xs
xsm
sm
md
lg

คุ้มกันเข้มยิ่งกว่าไข่ในหิน ชีวิต 9 องค์คณะคดียึดทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ยามนี้หากใครได้แวะเวียนผ่านไปมาบริเวณด้านหน้า-ด้านข้าง และด้านหลังอาคาร “ศาลฎีกา” ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
**จะพบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบหลายร้อยนาย คอยดูแลพื้นที่ชนิดตรึงกำลังตลอด 24 ชั่วโมง วางกำลังตั้งเต้นท์ตามจุดต่างๆ รอบศาลฎีกา
โดยเฉพาะประตูทางเข้าออกถูกปิดตายให้เหลือทางเข้า-ออก แค่สองประตู เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลพื้นที่ และก่อนจะถึงรั้วประตูเหล็กของศาลฎีกา ก็จะมีการตั้งแผงเหล็กกันไว้อีกชั้นหนึ่งอย่างแน่นหนา ขณะที่ในยามดึกก็มีการตั้งด่านตรวจอย่างน้อยสามจุดบริเวณรอบศาลฎีกาเพื่อตรวจตรา และเฝ้าระวังรถต้องสงสัย หรือบุคคลต้องสงสัยที่ขับผ่านไปมาบริเวณรอบศาลฎีกา
ไม่นับรวมกับรถสายตรวจที่ขับตระเวนดูแลความเรียบร้อยโดยรอบศาลฎีกาตลอด 24 ชั่วโมง พ่วงด้วยกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบจากนครบาล และตำรวจสันติบาล อีกร่วมร้อยนายที่เดินไปมาเฝ้าระวัง และสังเกตุกลุ่มบุคคลที่คอยเดินไปมาบริเวณรอบศาลฎีกา
ควบคู่ไปกับการแฝงตัวเป็นประชาชนเพื่อคอยหาข่าว ทั้งข่าวบริเวณรอบศาลฎีกา ที่อาจจะได้ข่าวสารจากคนขายของรอบๆ สนามหลวง และคลองหลอด ที่เป็นข่าวดิบนำมาประเมินวิเคราะห์ได้ประโยชน์ต่อการป้องกันเหตุอีกทางหนึ่ง
จะหาข่าวถึงขั้นแวบไปใช้บริการ “ผีขนุน”รอบๆ สนามหลวง และคลองหลอดเพื่อคลายเครียดหรือไม่ อันนี้ไม่มีข่าวแจ้งเข้ามา แต่ก็ไม่เป็นไร ถือเป็นสิทธิส่วนตัวเพื่อผ่อนคลายความอ่อนล้า
ขอเพียงให้ทำหน้าที่ให้เต็มกำลังความสามารถ ในการเฝ้าระวังความปลอดภัยบริเวณรอบที่ทำการศาลฎีกา รวมถึงที่สำคัญต้องทุ่มเทคุ้มครองชีวิต ขององค์คณะตุลาการผู้พิจารณาสำนวนคดียึดทรัพย์ทั้ง 9 คน
**อย่าให้เกิดเหตุร้ายทั้งก่อนและหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ที่จะเป็นวันตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ ทักษิณ ชินวัตร ชนิดไม่ให้กลุ่มคนร้าย-ผู้ไม่หวังดี และหวังสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง
เช่นอาจมีการลอบวางระเบิดในช่วงก่อน 13.00 น. บริเวณที่ทำการของอาคารศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ เพื่อให้เกิดความแตกตื่น มีผู้ได้รับบาดเจ็บ กลายเป็นข่าวไปทั่วโลก จนศาลหวั่นเกรงจะเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตขององค์คณะฯ และผู้มาฟังการอ่านคำพิพากษา จนมีการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน
อย่างไรก็ดี มาตรการต่างๆ ที่กระทำตอนนี้ ถือว่าอยู่ในระดับเข้มข้น ทางด้านการคุ้มกันชีวิตองค์คณะ 9 ตุลาการ ก็มีการจัดกำลังตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบไปคอยดูแลความปลอดภัยให้กับองค์คณะ ฯ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในตอนที่เดินทางไปมาระหว่างบ้านพัก และที่ทำงาน
หรือไปในจุดนอกเส้นทางแต่เป็นจุดหรือพื้นที่เสี่ยงเช่น ห่างจากตัวเมืองกรุงเทพฯมาก หากฝ่ายดูแลความปลอดภัยทราบล่วงหน้า ก็จะมีการเช็คเส้นทางและขอให้ตำรวจในพื้นที่หรือตำรวจทางหลวงคอยช่วยดูแลความสะดวกให้อีกทางหนึ่ง
ขณะที่การเดินทางไปกลับบ้านพัก-ที่ทำงาน อันเป็นช่วงเวลาที่ต้องปิดเป็นความลับ ไม่อยากให้ใครรู้เพื่อความปลอดภัยขององค์คณะ ก็จะมีรถคอยประกบอยู่ห่างๆ ตลอดเส้นทาง
**ตลอดจนการส่งตำรวจไปคอยดูแลความปลอดภัยให้ที่บ้านพักทั้งวันทั้งคืน จนมีข่าวว่าผู้พิพากษาหลายคนไม่ต้องการ และขอให้มีการส่งกำลังกลับ ไม่ต้องมาคอยดูแลตามติดตลอด 24 ชั่วโมง
**เพราะอึดอัด และจะยิ่งทำให้ตกเป็นเป้าสนใจ
เช่น ตุลาการบางท่าน ชาวบ้านในซอยเดียวกันไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นผู้พิพากษา หรือเป็นองค์คณะในคดียึดทรัพย์ นช.ทักษิณ แต่พอเห็นตำรวจมาจอดรถ หรือขับรถสายตรวจมาคอยดูแลทั้งกลางวันและกลางคืน คราวนี้เลยรู้เลยกันหมด ทั้งที่ไม่ต้องการให้คนภายนอกรับรู้
อีกทั้งผู้พิพากษาส่วนใหญ่ทั้งหมดในคดียึดทรัพย์ เป็นตุลาการชั้นผู้ใหญ่ของวงการศาลยุติธรรม เพราะกว่าจะมาถึงศาลฏีกาได้ ไม่ใช่ง่ายๆ ทุกคนผ่านการเป็นผู้พิพากษามาตลอดชีวิต แค่ตัดสินคดียึดทรัพย์คดีเดียว ไม่ได้รู้สึกเครียด หรือหวั่นเกรงอันตรายใดๆ เลยมีข่าวว่าไม่ได้ต้องการให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยอะไรมาก เอาแค่ส่งสายตรวจขับรถมาคอยดูแลหน้าบ้านพักในยามค่ำคืนก็เพียงพอแล้ว
เพราะแค่นี้มาตรการคุมเข้มของตำรวจในการดูแลความปลอดภัยศาลฎีกาก็ถือว่าเกือบสูงสุดแล้ว ดูตัวอย่างง่ายๆ คนที่ไม่ได้ทำงานในศาลฎีกาไม่มีทางได้เดินเข้ารั้วศาลฎีกาเพื่อไปทำภารกิจต่างๆ เช่น แวะไปกินข้าวในโรงอาหารด้านหน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ เหมือนในอดีต แม้แต่สื่อมวลชน ไม่ว่าสื่อแขนงไหน ก็ได้รับคำสั่งเด็ดขาดห้ามเหยียบเท้าผ่านรั้วศาลฎีกาโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนวันที่ 26 ก.พ.53 แม้แต่รายเดียว ยกเว้นแต่มีกรณีพิเศษเช่นศาลเปิดโอกาสให้สื่อเข้าฟังบรรยายสรุปการทำงานของศาลฎีกาเมื่อ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา
รวมถึงมาตรการป้องกันที่ออกมาเรื่อยๆ เช่น ล่าสุดมีคำสั่งอย่างเป็นทางการแล้วว่าหลัง 18.00 น.ให้มีการปิดถนนบริเวณโดยรอบศาลฎีกาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นถนนราชินี หลักเมือง หรือหับเผย โดยไม่ให้ทั้งคนและรถผ่านไปมาบริเวณดังกล่าวโดยเด็ดขาด
รวมถึงการเพิ่มกำลังตำรวจมากขึ้นอีกประมาณ 2 กองร้อย ในช่วง 3 วันสุดท้ายก่อนวันที่ 26 ก.พ. แถมล่าสุดก็มีการส่งกำลังสนับสนุนจากฝ่ายทหารที่ส่งกำลังพลมาช่วยดูแลพื้นที่โดยรอบเช่น บริเวณหน้าตึกกระทรวงกลาโหมเดิม ฝั่งตรงข้ามวัดพระแก้ว –บริเวณกระทรวงมหาดไทย คลองหลอด และอาคารกรมแผนที่ทหาร แถวๆ กระทรวงกลาโหมเดิม รวมถึงตึกสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายแอบขึ้นไปยิงเอ็ม 79 เข้าใส่อาคารศาลฎีกา จากตึกสูงแถวๆ ศาลฎีกาได้
นอกจากนี้ ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีการฝึกซ้อมกองกำลังควบคุมสถานการณ์และชุดจู่โจมเร็วที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที เมื่อเกิดเหตุร้ายในเวลาไม่เกิน 15 นาที ไม่นับรวมกับแผนปิดลับหลายอย่าง เช่น การปรับปรุงการติดตั้งกล้องซีซีทีวี และโทรทัศน์วงจรปิดขนาดเล็กบริเวณรอบถนนราชดำเนิน และรอบศาลฎีกา เพื่อให้สามารถบันทึกภาพบริเวณโดยรอบศาลฎีกาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเรียกได้ว่า
**ต่อให้มีม้าเร็ว ปิดผ้าคลุมหน้าโยนระเบิดใส่ศาลฎีกา แล้วขับรถหนี ก็ไม่พ้นการติดตามและบันทึกภาพจากกล้องต่างๆ รอบศาลฎีกาได้
ผสมกับการอัดฉีดเบี้ยเลี้ยงและเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการหาข่าว และดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้นจากผู้บริหารระดับสูงในกองทัพและตำรวจ
เลยทำให้การดูแลความปลอดภัย สุดคึกคัก และทุกฝ่ายมั่นใจว่าองค์คณะคดียึดทรัพย์ทั้ง 9 คนจะมีชีวิตปลอดภัยทั้งก่อนและหลัง 26 ก.พ. แบบยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม
**ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น ยามเมื่อเดินขึ้นบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ และยามที่ลงจากบัลลังก์เพื่อออกจากห้องพิจารณาคดีกลับบ้านพัก หลังการอ่านคำพิพากษาเสร็จสมบูรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น