ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลแขวงปทุมวัน ลงโทษจำคุก 10 หัวโจกแฟนบอลทีมสโมสรการท่าเรือ คนละ 2 เดือน แต่จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ลดโทษเหลือ 1 เดือน โทษคุกรอลงอาญาไว้ 1 ปี ปรับ 2,000 บาท บำเพ็ญสาธารณกุศลอีก 12 ชั่วโมง รายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติ 4 ครั้ง ต่อ 1 ปี
วานนี้(25 ก.พ.)ร.ต.ท.จิตติมา ธงไชย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ปทุมวัน ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาแฟนบอลทีมสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ที่ก่อเหตุทำร้ายแฟนบอลทีมเมืองทองยูไนเต็ด ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท (ก) ที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา จำนวน 10 คน ประกอบด้วย นายประสิทธิชัย แย้มขยาย อายุ 27 ปี, นายสนธยา ยอดบุรี อายุ 30 ปี, นายจีระพงษ์ พัดนวล อายุ 28 ปี, นายวุฒิพงษ์ เกตุสุขำ อายุ 28 ปี, นายฉัตรชัย ขันทอง อายุ 24 ปี, นายโอกาสดี แก่นจันทร์ อายุ 23 ปี, นายจำลอง ทองเหลือ อายุ 23 ปี, นายประพันธ์ แสนสะอาด อายุ 22 ปี, นายสุพจน์ เนตรจินดา อายุ 27 ปี และนายอภิเชษฐ์ ภู่พวง อายุ 25 ปี ผู้ต้องคนล่าสุดที่เพิ่งเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาลแขวงปทุมวัน ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 เดือน และปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
ทั้งนี้มี นายมงคล สันติกุล หรือ “หมู ท่าเรือ” ประธานกองเชียร์ทีมสโมรสรการท่าเรือไทย เอฟซี ติดตามไปให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด พร้อมกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวอย่างเป็นธรรมแก่ทีมของตน ก่อนที่จะขึ้นรถตู้เพื่อพาตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยังศาลแขวงปทุมวัน
ต่อมาเวลา 10.00 น. พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด มายื่นฟ้องต่อศาลแขวงปทุมวันเป็นจำเลยที่ 1-10 ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ จากกรณีก่อเหตุทำร้ายแฟนบอลทีมเมืองทองยูไนเต็ด ได้รับบาดเจ็บเกือบ 20 คน โดยส่วนใหญ่ถูกของแข็งฟาดเข้าที่ลำตัว รวมถึงสะเก็ดจากพลุของฝั่งท่าเรือ
หลังศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งหมดเป็นเวลา 2 เดือน แต่จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ลดโทษเหลือ 1 เดือน ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพจึงให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี ปรับ 2,000 บาท บำเพ็ญสาธารณกุศลอีก 12 ชั่วโมง รายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติ 4 ครั้ง ต่อ 1 ปี
**สนามศุภฯห้ามขาย-ดื่มเหล้า
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมาได้นำประเด็นปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสนามกีฬาเข้าหารือคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า สนามกีฬาของรัฐถือเป็นสถานที่ราชการและเป็นพื้นที่สาธารณะ ดังนั้น จึงเข้าข่ายตามมาตรา 27 ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณที่กำหนด รวมทั้งมาตรา 31 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ห้ามดื่มด้วย
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ เป็นพื้นที่ของกรมพลศึกษาและสถานที่บางส่วนเป็นที่ทำการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของหน่วยงาน สมาคมเกี่ยวกับการกีฬา และนันทนาการอื่นๆ และบริเวณข้างเคียงยังมีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เป็นพื้นที่ที่กฎหมายควบคุมไม่ให้มีการจำหน่ายและดื่มสุราอยู่แล้ว หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.สมาน กล่าวอีกว่า สำหรับสนามกีฬาเอกชนกฎหมายยังไม่ครอบคลุมแต่กรรมการฯ เห็นตรงกันว่า ควรห้ามจำหน่ายและห้ามดื่มด้วย ดังนั้น จะต้องมีการออกประกาศเพิ่มเติม รวมทั้งเพิ่มสถานที่จัดคอนเสิร์ต กำหนดเป็นสถานที่ห้ามจำหน่ายและห้ามดื่มด้วย ซึ่งตามกระบวนการอาจต้องใช้เวลา เนื่องจากต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติที่มี พล.ต.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
วานนี้(25 ก.พ.)ร.ต.ท.จิตติมา ธงไชย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ปทุมวัน ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาแฟนบอลทีมสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ที่ก่อเหตุทำร้ายแฟนบอลทีมเมืองทองยูไนเต็ด ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท (ก) ที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา จำนวน 10 คน ประกอบด้วย นายประสิทธิชัย แย้มขยาย อายุ 27 ปี, นายสนธยา ยอดบุรี อายุ 30 ปี, นายจีระพงษ์ พัดนวล อายุ 28 ปี, นายวุฒิพงษ์ เกตุสุขำ อายุ 28 ปี, นายฉัตรชัย ขันทอง อายุ 24 ปี, นายโอกาสดี แก่นจันทร์ อายุ 23 ปี, นายจำลอง ทองเหลือ อายุ 23 ปี, นายประพันธ์ แสนสะอาด อายุ 22 ปี, นายสุพจน์ เนตรจินดา อายุ 27 ปี และนายอภิเชษฐ์ ภู่พวง อายุ 25 ปี ผู้ต้องคนล่าสุดที่เพิ่งเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาลแขวงปทุมวัน ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 เดือน และปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
ทั้งนี้มี นายมงคล สันติกุล หรือ “หมู ท่าเรือ” ประธานกองเชียร์ทีมสโมรสรการท่าเรือไทย เอฟซี ติดตามไปให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด พร้อมกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวอย่างเป็นธรรมแก่ทีมของตน ก่อนที่จะขึ้นรถตู้เพื่อพาตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยังศาลแขวงปทุมวัน
ต่อมาเวลา 10.00 น. พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด มายื่นฟ้องต่อศาลแขวงปทุมวันเป็นจำเลยที่ 1-10 ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ จากกรณีก่อเหตุทำร้ายแฟนบอลทีมเมืองทองยูไนเต็ด ได้รับบาดเจ็บเกือบ 20 คน โดยส่วนใหญ่ถูกของแข็งฟาดเข้าที่ลำตัว รวมถึงสะเก็ดจากพลุของฝั่งท่าเรือ
หลังศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งหมดเป็นเวลา 2 เดือน แต่จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ลดโทษเหลือ 1 เดือน ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพจึงให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี ปรับ 2,000 บาท บำเพ็ญสาธารณกุศลอีก 12 ชั่วโมง รายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติ 4 ครั้ง ต่อ 1 ปี
**สนามศุภฯห้ามขาย-ดื่มเหล้า
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมาได้นำประเด็นปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสนามกีฬาเข้าหารือคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า สนามกีฬาของรัฐถือเป็นสถานที่ราชการและเป็นพื้นที่สาธารณะ ดังนั้น จึงเข้าข่ายตามมาตรา 27 ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณที่กำหนด รวมทั้งมาตรา 31 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ห้ามดื่มด้วย
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ เป็นพื้นที่ของกรมพลศึกษาและสถานที่บางส่วนเป็นที่ทำการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของหน่วยงาน สมาคมเกี่ยวกับการกีฬา และนันทนาการอื่นๆ และบริเวณข้างเคียงยังมีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เป็นพื้นที่ที่กฎหมายควบคุมไม่ให้มีการจำหน่ายและดื่มสุราอยู่แล้ว หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.สมาน กล่าวอีกว่า สำหรับสนามกีฬาเอกชนกฎหมายยังไม่ครอบคลุมแต่กรรมการฯ เห็นตรงกันว่า ควรห้ามจำหน่ายและห้ามดื่มด้วย ดังนั้น จะต้องมีการออกประกาศเพิ่มเติม รวมทั้งเพิ่มสถานที่จัดคอนเสิร์ต กำหนดเป็นสถานที่ห้ามจำหน่ายและห้ามดื่มด้วย ซึ่งตามกระบวนการอาจต้องใช้เวลา เนื่องจากต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติที่มี พล.ต.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
