.อุดรธานี,หนองคาย และหนองบัวลำภู กลุ่มที่ 2.สกลนคร,นครพนม, มุกดาหาร กลุ่มที่ 3.ขอนแก่น,กาฬสินธุ์, มหาสารคาม ทั้ง 9 จังหวัดนี้จะเป็นสาย 1 เดินทางมาตามถนนมิตรภาพ มีเป้าหมายอยูที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยจะนัดหมายรวมพลทั้ง 9 จังหวัดอีกครั้งเพื่อเคลื่อนขบวนออกมาพร้อมกัน
สำหรับกลุ่มที่ 4.ประกอบด้วย จ.ร้อยเอ็ด,ยโสธร,อำนาจเจริญ เป็นสายที่ 2 เริ่มเดินทางจาก จ.ยโสธร มา มีเป้าหมายอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
กลุ่มที่ 5.อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ,สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ เป็นสายที่ 3 เคลื่อนขบวน
มาตามถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม มุ่งหน้าสู่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ กลุ่มที่ 6 ประกอบด้วย จ.เลย, ชัยภูมิ และ นครราชสีมา เป็นสายที่ 4 เดินทางมาตาม ถนนมิตรภาพ เป้าหมายอยู่ที่เดียวกันคือ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ คนเสื้อแดงจากทุกสายจะเคลื่อนออกจากที่ตั้งพร้อมกันในวันที่ 12 มี.ค. เวลา 12.00 น. โดยจะระดมรถยนต์อย่างน้อยหมู่บ้านละ 1 คัน ซึ่งจะเป็นรถชนิดใดก็ได้ คาดว่าเฉพาะภาคอีสานจะมีรถทุกประเภท ทั้ง รถกระบะ, อีแต๋น อีแต๊ก, รถจักรยานยนต์ และรถบัส เข้าร่วมขบวนไม่น้อยกว่า 20,000 คันอย่างแน่นอน และมีผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่น้อยกว่า 1 แสนคน มีเป้าหมายมารวมตัวที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จากนั้นจะเคลื่อนขบวนใหญ่อีสานเข้ากรุงเทพฯ เพื่อสมทบกับผู้ชุมนุมจากภาคอื่นทั่วประเทศในวันที่ 14 มี.ค.นี้
ต่อมาเวลา 18.00 น. กลุ่ม นปช. ได้จัดพิธีบวงสรวงสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เพื่อความเป็นสิริมงคล และขอพรย่าโมให้ได้รับชัยชนะในการต่อสู้ โดยเบื้องต้นได้กำหนดให้แกนนำ 3 เกลอ คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นผู้นำในการประกอบพิธี แต่เนื่องจากแกนนำทั้ง 3 คนเดินทางมาล่าช้า จึงมอบหมายให้นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และ นายนิสิต สินธุไพร เป็นผู้นำประกอบพิธีดังกล่าวแทน
ขณะที่ตำรวจได้ปิดเส้นทางการจราจร ถนนชุมพล และ ถนนราชดำเนิน เป็นถนนผ่านด้านหน้าและหลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ตลอดเส้นทางเพื่อไม่ให้รถสัญจรเข้ามาใกล้กับบริเวณที่มีการชุมนุมส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนักและสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนชาวโคราชในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจการค้าของเมืองโคราชเป็นอย่างมาก
ขณะที่เวลา 20.30 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินเข้ามายังที่ชุมนุม ระบุว่า ขอให้คนเสื้อแดงหลั่งไหลเข้าไปเรียกร้องประชาธิปไตย ขณะเดียกวันยังขอให้คนโคราช ที่ตนก็เคยมาเยือนไปร่วมชุมนุมด้วย ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวโจมตีนายสุวัจน์ ลิปตพัลภ ซึ่งมีฐานเสียงอยู่ในโคราชด้วย
**“จิ๋ว”ใช้บุญเก่าพบชาวเขาเชียงราย
มีรายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วานนี้ (5 มี.ค.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ได้ไปที่เชียงราย เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปลูกป่าสมานฉันท์สามัคคีชนเผ่า ถวายเป็นราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ณ ห้องประชุมโรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา อ.เมืองเชียงราย
โดยมีกลุ่มนักการเมืองในขั้วพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมหลายคน เช่น นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย เขต 1 พรรคเพื่อไทย, นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีตกรรมการพรรคไทยรักไทย และคนบ้านเลขที่ 111 ฯลฯ โดยมีประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองของนักเรียนชาวเขาทั้ง 17 ชนเผ่าเข้าร่วมประมาณ 200 คน พิธีดังกล่าวยังจัดให้ตัวแทนชาวเขา 17 ชนเผ่า ได้เข้ารับกล้าพันธุ์ไม้พระราชทาน เพื่อนำไปปลูกตามท้องที่ของแต่ละชนเผ่าต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนเปิดงาน พ.อ.วินัย ทันศรี ประธานชมรมปลูกป่าภาคเหนือ ได้กล่าวต้อนรับ พล.อ.ชวลิต โดยได้ยกเอาพระราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในหลายโอกาสที่ทรงให้กับประชาชนคนไทยเกี่ยวกับสร้างความสามัคคี จากนั้นได้ระบุว่า พล.อ.ชวลิต ได้น้อมนำเอามาปฏิบัติราชการตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อหลายปีก่อนได้เป็นอย่างดี
พ.อ.วินัย ยังกล่าวยกย่องไปถึงช่วงสงครามเย็น ซึ่งมีกองทัพเวียดนามบุกเข้าไปยึดประเทศกัมพูชา และเตรียมบุกประเทศไทย แต่ได้ พล.อ.ชวลิต ไปเจรจากับประเทศจีน จนเกิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม ทำให้ประเทศชาติพ้นจากสงคราม
**แดง ชร.เตรียมเปิดเวทีดึง"ไอ้กี้"ร่วม
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การเดินทางไปของ พล.อ.ชวลิต ในครั้งนี้ ไม่มีแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ไปร่วมในพิธีดังกล่าวแต่อย่างใด และ พล.อ.ชวลิต ก็มีกำหนดเดินทางกลับกรุงเทพฯในวันเดียวกัน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง พบว่า พยายามจะจัดงานเสมือนเป็นการส่งท้าย ด้วยการกำหนดจัดเวทีปราศรัยทางการเมืองหลังตลาดห้วยไคร้ ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย ห่างจากสถานีวิทยุชุมชนห้วยไคร้ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเชียงราย เพียงเล็กน้อย โดยมีรายงานว่า นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) จะเดินทางไปร่วมด้วยในวันที่ 6 มี.ค.นี้ นอกจากนี้ ในวันที่ 9 มี.ค.จะมีการจัดเวทีที่ อ.พญาเม็งราย ด้วย
**ชมรมกำนัน-ผญบ.ยื่นค้านเสื้อแดงชุมนุม
นายสุชิน พูลหิรัญ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดระยอง พร้อมตัวแทนกำนันผู้ใหญ่บ้านและประชาชนผู้รักความสงบจำนวน 30 คน ได้ยื่นหนังสือแก่ นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงระยอง บริเวณหลังห้างแหลมทองระยอง ตำบลเนินพระในวันที่ 7 มีนาคม ที่จะถึงนี้ อาจก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นได้ในพื้นที่จังหวัดระยองและอาจส่งผลกระทบโดยรวมต่อเศรษฐกิจ และสังคม
ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดระยองมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดี ที่ฉวยโอกาสบิดเบือนข้อเท็จจริงปลุกระดมมวลชนเข้าร่วมชุมนุม เพื่อให้เกิดความไม่สงบขึ้น ฉะนั้นทางชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดระยอง และกลุ่มประชาชนผู้รักความสงบ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ที่จะมาทำลายสถานภาพ ความสงบสุขโดยรวม
ทั้งนี้ขอประกาศให้ประชาชนคนไทยทั่วไปได้รับรู้ว่า ชาวระยองต้องการความสงบสุขและทำมาหากินโดยปกติสุข อีกทั้งไม่ต้องการทาสีเสื้ออีกด้วย จึงได้ทำหนังสือคัดค้านเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เพื่อเป็นการแสดงถึงเจตนารมณ์ของกำนันผู้ใหญ่บ้านและประชาชนผู้รักความสงบทั้งหมดในจังหวัดระยอง
วานนี้ (5 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนแผงหนังสือทั่วไปได้มีการวางจำหน่ายนิตยสารเสียงทักษิณ (Voice of Taksin) ปีที่ 1 ฉบับที่ 16 ปักษ์แรก มีนาคม 2553 โดยบนปกมีข้อความระบุว่า “ปิดหน้าปล้น แตกหัก” พร้อมทั้งลงภาพพญาครุฑถูกปิดหน้าด้วยรังผึ้ง ขณะที่บนโปรยด้านล่าง ระบุข้อความว่า “โหด 6 ตุลาแห่งปี 53 ... บ้านจะดีต้องเริ่มที่พ่อ ... GT200 เครื่องจับแรงกดดันอนุพงษ์”
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า กองบรรณาธิการนิตยสารเสียงทักษิณต้องการจะสื่ออะไรที่กระทบไปยังสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพพญาครุฑถูกปิดหน้า เนื่องจาก “พญาครุฑ” นั้นถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของไทยที่มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยตราครุฑเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์ ดังที่ปรากฏอยู่ในดวงตราหรือพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ประจำแผ่นดิน ประจำราชวงศ์ และประจำรัชกาล เป็นต้น
ขณะที่ในปกหลังของหนังสือเสียงทักษิณฉบับล่าสุด ได้ขึ้นรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้โกงชาติและนักโทษหลบหนีโทษจำคุก 2 ปี พร้อมคำแปลโคลงศรีปราชญ์เป็นภาษาอังกฤษระบุว่า “This land bears witness. We are student of great guru. We do wrong, we deserve punishment. We did not, but punished, may this sword be returned” ซึ่งแปลมาจากโคลงบทสุดท้ายของศรีปราชญ์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวออกอากาศหลังได้รับทราบคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมาความว่า
“ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนั้นคืนสนอง”
***ข้อความหมิ่นศาลเต็มเล่ม
เมื่อผู้สื่อข่าวพลิกมาชมในส่วนปกหน้าด้านในของนิตยสารเล่มดังกล่าว ปรากฎภาพ ศาลพระภูมิที่ถูกประดับด้วยข้อความว่า “ถิ่นกาขาว” เครื่องบินเด็กเล่น 1 ลำ ปืนกลปลอม 2 กระบอก และ ข้อความว่า “ศาลสถิตอยุติธรรม ณ ทุ่งผีปอบ” โดยข้างล่างเป็นบนกวีแสดงความดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างชัดเจน
ขณะที่ในหน้าที่ 10 ปรากฎข้อความว่า “ตุลาการภิวัฒน์ ได้กลายเป็นตุลาการวิบัติไปแล้ว 'ศาล' ได้สูญเสียต้นทุนทางสังคมที่ประชาชนเคยเชื่อมั่นมาก่อนนับตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา การวินิจฉัยของตุลาการภิวัฒน์เพื่อเป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมืองนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์การเมืองอย่างรอบด้านแล้ว ยังทำให้เกิดปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่แปลกประหลาดขึ้นมา
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 51 ในช่วงที่ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ จำคุก 'หญิงอ้อ-บรรณพจน์' 3 ปี นั้นมีผึ้งหลวงจำนวนมากมาทำรังปิดหน้าองค์ครุฑซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของแผ่นดินสยาม ทำให้มีการตีความกันว่า การที่พญาผึ้งปิดหน้าองค์ครุฑ หมายถึงการที่ตุลาการได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับระบอบอำมาตย์และแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนของบรรดาตุลาการ มากกว่าการทำหน้าที่ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคม อันนำมาซึ่งการเสื่อมทรามในกระบวนการยุติธรรม ...” หนังสือเสียงทักษิณอ้าง
***บ้านจะดีต้องเริ่มที่ “พ่อทักษิณ”
ในส่วนของประโยคที่ว่า “บ้านจะดี ต้องเริ่มที่พ่อ” ซึ่งระบุไว้บนปกหน้านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวพลิกดูด้านในแล้วก็พบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับภาพบนปกเลย เพียงแต่ประโยคดังกล่าวเป็นชื่อบทความของ ดร.ชนาธิป ศิริปัญญาวงศ์ ในคอลัมน์ Family Secret ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตครอบครัว โดยตอนหนึ่งของบทความ “บ้านจะดี ต้องเริ่มที่พ่อ” ดร.ชนาธิป ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า
“พ่อบางคนทำผิดซ้ำซาก บางทีไม่คิดด้วยซ้ำว่าที่ตัวเองทำนั้นผิด แต่ปากพร่ำสอนลูกว่าอย่าทำผิด เช่น ตัวเองสูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ยๆ ต่อหน้าลูก แต่ปากพร่ำพูดว่า 'อย่าสูบบุหรี่นะลูก มันไม่ดี' พ่อบางคนใช้ทรัพย์สินเงินทองซื้อหาความสุขอย่างเกินขอบเขต แต่กลับบอกลูกว่า 'คนเราต้องประหยัดนะลูก อย่าใช้จ่ายเงินจนเกินตัว' พ่อบางคนร่ำรวยมั่งคั่งจากการทุจริตเบียดบังเงินทองคนอื่น ได้ทรัพย์สินเงินทองมาด้วยพฤติกรรมหลอกลวงปลิ้นปล้อน แต่กลับพร่ำสอนลูกว่า 'คนเราต้องทำงานหนัก ต้องเป็นคนดีของสังคม ต้องเสียสละเพื่อส่วนรวมนะลูก' ลูกที่พ่อพฤติกรรมอย่างนี้ก็ได้แต่หวานอมขมกลืน ก้าวเดินสู่โลกภายนอกได้ไม่สง่าผ่าเผย …”
ทั้งนี้มิทราบว่า ดร.ชนาธิป คอลัมนิสต์ของนิตยสารเสียงทักษิณ เขียนบทความดังกล่าวโดยต้องการกล่าวกระทบกระเทียบไปถึง ครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เพราะจากคำพิพากษาของศาลฎีกาเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ระบุอย่างชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพ่อที่ร่ำรวยมั่งคั่งจากการทุจริต คดโกงชาติ ทว่า เพียงไม่มีใครรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งสอนบุตร-ธิดาทั้ง 3 คนของตัวเองว่าอะไรเท่านั้น
*** สัมภาษณ์ “มหาโชว์” พระเสื้อแดง
ในตอนท้ายของนิตยสารฉบับดังกล่าวเป็นบทสัมภาษณ์พิเศษของพระมหาโชว์ ทัศนีโย แห่งวัดชนะสงคราม ที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้ที่ออกมาแสดงจุดยืนข้างคนเสื้อแดง โดยปรากฎตัวบนสื่อและเวทีปราศรัยของ นปช. หลายครั้ง ซึ่งช่วงหนึ่งเมื่อถูกถามถึงความเห็นเกี่ยวกับกรณีศาลตัดสินยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ พระมหาโชว์ได้ให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรม โดยระบุว่า
“ตอนนี้เรามองว่าไม่มีมาตรฐาน ไม่รู้ว่าจะใช้มาตรฐานอะไร คือ สุญญากาศ การปฏิบัติตัวของศาลปัจจุบันไม่ได้ดูถูก ดูอย่างนี้เลยก็คือ ศาลปัจจุบันนี้ไม่น่าเชื่อถือ องคมนตรีเป็นสถาบันที่ถวายรายงานกับในหลวงแต่ก่อนนี้องคมนตรีน่าเชื่อถือมาก ทำงานหรือจะไปมอบปริญญาคนจะให้ความเคารพ ฉะนั้นคนกลุ่มนี้จะใช้สถานะตรงนี้ไปหากิน เราก็นึกว่าคนที่มาถึงตรงนี้จะใสซื่อมือสะอาด โปร่งใส ไม่โกง ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น กลับกลายเป็นว่าปัจจุบันนี้คนที่เป็นศาลก็เลือกข้าง เลือกข้างถูกไม่น่าเป็นห่วง แต่ไม่เลือกข้างผิด ตัดสินให้มารเป็นเทพ ทั้งพญามาร และลูกมาร เอาหัวเทวดาไปใส่หัวมารแล้วอุปโลกน์ว่านี่คือเทพ แต่บางคนชื่อเทพ แต่มันคือหัวหน้ามาร ...” พระมหาโชว์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยกล่าว
ก่อนหน้านี้ นิตยสารเสียงทักษิณ ปักษ์แรก ฉบับเดือนมกราคม 2553 ก็เคยตีพิมพ์ภาพและข้อความไม่เหมาะสมทำนองเดียวกันมาแล้ว โดยได้หยิบยกเอาภาพ อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บริเวณวงเวียนใหญ่ขึ้นมาเป็นภาพบนปกหนังสือและพาดตัวอักษรว่า “กงกรรมประวัติศาสตร์ TAKSIN RETURNS” ขณะที่บนปกหลังนั้นเป็นภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีในคดีทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งกล่าวอวยพรปีใหม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดง
**หางแดงโผล่โหมโรงลานย่าโม
วันเดียวกัน เวทีคนเสื้อแดง จ.นครราชสีมา ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เขตเทศบาลนครนครราชสีมาตลอดช่วงบ่ายจนถึงค่ำวานนี้ (5มี.ค.) บรรดาแกนนำเสื้อแดงภาคอีสาน และ นชป.จากส่วนกลาง ได้สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาล กลุ่มอำมาตย์ และกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างรุนแรง
พร้อมปลุกระดมคนเสื้อแดงภาคอีสานให้ร่วมเดินทางเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ 14 มี.ค.กับคนเสื้อแดงทั่วประเทศที่กรุงเทพฯ เพื่อล้มระบบอำมาตย์ ขับไล่รัฐบาลและเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกศาลตัดสินยึดทรัพย์ อย่างต่อเนื่อง
โดยแกนนำคนสำคัญ เช่น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช.ภาคอีสาน, นายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส. ร้อยเอ็ด และ ผู้อำนวยการโรงเรียนนปช.แดงทั้งแผ่นดิน,นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดง จ.อุดรธานี, พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.), นายโสภณ เพชรสว่าง อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ ,นายขจรธน จุดโต อดีต.ส.ส. บุรีรัมย์ ว่าที่ผู้สมัครฯ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นพ.เหวง โตจิราการ, นายอดิศร เพียงเกษ และสามเกลอ นายวีระ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.เป็นต้น
**แฉใช้เงิน500บาทฟาดหัวชาวบ้านร่วมม็อบ
ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงจากอำเภอต่างๆ ใน จ.นครราชสีมา และหลายจังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสาน เช่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบางส่วนมาจากภาคอื่น ได้ทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง รวมประมาณกว่า 2,000 คน จากที่แกนนำได้ประกาศไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นคน ซึ่งมีกระแสข่าวว่าชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาร่วมชุมนุมครั้งนี้ได้ค่าจ้างหัวละ 500 บาท ท่ามกลางการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ อยู่บริเวณที่ชุมนุมและบริเวณโดยรอบกว่า 2,000 นาย
ทั้งนี้ นายนิสิต สินธุไพร ได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการประชุมแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน 19 จังหวัดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเข้าร่วมชุมนุมใหญ่กับพี่น้องคนเสื้อแดงทั่วประเทศที่ กรุงเทพฯในวันที่ 14 มี.ค.นี้
โดยที่ประชุมมีมติร่วมกันว่า 1.นปช.ภาคอีสานจะเคลื่อนไหวอย่างเป็นเอกภาพร่วมกัน 2.แบ่งกลุ่มเคลื่อนไหวออกเป็น 4 สาย 6 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1.อุดรธานี,หนองคาย และหนองบัวลำภู กลุ่มที่ 2.สกลนคร,นครพนม, มุกดาหาร กลุ่มที่ 3.ขอนแก่น,กาฬสินธุ์, มหาสารคาม ทั้ง 9 จังหวัดนี้จะเป็นสาย 1 เดินทางมาตามถนนมิตรภาพ มีเป้าหมายอยูที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยจะนัดหมายรวมพลทั้ง 9 จังหวัดอีกครั้งเพื่อเคลื่อนขบวนออกมาพร้อมกัน
สำหรับกลุ่มที่ 4.ประกอบด้วย จ.ร้อยเอ็ด,ยโสธร,อำนาจเจริญ เป็นสายที่ 2 เริ่มเดินทางจาก จ.ยโสธร มา มีเป้าหมายอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
กลุ่มที่ 5.อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ,สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ เป็นสายที่ 3 เคลื่อนขบวน
มาตามถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม มุ่งหน้าสู่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ กลุ่มที่ 6 ประกอบด้วย จ.เลย, ชัยภูมิ และ นครราชสีมา เป็นสายที่ 4 เดินทางมาตาม ถนนมิตรภาพ เป้าหมายอยู่ที่เดียวกันคือ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ คนเสื้อแดงจากทุกสายจะเคลื่อนออกจากที่ตั้งพร้อมกันในวันที่ 12 มี.ค. เวลา 12.00 น. โดยจะระดมรถยนต์อย่างน้อยหมู่บ้านละ 1 คัน ซึ่งจะเป็นรถชนิดใดก็ได้ คาดว่าเฉพาะภาคอีสานจะมีรถทุกประเภท ทั้ง รถกระบะ, อีแต๋น อีแต๊ก, รถจักรยานยนต์ และรถบัส เข้าร่วมขบวนไม่น้อยกว่า 20,000 คันอย่างแน่นอน และมีผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่น้อยกว่า 1 แสนคน มีเป้าหมายมารวมตัวที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จากนั้นจะเคลื่อนขบวนใหญ่อีสานเข้ากรุงเทพฯ เพื่อสมทบกับผู้ชุมนุมจากภาคอื่นทั่วประเทศในวันที่ 14 มี.ค.นี้
ต่อมาเวลา 18.00 น. กลุ่ม นปช. ได้จัดพิธีบวงสรวงสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เพื่อความเป็นสิริมงคล และขอพรย่าโมให้ได้รับชัยชนะในการต่อสู้ โดยเบื้องต้นได้กำหนดให้แกนนำ 3 เกลอ คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นผู้นำในการประกอบพิธี แต่เนื่องจากแกนนำทั้ง 3 คนเดินทางมาล่าช้า จึงมอบหมายให้นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และ นายนิสิต สินธุไพร เป็นผู้นำประกอบพิธีดังกล่าวแทน
ขณะที่ตำรวจได้ปิดเส้นทางการจราจร ถนนชุมพล และ ถนนราชดำเนิน เป็นถนนผ่านด้านหน้าและหลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ตลอดเส้นทางเพื่อไม่ให้รถสัญจรเข้ามาใกล้กับบริเวณที่มีการชุมนุมส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนักและสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนชาวโคราชในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจการค้าของเมืองโคราชเป็นอย่างมาก
ขณะที่เวลา 20.30 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินเข้ามายังที่ชุมนุม ระบุว่า ขอให้คนเสื้อแดงหลั่งไหลเข้าไปเรียกร้องประชาธิปไตย ขณะเดียกวันยังขอให้คนโคราช ที่ตนก็เคยมาเยือนไปร่วมชุมนุมด้วย ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวโจมตีนายสุวัจน์ ลิปตพัลภ ซึ่งมีฐานเสียงอยู่ในโคราชด้วย
**“จิ๋ว”ใช้บุญเก่าพบชาวเขาเชียงราย
มีรายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วานนี้ (5 มี.ค.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ได้ไปที่เชียงราย เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปลูกป่าสมานฉันท์สามัคคีชนเผ่า ถวายเป็นราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ณ ห้องประชุมโรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา อ.เมืองเชียงราย
โดยมีกลุ่มนักการเมืองในขั้วพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมหลายคน เช่น นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย เขต 1 พรรคเพื่อไทย, นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีตกรรมการพรรคไทยรักไทย และคนบ้านเลขที่ 111 ฯลฯ โดยมีประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองของนักเรียนชาวเขาทั้ง 17 ชนเผ่าเข้าร่วมประมาณ 200 คน พิธีดังกล่าวยังจัดให้ตัวแทนชาวเขา 17 ชนเผ่า ได้เข้ารับกล้าพันธุ์ไม้พระราชทาน เพื่อนำไปปลูกตามท้องที่ของแต่ละชนเผ่าต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนเปิดงาน พ.อ.วินัย ทันศรี ประธานชมรมปลูกป่าภาคเหนือ ได้กล่าวต้อนรับ พล.อ.ชวลิต โดยได้ยกเอาพระราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในหลายโอกาสที่ทรงให้กับประชาชนคนไทยเกี่ยวกับสร้างความสามัคคี จากนั้นได้ระบุว่า พล.อ.ชวลิต ได้น้อมนำเอามาปฏิบัติราชการตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อหลายปีก่อนได้เป็นอย่างดี
พ.อ.วินัย ยังกล่าวยกย่องไปถึงช่วงสงครามเย็น ซึ่งมีกองทัพเวียดนามบุกเข้าไปยึดประเทศกัมพูชา และเตรียมบุกประเทศไทย แต่ได้ พล.อ.ชวลิต ไปเจรจากับประเทศจีน จนเกิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม ทำให้ประเทศชาติพ้นจากสงคราม
**แดง ชร.เตรียมเปิดเวทีดึง"ไอ้กี้"ร่วม
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การเดินทางไปของ พล.อ.ชวลิต ในครั้งนี้ ไม่มีแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ไปร่วมในพิธีดังกล่าวแต่อย่างใด และ พล.อ.ชวลิต ก็มีกำหนดเดินทางกลับกรุงเทพฯในวันเดียวกัน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง พบว่า พยายามจะจัดงานเสมือนเป็นการส่งท้าย ด้วยการกำหนดจัดเวทีปราศรัยทางการเมืองหลังตลาดห้วยไคร้ ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย ห่างจากสถานีวิทยุชุมชนห้วยไคร้ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเชียงราย เพียงเล็กน้อย โดยมีรายงานว่า นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) จะเดินทางไปร่วมด้วยในวันที่ 6 มี.ค.นี้ นอกจากนี้ ในวันที่ 9 มี.ค.จะมีการจัดเวทีที่ อ.พญาเม็งราย ด้วย
**ชมรมกำนัน-ผญบ.ยื่นค้านเสื้อแดงชุมนุม
นายสุชิน พูลหิรัญ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดระยอง พร้อมตัวแทนกำนันผู้ใหญ่บ้านและประชาชนผู้รักความสงบจำนวน 30 คน ได้ยื่นหนังสือแก่ นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงระยอง บริเวณหลังห้างแหลมทองระยอง ตำบลเนินพระในวันที่ 7 มีนาคม ที่จะถึงนี้ อาจก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นได้ในพื้นที่จังหวัดระยองและอาจส่งผลกระทบโดยรวมต่อเศรษฐกิจ และสังคม
ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดระยองมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดี ที่ฉวยโอกาสบิดเบือนข้อเท็จจริงปลุกระดมมวลชนเข้าร่วมชุมนุม เพื่อให้เกิดความไม่สงบขึ้น ฉะนั้นทางชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดระยอง และกลุ่มประชาชนผู้รักความสงบ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ที่จะมาทำลายสถานภาพ ความสงบสุขโดยรวม
ทั้งนี้ขอประกาศให้ประชาชนคนไทยทั่วไปได้รับรู้ว่า ชาวระยองต้องการความสงบสุขและทำมาหากินโดยปกติสุข อีกทั้งไม่ต้องการทาสีเสื้ออีกด้วย จึงได้ทำหนังสือคัดค้านเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เพื่อเป็นการแสดงถึงเจตนารมณ์ของกำนันผู้ใหญ่บ้านและประชาชนผู้รักความสงบทั้งหมดในจังหวัดระยอง