ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.อะโรเมติกส์ฯคาดค่าการกลั่นรวม (GIM)ปีนี้มากกว่า 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดีกว่าปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ กำลังการผลิตเพิ่มและมาร์จินอะโรเมติกส์ยังดี ส่งผลให้รายได้ปี 53สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.2 แสนล้านบาท แย้มไตรมาสแรกปีนี้ แจ๋วกว่าไตรมาส 4 ปี52
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด(มหาชน) หรือ PTTAR เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯคาดการณ์ค่าการกลั่นรวม (GIM) จะมากกว่า 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ไม่รวมกำไร/ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและค่าประกันความเสี่ยง) ดีกว่าปีที่แล้วที่ GIMอ ยู่ที่ 4.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ทั้งพาราไซลีนและเบนซีนปรับตัวดีขึ้น และปีนี้บริษัทฯจะผลิตเต็มกำลังการผลิต 2.8 แสนบาร์เรล/วัน แต่เนื่องจากจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงอะโรเมติกส์ 2 เป็นเวลา 1 เดือน ทำให้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 2.6-2.7 แสนบาร์เรล/วัน
ขณะราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนตามทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว โดยมีการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ทำให้บริษัทฯ ประเมินราคาน้ำมันอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีที่แล้วราคาน้ำมัน 67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
" ช่วงนี้แครกกิ้ง มาร์จิน อยู่ที่ 4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถือว่าดีกว่าปลายปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการ Heating Oil ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ ค่าการกลั่นเบื้องต้น( GRM ) สูงกว่า 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล "
นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทฯ จะมีผลประโยชน์จากการ Synergy ตามงานเดิม เนื่องจากทุกโครงการดำเนินการแล้วเสร็จทำให้ประหยัดค่าจ่ายได้ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี โดยปีที่แล้วบริษัทฯ รับรู้ประมาณ 130 ล้านเหรียญสหรัฐ และปีนี้รับรู้รายได้จากโครงการผลิตก๊าซไฮโดรเจนบริสุทธิ์จากโรงอะโรเมติกส์ 3 มาป้อนโรงไฮโดรแครกเกอร์ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ
คาดว่ารายได้รวมปี 53 จะสูงกว่าปี 52 ที่ทำไว้ 2.25 แสนล้านบาท แต่ราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ จึงยังคาดการณ์แน่นอนได้ลำบากและมีความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจในสหภาพยุโรปและสหรัฐ ส่วนในเอเชียภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น โดยเฉพาะจีน อินเดียและตะวันออกกลาง
สำหรับผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสแรกปีนี้ มาร์จินการกลั่นน้ำมันดีขึ้น เนื่องจากอากาศหนาว การลดกำลังการกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯเหลือไม่ถึง 80% ของกำลังการกลั่น ทำให้มีการนำน้ำมันในสต๊อกมาใช้ค่อนข้างมาก ส่งผลให้มาร์จินการกลั่นดี ขณะมาร์จินอะโรเมติกส์ไตรมาสแรกปีนี้ดีมาก ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับวัตถุดิบ(สเปรด)ต้นปีนี้อยู่ที่ 487 เหรียญสหรัฐ/ตัน และสเปรดเบนซีนอยู่ที่ 419 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยราคาพาราไซลีนอยู่ที่ 980-1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน และเบนซีน 1,031 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้น ขณะกำลังการผลิตสารอะโรเมติกส์ถูกจำกัดจากวัตถุดิบที่ได้จากโรงกลั่นมีปริมาณลดลง จากโรงกลั่นลดกำลังการกลั่น ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะดีกว่าช่วงไตรมาส 4 ปี 52 ที่มีผลประกอบการค่อนข้างดี ส่วนการหยุดซ่อมบำรุงโรงอะโรเมติกส์ 2 คาดว่าจะปิดซ่อมบำรุงไตรมาส 2 ปีนี้
ทั้งนี้ ประเมินว่ามาร์จินจากธุรกิจอะโรเมติกส์ปีนี้จะยังดีอยู่ แม้จะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาทั้งจีนและตะวันออกกลาง แต่เนื่องจากกำลังการกลั่นของโรงกลั่นลดลงทำให้วัตถุดิบที่จะป้อนโรงอะโรเมติกส์ตึงตัวไปด้วย
นายชายน้อย กล่าวต่อไปว่า แผนการลงทุนปีนี้บริษัทฯวางงบลงทุนไว้ 280 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นการลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยุโรป (ยูโร 4) ประมาณ 110 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้บริษัทฯมีหนี้ครบกำหนดชำระปีนี้ 4500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมีวงเงินที่พร้อมจะรีไฟแนนซ์หนี้ดังกล่าวอยู่แล้ว และมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติในการหนี้ไว้ 500 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะกู้เงินหรือออกหุ้นกู้ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดเงินในช่วงนั้น
นายชายน้อย กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ระยองเพียว รีไฟเออร์ จำกัด (มหาชน)(RPC) ร้องต่ออนุญาโตตุลาการเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายคอนเดนเสทเรสซิดิว ที่ RPC ทำสัญญาไว้กับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หลังจากบริษัทฯได้แจ้งยกเลิกสัญญาขายคอนเดนเสทเรสซิดิวในปี 55 ว่า บริษัทฯได้แจ้งยกเลิกสัญญาล่วงหน้าก่อน 1 ปีที่สัญญาครบกำหนด ซึ่งบริษัทฯทำสัญญาขายคอนเดนเสทฯให้กับปตท. เป็นเวลา 15 ปี สิ้นสุดในปี 55 ส่วน ปตท.จะทำสัญญาขายให้กับลูกค้ารายใดนั้น เป็นเรื่องที่ ปตท.ต้องไปเจรจากับลูกค้าเอง โดยคอนเดนเสทฯที่ได้นี้บริษัทฯจะป้อนเข้าสู่ระบบคอนเดนเสทสปริทเตอร์ทำให้ได้น้ำมันเบนซินและน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด(มหาชน) หรือ PTTAR เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯคาดการณ์ค่าการกลั่นรวม (GIM) จะมากกว่า 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ไม่รวมกำไร/ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและค่าประกันความเสี่ยง) ดีกว่าปีที่แล้วที่ GIMอ ยู่ที่ 4.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ทั้งพาราไซลีนและเบนซีนปรับตัวดีขึ้น และปีนี้บริษัทฯจะผลิตเต็มกำลังการผลิต 2.8 แสนบาร์เรล/วัน แต่เนื่องจากจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงอะโรเมติกส์ 2 เป็นเวลา 1 เดือน ทำให้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 2.6-2.7 แสนบาร์เรล/วัน
ขณะราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนตามทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว โดยมีการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ทำให้บริษัทฯ ประเมินราคาน้ำมันอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีที่แล้วราคาน้ำมัน 67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
" ช่วงนี้แครกกิ้ง มาร์จิน อยู่ที่ 4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถือว่าดีกว่าปลายปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการ Heating Oil ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ ค่าการกลั่นเบื้องต้น( GRM ) สูงกว่า 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล "
นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทฯ จะมีผลประโยชน์จากการ Synergy ตามงานเดิม เนื่องจากทุกโครงการดำเนินการแล้วเสร็จทำให้ประหยัดค่าจ่ายได้ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี โดยปีที่แล้วบริษัทฯ รับรู้ประมาณ 130 ล้านเหรียญสหรัฐ และปีนี้รับรู้รายได้จากโครงการผลิตก๊าซไฮโดรเจนบริสุทธิ์จากโรงอะโรเมติกส์ 3 มาป้อนโรงไฮโดรแครกเกอร์ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ
คาดว่ารายได้รวมปี 53 จะสูงกว่าปี 52 ที่ทำไว้ 2.25 แสนล้านบาท แต่ราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ จึงยังคาดการณ์แน่นอนได้ลำบากและมีความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจในสหภาพยุโรปและสหรัฐ ส่วนในเอเชียภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น โดยเฉพาะจีน อินเดียและตะวันออกกลาง
สำหรับผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสแรกปีนี้ มาร์จินการกลั่นน้ำมันดีขึ้น เนื่องจากอากาศหนาว การลดกำลังการกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯเหลือไม่ถึง 80% ของกำลังการกลั่น ทำให้มีการนำน้ำมันในสต๊อกมาใช้ค่อนข้างมาก ส่งผลให้มาร์จินการกลั่นดี ขณะมาร์จินอะโรเมติกส์ไตรมาสแรกปีนี้ดีมาก ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับวัตถุดิบ(สเปรด)ต้นปีนี้อยู่ที่ 487 เหรียญสหรัฐ/ตัน และสเปรดเบนซีนอยู่ที่ 419 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยราคาพาราไซลีนอยู่ที่ 980-1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน และเบนซีน 1,031 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้น ขณะกำลังการผลิตสารอะโรเมติกส์ถูกจำกัดจากวัตถุดิบที่ได้จากโรงกลั่นมีปริมาณลดลง จากโรงกลั่นลดกำลังการกลั่น ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะดีกว่าช่วงไตรมาส 4 ปี 52 ที่มีผลประกอบการค่อนข้างดี ส่วนการหยุดซ่อมบำรุงโรงอะโรเมติกส์ 2 คาดว่าจะปิดซ่อมบำรุงไตรมาส 2 ปีนี้
ทั้งนี้ ประเมินว่ามาร์จินจากธุรกิจอะโรเมติกส์ปีนี้จะยังดีอยู่ แม้จะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาทั้งจีนและตะวันออกกลาง แต่เนื่องจากกำลังการกลั่นของโรงกลั่นลดลงทำให้วัตถุดิบที่จะป้อนโรงอะโรเมติกส์ตึงตัวไปด้วย
นายชายน้อย กล่าวต่อไปว่า แผนการลงทุนปีนี้บริษัทฯวางงบลงทุนไว้ 280 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นการลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยุโรป (ยูโร 4) ประมาณ 110 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้บริษัทฯมีหนี้ครบกำหนดชำระปีนี้ 4500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมีวงเงินที่พร้อมจะรีไฟแนนซ์หนี้ดังกล่าวอยู่แล้ว และมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติในการหนี้ไว้ 500 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะกู้เงินหรือออกหุ้นกู้ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดเงินในช่วงนั้น
นายชายน้อย กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ระยองเพียว รีไฟเออร์ จำกัด (มหาชน)(RPC) ร้องต่ออนุญาโตตุลาการเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายคอนเดนเสทเรสซิดิว ที่ RPC ทำสัญญาไว้กับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หลังจากบริษัทฯได้แจ้งยกเลิกสัญญาขายคอนเดนเสทเรสซิดิวในปี 55 ว่า บริษัทฯได้แจ้งยกเลิกสัญญาล่วงหน้าก่อน 1 ปีที่สัญญาครบกำหนด ซึ่งบริษัทฯทำสัญญาขายคอนเดนเสทฯให้กับปตท. เป็นเวลา 15 ปี สิ้นสุดในปี 55 ส่วน ปตท.จะทำสัญญาขายให้กับลูกค้ารายใดนั้น เป็นเรื่องที่ ปตท.ต้องไปเจรจากับลูกค้าเอง โดยคอนเดนเสทฯที่ได้นี้บริษัทฯจะป้อนเข้าสู่ระบบคอนเดนเสทสปริทเตอร์ทำให้ได้น้ำมันเบนซินและน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น