ASTVผู้จัดการรายวัน – EASTWฟุ้งกำไรสุทธิไตรมาส 1/2553 โตขึ้น 50%จากไตรมาส 4/2552 เนื่องจากบันทึกรับรู้รายการพิเศษจากการโครงการวางท่อเชื่อมอ่างประแสร์-คลองใหญ่ 70 ล้านบาทและปริมาณการขายน้ำดิบที่โตขึ้น 10% เตรียมเจรจาลูกค้ารับภาระFtที่เพิ่มขึ้นในอนาคต แลกการไม่ปรับขึ้นราคาค่าน้ำดิบไปจนถึงปี 2555 ยันปีนี้เห็นโครงการMini Hydro ขนาด600-800 กิโลวัตต์แน่ เหตุลงทุนไม่สูงมากนัก
นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือEASTW เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกนี้ บริษัทฯมีรายได้เติบโตขี้น 10% เมื่อเทียบจากไตรมาส4/2552 เนื่องจากยอดขายน้ำดิบโตขึ้นเกินไปเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 10% แต่กำไรสุทธิจะโตขึ้น 50%จากไตรมาส 4/2552 หากรับรู้รายการพิเศษจากโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-คลองใหญ่ จ.ระยองมาบันทึกเป็นกำไรสุทธิประมาณ 70 ล้านบาท แต่ถ้ารับรู้รายการพิเศษไม่ทันในไตรมาส 1 นี้ กำไรสุทธิก็ยังขยายตัวเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมีการส่งมอบทรัพย์สินโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ให้กับกรมชลประทาน มูลค่า 1,677 ล้านบาทในวันที่ 15 มี.ค.นี้ โดยกรมชลประทานจะชำระค่าโครงการเป็นเงินสดทั้งหมดในคราวเดียว ทั้งนี้บริษัทฯได้มีการหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้วบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงที่ผ่านมาแล้ว 70 ล้านบาท เมื่อมีการส่งมอบโครงการจะบันทึกเป็นรายการพิเศษรับรู้เป็นกำไรสุทธิทันที 70 ล้านบาท
นายประพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดจำหน่ายน้ำดิบไว้ที่ 239 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายน้ำดิบอยู่ที่ 221 ล้านลบ.ม. หรือโตขึ้น 8-10% เนื่องจากความต้องการใช้น้ำในนิคมฯมาบตาพุดเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ในปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,879 ล้านบาทและในปีถัดไปบริษัทฯคาดว่าปริมาณการขายน้ำดิบจะเพิ่มขึ้นเป็น 265 ล้านลบ.ม.โตขึ้นกว่า 10% มาจากโครงการมาบตาพุดเฟส 3
ซึ่งเป้าหมายการขายน้ำดิบนี้ได้รวมยอดขายน้ำที่เพิ่มขึ้นในโครงการมาบตาพุดไว้ 3%ของยอดขายทั้งหมด หากปัญหาคดีมาบตาพุดไม่คลี่คลาย บริษัทฯจะรับผลกระทบเพียงแค่ 3%ของปริมาณการขายน้ำดิบเท่านั้น
นายเจริญสุข วรพรรณโสภาค รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวางแผนและบริการลูกค้า และผู้อำนวยการ ฝ่ายบริการลูกค้า อีสท์ วอเตอร์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาน้ำขาดแคลนในพื้นที่ภาคตะวันออกเหมือนปี 2548 เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนค่อนข้างดี แต่เพื่อไม่ประมาทบริษัทฯ ติดตามสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้ง
หากพบว่าปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในระดับต่ำก็จะมีการผันน้ำจากแหล่งอื่นๆเข้ามาเสริม เพื่อให้น้ำต้นทุนที่จะใช้ในปีหน้ายังอยู่ระดับที่ดี หลังจากประเมินว่าปีหน้ามีโอกาสที่น้ำจะขาดแคลนได้
ส่วนความคืบหน้าการปรับสูตรราคาน้ำดิบนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า บริษัทฯจะเจรจากับลูกค้าที่จะคงราคาค่าน้ำดิบไว้เท่าเดิมไปในปี2554- 2555 โดยลูกค้าจะรับต้องรับความเสี่ยงจากค่าไฟผันแปร (Ft)ที่อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลตึงค่าFtไว้ เพราะปัจจุบันต้นทุนใหญ่ของบริษัทคือค่าพลังงานคิดเป็น 33%ของต้นทุนทั้งหมด
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้บริษัทฯจะใช้เงินประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการวางท่อหนองปลาไหล-ดอกกราย 3 มูลค่า โครงการ 2,111 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการใช้ในภาคตะวันออกได้อีก 10ปีข้างหน้า หลังจากพบว่าท่อน้ำดิบหนองปลาไหล-ดอกกราย 2เส้นเดิมมีปริมาณส่งน้ำใกล้เต็มที่แล้ว คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2554
นอกจากนี้ ยังลงทุนในขยายธุรกิจน้ำประปา รวมทั้งจัดหาแหล่งน้ำสำรอง เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาแหล่งน้ำดิบด้วย บริษัทฯยังมองลู่ทางการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก(Mini Hydro Turbine Generator) ขนาด 600-800 กิโลวัตต์ที่หนองปลาไหล-หนองค้อ และอ่างเก็บน้ำประแสร์ ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 30 ล้านบาท/แห่ง ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ให้บริษัทฯ โดยโครงการนี้จะเห็นได้ภายในปี 2553
ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนสำหรับโครงการวางท่อหนองปลาไหล-ดอกกราย 3 นั้น ขณะนี้บริษัทฯได้รับสินเชื่อจากธนาคารออมสินวงเงิน 1,700 ล้านบาทโดยไม่มีหลักประกัน อายุเงินกู้ 10ปี
นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือEASTW เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกนี้ บริษัทฯมีรายได้เติบโตขี้น 10% เมื่อเทียบจากไตรมาส4/2552 เนื่องจากยอดขายน้ำดิบโตขึ้นเกินไปเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 10% แต่กำไรสุทธิจะโตขึ้น 50%จากไตรมาส 4/2552 หากรับรู้รายการพิเศษจากโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-คลองใหญ่ จ.ระยองมาบันทึกเป็นกำไรสุทธิประมาณ 70 ล้านบาท แต่ถ้ารับรู้รายการพิเศษไม่ทันในไตรมาส 1 นี้ กำไรสุทธิก็ยังขยายตัวเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมีการส่งมอบทรัพย์สินโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ให้กับกรมชลประทาน มูลค่า 1,677 ล้านบาทในวันที่ 15 มี.ค.นี้ โดยกรมชลประทานจะชำระค่าโครงการเป็นเงินสดทั้งหมดในคราวเดียว ทั้งนี้บริษัทฯได้มีการหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้วบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงที่ผ่านมาแล้ว 70 ล้านบาท เมื่อมีการส่งมอบโครงการจะบันทึกเป็นรายการพิเศษรับรู้เป็นกำไรสุทธิทันที 70 ล้านบาท
นายประพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดจำหน่ายน้ำดิบไว้ที่ 239 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายน้ำดิบอยู่ที่ 221 ล้านลบ.ม. หรือโตขึ้น 8-10% เนื่องจากความต้องการใช้น้ำในนิคมฯมาบตาพุดเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ในปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,879 ล้านบาทและในปีถัดไปบริษัทฯคาดว่าปริมาณการขายน้ำดิบจะเพิ่มขึ้นเป็น 265 ล้านลบ.ม.โตขึ้นกว่า 10% มาจากโครงการมาบตาพุดเฟส 3
ซึ่งเป้าหมายการขายน้ำดิบนี้ได้รวมยอดขายน้ำที่เพิ่มขึ้นในโครงการมาบตาพุดไว้ 3%ของยอดขายทั้งหมด หากปัญหาคดีมาบตาพุดไม่คลี่คลาย บริษัทฯจะรับผลกระทบเพียงแค่ 3%ของปริมาณการขายน้ำดิบเท่านั้น
นายเจริญสุข วรพรรณโสภาค รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวางแผนและบริการลูกค้า และผู้อำนวยการ ฝ่ายบริการลูกค้า อีสท์ วอเตอร์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาน้ำขาดแคลนในพื้นที่ภาคตะวันออกเหมือนปี 2548 เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนค่อนข้างดี แต่เพื่อไม่ประมาทบริษัทฯ ติดตามสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้ง
หากพบว่าปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในระดับต่ำก็จะมีการผันน้ำจากแหล่งอื่นๆเข้ามาเสริม เพื่อให้น้ำต้นทุนที่จะใช้ในปีหน้ายังอยู่ระดับที่ดี หลังจากประเมินว่าปีหน้ามีโอกาสที่น้ำจะขาดแคลนได้
ส่วนความคืบหน้าการปรับสูตรราคาน้ำดิบนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า บริษัทฯจะเจรจากับลูกค้าที่จะคงราคาค่าน้ำดิบไว้เท่าเดิมไปในปี2554- 2555 โดยลูกค้าจะรับต้องรับความเสี่ยงจากค่าไฟผันแปร (Ft)ที่อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลตึงค่าFtไว้ เพราะปัจจุบันต้นทุนใหญ่ของบริษัทคือค่าพลังงานคิดเป็น 33%ของต้นทุนทั้งหมด
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้บริษัทฯจะใช้เงินประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการวางท่อหนองปลาไหล-ดอกกราย 3 มูลค่า โครงการ 2,111 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการใช้ในภาคตะวันออกได้อีก 10ปีข้างหน้า หลังจากพบว่าท่อน้ำดิบหนองปลาไหล-ดอกกราย 2เส้นเดิมมีปริมาณส่งน้ำใกล้เต็มที่แล้ว คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2554
นอกจากนี้ ยังลงทุนในขยายธุรกิจน้ำประปา รวมทั้งจัดหาแหล่งน้ำสำรอง เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาแหล่งน้ำดิบด้วย บริษัทฯยังมองลู่ทางการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก(Mini Hydro Turbine Generator) ขนาด 600-800 กิโลวัตต์ที่หนองปลาไหล-หนองค้อ และอ่างเก็บน้ำประแสร์ ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 30 ล้านบาท/แห่ง ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ให้บริษัทฯ โดยโครงการนี้จะเห็นได้ภายในปี 2553
ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนสำหรับโครงการวางท่อหนองปลาไหล-ดอกกราย 3 นั้น ขณะนี้บริษัทฯได้รับสินเชื่อจากธนาคารออมสินวงเงิน 1,700 ล้านบาทโดยไม่มีหลักประกัน อายุเงินกู้ 10ปี
