ASTVผู้จัดการรายวัน - นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EASTW) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าจะมีกำไรสุทธิโตขึ้น 40%จากปีก่อนรักษาอัตราการเติบโตระดับนี้ไว้หลังจากงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 662.16 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 40% สืบเนื่องจากบริษัทฯได้ ปรับราคาขายน้ำดิบเพิ่มสูงขึ้น ควบคุมค่าใช้จ่ายและ ชำระเงินกู้ล่วงหน้าทำให้ประหยัดดอกเบี้ยจ่าย โดยได้ชำระไปแล้ว 500 ล้านบาทและธ.ค.นี้จะชำระเงินกู้ทั้งหมดเพิ่มอีก 365 ล้านบาท
ขณะที่รายได้ในปีนี้ขยายตัวเพียง 10-15% หลังจากบริษัทฯได้ปรับเป้าหมายการขายน้ำดิบในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 215 ล้านลบ.ม.ในปีนี้เป็น 219 ล้านลบ.ม. เนื่องจากครึ่งปีหลังยอดขายน้ำดิบได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยไม่ได้รับผลกระทบจาก 76 โครงการในมาบตาพุด
นายประพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้โตขึ้น 8-10%สอดคล้องกับเป้าหมายยอดขายน้ำดิบปีหน้าไว้ที่ 239 ล้านลบ.ม. ขยายตัว 8-10% เป็นผลจากบริษัทมีลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยยังควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดีเช่นเดียวกับปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม จากปัญหา76 โครงการในมาบตาพุดต้องไปชะงัก เชื่อว่าจะกระทบต่อการขายน้ำดิบเพียง 3%เท่านั้น
สำหรับแผนการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้า (2552-2556) บริษัทฯอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดเงินลงทุนใหม่จากเดิมที่วางงบไว้ 3.6 พันล้านบาท เนื่องจากไม่ต้องลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำดิบ เพราะรัฐมีโครงการลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำผ่านงบไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่บริษัทฯยังลงทุนโครงการวางท่อน้ำดิบหนองปลาไหล-มาบตาพุดเส้นที่ 3 มูลค่าเงินลงทุน 1,738 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำในพื้นที่มาบตาพุดไปได้อีก 10ปีข้างหน้า โดยแหล่งเงินทุนได้รับสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว
โดยปี 2553 บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนไม่มากเพียง 1พันล้านบาท ลดลงจากปีนี้ที่ใช้งบลงทุนถึง 2.2 พันล้านบาท โดยใช้ลงทุนในการวางท่อน้ำและปรับปรุงคุณภาพท่อส่งน้ำ
นายประพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทยังหาโอกาสไปลงทุนด้านพลังงานทางเลือก พร้อมกับลงทุนธุรกิจน้ำในต่างประเทศ เพื่อเสริมรายได้ของบริษัทฯ
“ผลกระทบจาก 76 โครงการจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น แต่ระยะกลางและยาวบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเชื่อว่าทั้ง 76 โครงการน่าจะกลับมาดำเนินการได้ “
ขณะที่รายได้ในปีนี้ขยายตัวเพียง 10-15% หลังจากบริษัทฯได้ปรับเป้าหมายการขายน้ำดิบในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 215 ล้านลบ.ม.ในปีนี้เป็น 219 ล้านลบ.ม. เนื่องจากครึ่งปีหลังยอดขายน้ำดิบได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยไม่ได้รับผลกระทบจาก 76 โครงการในมาบตาพุด
นายประพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้โตขึ้น 8-10%สอดคล้องกับเป้าหมายยอดขายน้ำดิบปีหน้าไว้ที่ 239 ล้านลบ.ม. ขยายตัว 8-10% เป็นผลจากบริษัทมีลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยยังควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดีเช่นเดียวกับปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม จากปัญหา76 โครงการในมาบตาพุดต้องไปชะงัก เชื่อว่าจะกระทบต่อการขายน้ำดิบเพียง 3%เท่านั้น
สำหรับแผนการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้า (2552-2556) บริษัทฯอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดเงินลงทุนใหม่จากเดิมที่วางงบไว้ 3.6 พันล้านบาท เนื่องจากไม่ต้องลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำดิบ เพราะรัฐมีโครงการลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำผ่านงบไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่บริษัทฯยังลงทุนโครงการวางท่อน้ำดิบหนองปลาไหล-มาบตาพุดเส้นที่ 3 มูลค่าเงินลงทุน 1,738 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำในพื้นที่มาบตาพุดไปได้อีก 10ปีข้างหน้า โดยแหล่งเงินทุนได้รับสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว
โดยปี 2553 บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนไม่มากเพียง 1พันล้านบาท ลดลงจากปีนี้ที่ใช้งบลงทุนถึง 2.2 พันล้านบาท โดยใช้ลงทุนในการวางท่อน้ำและปรับปรุงคุณภาพท่อส่งน้ำ
นายประพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทยังหาโอกาสไปลงทุนด้านพลังงานทางเลือก พร้อมกับลงทุนธุรกิจน้ำในต่างประเทศ เพื่อเสริมรายได้ของบริษัทฯ
“ผลกระทบจาก 76 โครงการจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น แต่ระยะกลางและยาวบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเชื่อว่าทั้ง 76 โครงการน่าจะกลับมาดำเนินการได้ “
