ASTVผู้จัดการ – สื่อใต้ปีกทักษิณ เดินหน้ากดดันเบื้องสูง-ศาลยุติธรรม หนัก หยิบรูปพญาครุฑถูกปิดหน้าขึ้นปก พร้อมพาดหัวหมิ่นเหม่ ปกหลังแปลโคลงศรีปราชญ์แสดงความอาฆาตแค้น ปล่อยบทวิเคราะห์สัมภาษณ์หมิ่นศาล-ผู้พิพากษาเต็มเล่ม แถมดึงพระมาวิพากษ์ศาลรุนแรง
วันนี้ (5 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนแผงหนังสือทั่วไปได้มีการวางจำหน่ายนิตยสารเสียงทักษิณ (Voice of Taksin) ปีที่ 1 ฉบับที่ 16 ปักษ์แรก มีนาคม 2553 โดยบนปกมีข้อความระบุว่า “ปิดหน้าปล้น แตกหัก” พร้อมทั้งลงภาพพญาครุฑถูกปิดหน้าด้วยรังผึ้ง ขณะที่บนโปรยด้านล่าง ระบุข้อความว่า “โหด 6 ตุลาแห่งปี 53 ... บ้านจะดีต้องเริ่มที่พ่อ ... GT200 เครื่องจับแรงกดดันอนุพงษ์”
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า กองบรรณาธิการนิตยสารเสียงทักษิณ มีความต้องการจะสื่ออะไรที่กระทบไปยังสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพพญาครุฑถูกปิดหน้า เนื่องจาก “พญาครุฑ” นั้นถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของไทยที่มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยตราครุฑเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์ ดังที่ปรากฏอยู่ในดวงตราหรือพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ประจำแผ่นดิน ประจำราชวงศ์ และประจำรัชกาล เป็นต้น
ขณะที่ในปกหลังของหนังสือเสียงทักษิณฉบับล่าสุด ได้ขึ้นรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้โกงชาติและนักโทษหลบหนีโทษจำคุก 2 ปี พร้อมคำแปลโคลงศรีปราชญ์เป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่า “This land bears witness. We are student of great guru. We do wrong, we deserve punishment. We did not, but punished, may this sword be returned” ซึ่งแปลมาจากโคลงบทสุดท้ายของศรีปราชญ์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวออกอากาศหลังได้รับทราบคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมาความว่า
ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนั้นคืนสนอง
ข้อความหมิ่นศาลเต็มเล่ม
เมื่อผู้สื่อข่าวพลิกมาชมในส่วนปกหน้าด้านในของนิตยสารเล่มดังกล่าว ก็ปรากฏภาพ ศาลพระภูมิที่ถูกประดับด้วยข้อความว่า “ถิ่นกาขาว” เครื่องบินเด็กเล่น 1 ลำ ปืนกลปลอม 2 กระบอก และข้อความว่า “ศาลสถิตอยุติธรรม ณ ทุ่งผีปอบ” โดยข้างล่างเป็นบทกวีแสดงความดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างชัดเจน
ขณะที่ในหน้าที่ 10 ก็ปรากฏข้อความว่า “ตุลาการภิวัฒน์ ได้กลายเป็นตุลาการวิบัติไปแล้ว “ศาล” ได้สูญเสียต้นทุนทางสังคมที่ประชาชนเคยเชื่อมั่นมาก่อนนับตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา การวินิจฉัยของตุลาการภิวัฒน์เพื่อเป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมืองนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์การเมืองอย่างรอบด้านแล้ว ยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่แปลกประหลาดขึ้นมา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 51 ในช่วงที่ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ป จำคุก “หญิงอ้อ-บรรณพจน์” 3 ปี นั้นมีผึ้งหลวงจำนวนมากมาทำรังปิดหน้าองค์ครุฑซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของแผ่นดินสยาม ทำให้มีการตีความกันว่า การที่พญาผึ้งปิดหน้าองค์ครุฑ หมายถึงการที่ตุลาการได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับระบอบอำมาตย์และแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนของบรรดาตุลาการ มากกว่าการทำหน้าที่ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคม อันนำมาซึ่งการเสื่อมทรามในกระบวนการยุติธรรม ...” หนังสือเสียงทักษิณอ้าง
บ้านจะดีต้องเริ่มที่ “พ่อทักษิณ”
ในส่วนของประโยคที่ว่า “บ้านจะดี ต้องเริ่มที่พ่อ” ซึ่งระบุไว้บนปกหน้านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวพลิกดูด้านในแล้ว ก็พบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับภาพบนปกเลย เพียงแต่ประโยคดังกล่าวเป็นชื่อบทความของ ดร.ชนาธิป ศิริปัญญาวงศ์ ในคอลัมน์ Family Secret ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตครอบครัว โดยตอนหนึ่งของบทความ “บ้านจะดี ต้องเริ่มที่พ่อ” ดร.ชนาธิป ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า
“พ่อบางคนทำผิดซ้ำซาก บางทีไม่คิดด้วยซ้ำว่าที่ตัวเองทำนั้นผิด แต่ปากพร่ำสอนลูกว่าอย่าทำผิด เช่น ตัวเองสูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ยๆ ต่อหน้าลูก แต่ปากพร่ำพูดว่า “อย่าสูบบุหรี่นะลูก มันไม่ดี” พ่อบางคนใช้ทรัพย์สินเงินทองซื้อหาความสุขอย่างเกินขอบเขต แต่กลับบอกลูกว่า “คนเราต้องประหยัดนะลูก อย่าใช้จ่ายเงินจนเกินตัว” พ่อบางคนร่ำรวยมั่งคั่งจากการทุจริตเบียดบังเงินทองคนอื่น ได้ทรัพย์สินเงินทองมาด้วยพฤติกรรมหลอกลวงปลิ้นปล้อน แต่กลับพร่ำสอนลูกว่า “คนเราต้องทำงานหนัก ต้องเป็นคนดีของสังคม ต้องเสียสละเพื่อส่วนรวมนะลูก” ลูกที่มีพ่อพฤติกรรมอย่างนี้ก็ได้แต่หวานอมขมกลืน ก้าวเดินสู่โลกภายนอกได้ไม่สง่าผ่าเผย …”
ทั้งนี้ มิทราบว่า ดร.ชนาธิป คอลัมนิสต์ของนิตยสารเสียงทักษิณ เขียนบทความดังกล่าวโดยต้องการกล่าวกระทบกระเทียบไปถึงครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เพราะจากคำพิพากษาของศาลฎีกาเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ระบุอย่างชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพ่อที่ร่ำรวยมั่งคั่งจากการทุจริต คดโกงชาติ ทว่า เพียงไม่มีใครรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งสอนบุตร-ธิดาทั้ง 3 คนของตัวเองว่าอะไรเท่านั้น
สัมภาษณ์ “มหาโชว์” พระเสื้อแดง
ในตอนท้ายของนิตยสารฉบับดังกล่าวเป็นบทสัมภาษณ์พิเศษของพระมหาโชว์ ทัศนีโย แห่งวัดชนะสงคราม ที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้ที่ออกมาแสดงจุดยืนข้างคนเสื้อแดง โดยปรากฏตัวบนสื่อและเวทีปราศรัยของ นปช.หลายครั้ง ซึ่งช่วงหนึ่งเมื่อถูกถามถึงความเห็นเกี่ยวกับกรณีศาลตัดสินยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ พระมหาโชว์ได้ให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรม โดยระบุว่า
“ตอนนี้เรามองว่าไม่มีมาตรฐาน ไม่รู้ว่าจะใช้มาตรฐานอะไร คือ สุญญากาศ การปฏิบัติตัวของศาลปัจจุบันไม่ได้ดูถูก ดูอย่างนี้เลยก็คือ ศาลปัจจุบันนี้ไม่น่าเชื่อถือ องคมนตรีเป็นสถาบันที่ถวายรายงานกับในหลวง แต่ก่อนนี้องคมนตรีน่าเชื่อถือมาก ทำงานหรือจะไปมอบปริญญาคนจะให้ความเคารพ ฉะนั้น คนกลุ่มนี้จะใช้สถานะตรงนี้ไปหากิน เราก็นึกว่าคนที่มาถึงตรงนี้จะใสซื่อมือสะอาด โปร่งใส ไม่โกง ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน กลับกลายเป็นว่าปัจจุบันนี้คนที่เป็นศาลก็เลือกข้าง เลือกข้างถูกไม่น่าเป็นห่วง แต่ไม่เลือกข้างผิด ตัดสินให้มารเป็นเทพ ทั้งพญามาร และลูกมาร เอาหัวเทวดาไปใส่หัวมารแล้วอุปโลกน์ว่านี่คือเทพ แต่บางคนชื่อเทพ แต่มันคือหัวหน้ามาร ...” พระมหาโชว์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าว
ก่อนหน้านี้ นิตยสารเสียงทักษิณ ปักษ์แรก ฉบับเดือนมกราคม 2553 ก็เคยตีพิมพ์ภาพและข้อความไม่เหมาะสมทำนองเดียวกันมาแล้ว โดยได้หยิบยกเอาภาพ อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บริเวณวงเวียนใหญ่ ขึ้นมาเป็นภาพบนปกหนังสือและพาดตัวอักษรว่า “กงกรรมประวัติศาสตร์ TAKSIN RETURNS” ขณะที่บนปกหลังนั้นเป็นภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีในคดีทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งกล่าวอวยพรปีใหม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดง
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงและบรรณาธิการบริหารนิตยสารเสียงทักษิณ