ASTVผู้จัดการรายวัน - สศค. เผยเศรษฐกิจเดือนมกราคมฟื้นตัวชัดเจน ชี้ส่งออกกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนการใช้จ่ายภาครัฐ คาดจีดีพีไตรมาสแรกสูงกว่า 5.8% พร้อมปรับประมาณการทั้งปีใหม่ดีขึ้นปลายเดือนมีนาคมนี้ หากการเมืองไม่รุนแรง
นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจเดือนมกราคามที่ผ่านมามีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนต่อเนื่องจากเดือนธันวาคมปีก่อน โดยมีการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนหลักแทนการใช้จ่ายของภาครัฐที่เคยเป็นตัวหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจปีก่อน เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกที่สูงถึง 30.8% นั้นมีการกระจายตลาดส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคต่างๆมากขึ้น โดยคู่ค่าหลักยังเป็น จีน อินเดีย และประเทศในเอเชีย ส่วนสหรัฐที่เคยมีสัดส่วน 20% ลดลงเหลือ10% เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการส่งออกสินค้าของไทยมากขึ้น
ขณะที่การบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นชัดเจนเห็นได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรายได้ของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายรถปิดอัพและรถจักรยานยนต์ขยายตัว รวมถึงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของรัฐบาลที่สูงขึ้น ส่วนการลงทุนภาคเอกชนถือว่าปรับตัวดีขึ้นมาก เห็นได้จากการนำเข้าวัตถุดิบ เครื่องจักรที่มีตามมาหลังมีการว่าจ้างแรงงานเพิ่มก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่าเริ่มมีการขยายกำลังการผลิตสินค้ารองรับยอดการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น
“การจ้างงานที่กลับคืนมาอาจส่งผลให้มีการแย่งชิงงานกัน โดยเห็นได้จากตัวเลขการว่างงานเดือนมกราคมลดลงเหลือเพียง 0.9% หรือ 3.5 แสนคนจากที่เคยอยู่ระดับ 1%เดือนก่อนหน้า ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังเข้ามามากใกล้เคียงเดือนธันวาคมปีก่อนที่ประมาณ 1.65 ล้านคน ถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์หากเทียบกับมกราคมปีก่อนๆ ขณะที่เงินเฟ้อยังไม่น่าเป็นห่วงและจากความมีเสถียรภาพด้านอื่นๆน่าจะส่งผลให้จีดีพีไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวสูงกว่า 5.8% ในไตรมาส 4 ปีก่อน โดยสศค.จะมีการปรับประมาณการจีดีพีทั้งปีใหม่วันที่ 29 มีนาคมนี้ คาดว่าจะดีขึ้นจากที่ประเมินก่อนหน้านี้ที่ขยายตัว 3-4% หากการเมืองไม่มีความรุนแรง” นายสาธิต กล่าวและว่าปัจจัยเสี่ยงยังเป็นเรื่องการเมืองและมาบตาพุดซึ่งอยู่ที่สถานการณ์ในช่วงนั้นๆ ด้วย
นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจเดือนมกราคามที่ผ่านมามีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนต่อเนื่องจากเดือนธันวาคมปีก่อน โดยมีการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนหลักแทนการใช้จ่ายของภาครัฐที่เคยเป็นตัวหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจปีก่อน เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกที่สูงถึง 30.8% นั้นมีการกระจายตลาดส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคต่างๆมากขึ้น โดยคู่ค่าหลักยังเป็น จีน อินเดีย และประเทศในเอเชีย ส่วนสหรัฐที่เคยมีสัดส่วน 20% ลดลงเหลือ10% เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการส่งออกสินค้าของไทยมากขึ้น
ขณะที่การบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นชัดเจนเห็นได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรายได้ของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายรถปิดอัพและรถจักรยานยนต์ขยายตัว รวมถึงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของรัฐบาลที่สูงขึ้น ส่วนการลงทุนภาคเอกชนถือว่าปรับตัวดีขึ้นมาก เห็นได้จากการนำเข้าวัตถุดิบ เครื่องจักรที่มีตามมาหลังมีการว่าจ้างแรงงานเพิ่มก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่าเริ่มมีการขยายกำลังการผลิตสินค้ารองรับยอดการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น
“การจ้างงานที่กลับคืนมาอาจส่งผลให้มีการแย่งชิงงานกัน โดยเห็นได้จากตัวเลขการว่างงานเดือนมกราคมลดลงเหลือเพียง 0.9% หรือ 3.5 แสนคนจากที่เคยอยู่ระดับ 1%เดือนก่อนหน้า ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังเข้ามามากใกล้เคียงเดือนธันวาคมปีก่อนที่ประมาณ 1.65 ล้านคน ถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์หากเทียบกับมกราคมปีก่อนๆ ขณะที่เงินเฟ้อยังไม่น่าเป็นห่วงและจากความมีเสถียรภาพด้านอื่นๆน่าจะส่งผลให้จีดีพีไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวสูงกว่า 5.8% ในไตรมาส 4 ปีก่อน โดยสศค.จะมีการปรับประมาณการจีดีพีทั้งปีใหม่วันที่ 29 มีนาคมนี้ คาดว่าจะดีขึ้นจากที่ประเมินก่อนหน้านี้ที่ขยายตัว 3-4% หากการเมืองไม่มีความรุนแรง” นายสาธิต กล่าวและว่าปัจจัยเสี่ยงยังเป็นเรื่องการเมืองและมาบตาพุดซึ่งอยู่ที่สถานการณ์ในช่วงนั้นๆ ด้วย
