เชียงราย– พบเจดีย์โบราณ-พระเครื่องเก่าแก่ใต้เกาะทรายกลางโขง หลังระดับน้ำแห้งหนักเหลือลึกไม่ถึง 1 เมตรเท่านั้น เชื่อยังมีโบราณสถาน-โบราณวัตถุจมใต้น้ำอีกเพียบ
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเหือดแห้งลงอย่างหนักในรอบชั่วอายุคน ปรากฏว่าในฝั่ง สปป.ลาว บริเวณเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงกันข้าม ต.เวียง อ.เชียงแสน ซึ่งมีการใช้รถแบ็กโฮขุดตักทรายนำไปก่อสร้างโครงการของกลุ่มทุนจีน ได้พบเจดีย์ทรงโบราณฝังอยู่กลางเกาะทรายที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา ทำให้ชาวบ้านเมืองต้นผึ้งที่อยู่ข้างเคียงต่างตื่นตกใจ พากันไปดูเจดีย์โบราณเป็นจำนวนมาก โดยทุกคนต่างพากันกราบไหว้บูชาเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สำหรับโครงสร้างยอดเจดีย์ เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน สูงประมาณ 3-4 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางที่กว้างสุดประมาณ 2-3 เมตร โดยมีการวางอิฐโบราณก้อนใหญ่เป็นชั้นๆ อย่างเป็นระเบียบและสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน รวมทั้งบางส่วนโดยเฉพาะส่วนกลางยังมีปูนให้เห็นอยู่ ส่วนรูปทรงเป็นทรงระฆังคว่ำ ส่วนกลางมาจนถึงเกือบถึงยอด เป็นชั้นสลับด้วยฐานอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังพบต้นตะเคียน 1 ต้นและพระพุทธรูปขนาดเล็กอีกจำนวนหนึ่งด้วย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าหลังจากขุดพบทางชาวบ้านที่เมืองต้นผึ้งนำโดยพระอาจารย์คำเงิน ธมฺมปาโล เจ้าคณะแขวงบ่อแก้ว ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอยแดง เมืองต้นผึ้ง ได้ขอให้รถแบ็กโฮและชาวบ้านนำวัตถุที่พบทั้งหมดไปเก็บเอาไว้ที่วัดดอนสะหวันพัฒนาราม เมืองต้นผึ้ง ก่อนจะมีการปรึกษาหารือกันอีกครั้งว่า จะมีพิธีทางศาสนาอื่นๆ หรือไม่อย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ บริเวณชายแดนไทย-สปป.ลาว ดังกล่าวมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาณาจักรโบราณตั้งแต่อาณาจักรสุวรรณโคมคำซึ่งมีอายุกว่า 500-1,000 ปีมาแล้ว จนมาถึงอาณาจักรโยนกนาคพันธุ์ อาณาจักรหิรัญนครเงินยาง และเมืองเชียงแสนในยุคอาณาจักรล้านนา
ในอดีตอยู่ในเขตอิทธิพลของผู้ปกครองเดียวกันและมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ในฝั่งเดียวกัน แต่เมื่อแม่น้ำโขงกัดเซาะมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้โบราณสถานทั้งวัด บ้านเรือน ฯลฯ พังทลายลงกลางแม่น้ำโขงจนกลายเป็นตำนานโด่งดัง โดยเฉพาะพระเจ้าล้านตื้อ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพระประธานขนาดใหญ่ที่ยังฝังอยู่กลางแม่น้ำโขง แม้แต่กำแพงเมืองเชียงแสนทั้งสองด้านก็หายไปกลางแม่น้ำโขงด้วย
นายบุญส่ง เชื้อเจ็ดตน ประธานสภาวัฒนธรรม อ.เชียงแสน กล่าวว่า เดิมด้านเชียงแสนมีเกาะอยู่กลางแม่น้ำเรียกกันว่าเกาะดอนแท่นบ้างหรือเกาะดอนแห้งบ้าง ซึ่งในอดีตปู่ย่าตายายหรือบิดามารดาของตนก็เคยเอ่ยถึงการไปทำการเกษตรบนเกาะดอนแห้ง รวมทั้งมีการเล่าถึงวัดโบราณกลางแม่น้ำโขงด้วย ดังนั้นกลางแม่น้ำจึงมีโบราณสถานและโบราณวัตถุอยู่เพื่อรอการค้นหาแน่นอน
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ คำภิโล หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จ.เชียงราย(ขน.) กล่าวว่า ปีนี้น้ำโขงแห้งเร็วกว่าทุกปีและมีระดับความลึกประมาณ 1 เมตรเท่านั้น ในขณะที่ความลึกที่เรือสินค้าสามารถแล่นไปมาได้คือประมาณ 1.80 เมตรขึ้นไป จึงทำให้เรือสินค้าไม่ค่อยแล่นกัน เพราะเกรงจะเกยตื้น ส่วนสาเหตุก็อาจเป็นไปได้ว่าอาจจะหยุดยาวช่วงตรุษจีนก็เป็นได้ ส่วนการใช้รถแบ็กโฮขุดกลางแม่น้ำโขงนั้น จังหวัด และ ขน.เคยทำหนังสือไปยัง สปป.ลาว เพื่อให้ยุติแล้วเพราะเกรงจะเกิดผลกระทบในฝั่งไทย
นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา ผู้ประสานงานเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา กล่าวว่าปีนี้ถือว่าแม่น้ำโขงแห้งมากที่สุดในรอบชั่วอายุคนเพราะจากการสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ไม่เคยมีใครเคยเห็นวิกฤตน้ำแห้งมากเท่านี้มาก่อน ปัญหาน่าจะเกิดจากการสร้างเขื่อนในประเทศจีนนั่นเอง