xs
xsm
sm
md
lg

จีทีเอชทุ่ม150ล.สู้ม็อบ-บอลโลกหวั่นตลาดหนังซบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – จีทีเอชพร้อมรับมือความวุ่นวายทางการเมือง ด้วยการเลื่อนฉายหนังหากเกิดเหตุรุนแรง แต่มั่นใจปีนี้ ส่งหนังลงโรง 6 เรื่อง ด้วยงบลงทุน 150 ล้านบาท เผยปี 52 รายได้เติบโตถึง 20%

นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด ผุ้ดำเนินธุรกิจสร้างหยังรายใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา หากมีเหตุการณ์ความรุนแรงทางด้านการเมืองเกิดขึ้นภายในประเทศ จากความขัดแย้งทางการเมืองเวลานี้ หลังจากวันตัดสินคดียึดทรัพย์ผ่านไปแล้ว ซึ่งปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กระทบต่ออุตสาหกรรมหนังในไทยอย่างมากและยังคงเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วงที่สุดในเวลานี้

แต่อดีตที่ผ่านมาบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองมากนัก เนื่องจาก ได้มีการพิจารณาและวางแผนโดยพิจารณาดูจากสถานการณ์ทางการเมืองตอลดเวลาว่าเป็นอย่างไร

สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะรุกขยายธุรกิจเข้าสู่สื่อทีวีมากขึ้น ทั้งนี้ จะมีการเปิดตัวรายการละครซิทคอม 1 เรื่อง ชื่อว่า “เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร” เพื่อออกอากาศทางช่อง 5 เวลา 22.40 น. ส่วนอีกรายการเป็นละครซีรีย์ซึ่งยังอยู่ระหว่าางการเจรจากับทางสถานีโทรทัศน์ในการหาเวลาที่เหมาะสมเพื่อออกอากาศ

ขณะที่แผนการรุกธุรกิจหนังโรงนั้น ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิมที่วางไว้ ด้วยการกำหนดปริมาณหนังที่จะเข้าฉายในโรงปีนี้ประมาณ 6 เรื่อง หรือเฉลี่ย 2 เดือนต่อเรื่อง ตั้งงบประมาณการลงทุนสร้างรวมประมาณ 150 ล้านาท หรือเฉลี่ยลงทุนเรื่องละประมาณ 20-30 ล้านบาท ซึ่งช่วงเวลาที่บริษัทฯจะนำหนังเข้าฉายในโรงนั้น จะยังคงเป็นกำหนดเดิมที่บริษัทฯดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องคือช่วงไตมาที่สามและไตรมาสที่สี่

เนื่องจากพิจารณาแล้วพบว่าช่วงเวลาดังกล่าวนั้นมีความเหมาะสมะในหลายประการทั้งในเรื่องของสถานการณ์ ความเหมาะสมด้านการผลิต เป็นต้น ซึ่งเรื่องแรกของปีนี้ที่จะประเดิมลงโรงหนังคือเรื่อง”บ้านฉันตลกไว้ก่อนพ่อสอนไว้” ส่วนเรื่องที่สองนั้นยังไม่ขอเปิดเผยเวลานี้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าในช่วงกลางปีนี้จะมีมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ประเทศแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนดูหนังลดน้อยลงบ้างก็เป็นได้ซึ่งตรงนี้บริษัทฯจะต้องนำมาพิจารณาในการกำหนดหนังออกฉายด้วย

ส่วนแผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศนั้น นายวิสูตร กล่าวว่า ยังมีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง กับประเทศที่บริษัทฯส่งหนังเข้าไปฉาย โดยยังคงเน้นในกลุ่มประเทศตลาดเดิมที่ทำอยู่

สำหรับผลประกอบการในปี 2553 บริษัทฯคาดหวังว่าจะมีรายได้รวมตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน ขณะที่รายได้เมื่อปีที่แล้วมีรายได้ประมาณ 520 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตจากปี 2551 ประมาณ 20% ขณะที่ตลาดรวมของหนังไทยในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีประมาณ 1,200 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น