ASTVผู้จัดการรายวัน - PTTAR วาดฝันค่าการกลั่นรวม (GIM) ปี2553 ใกล้เคียงปีนี้ที่เฉลี่ย 5.5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่ทะลักเข้ามา แต่เชื่อว่าการปิดหรือลดกำลังการกลั่นในต่างประเทศจะทำให้แนฟธาที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตอะโรเมติกส์น้อยลง ส่งผลให้มาร์จินอะโรเมติกส์ดีอยู่ ตั้งงบลงทุน 5ปี 330 ล้านเหรียญสหรัฐส่วนใหญ่ลงทุนยูโร 4 ยันปตท.ได้รับผลกระทบมาบตาพุดไม่มากหากเดินหน้าโครงการไม่ได้ตามคำสั่งศาลฯ
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทคาดว่าค่าการกลั่นรวม (GIM) ไม่น้อยกว่าปีนี้ที่มี GIMเฉลี่ยเกิน5.5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ไม่ร่วมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันและเฮดจิ้ง แม้ว่าปี 2553 จะมีกำลังการใหม่จากตะวันออกกลางและจีนเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่แนฟธาซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอะโรเมติกส์ลดลง จากการลดกำลังการกลั่นของโรงกลั่นในญี่ปุ่นและโรงกลั่นในสหรัฐฯได้ปิดตัวลง ทำให้มาร์จินของอะโรเมติกส์ดีอยู่
ทั้งนี้ ประเมินว่าGIMในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 5.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลใกล้เคียงไตรมาส 3/2552 เนื่องจากส่วนต่างมาร์จิน (สเปรด) ของเบนซีนเริ่มดีขึ้นจากช่วงปลายไตรมาส 3ที่หดลง โดยล่าสุด สเปรดพาราไซลีนอยู่ที่ 395เหรียญสหรัฐ/ตัน และเบนซีน177 เหรียญสหรัฐ/ตัน ต่ำกว่าไตรมาส 3เล็กน้อย แต่เชื่อว่าปลายปีนี้มาร์จินของน้ำมันดีเซลจะดีขึ้น เนื่องจากอากาศหนาวทำให้ความต้องการใช้ดีเซลสูงผนวกกับเศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้ค่าการกลั่นรวมเฉลี่ยไตรมาส 4 ยังดีอยู่
นายชายน้อยกล่าวว่า ในปีหน้าตามแผนงานบริษัทจะหยุดซ่อมบำรุงโรงอะโรเมติกส์ 1 โรง และโรงกลั่น 1โรง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะหยุดซ่อมบำรุงเพียงโรงเดียว เพราะไม่ต้องการหยุดซ่อมบำรุงซ้อนกัน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท ดังนั้น มีแนวโน้มที่จะเลื่อนการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นออกไปเป็นปี 2554 จากเดิมที่จะหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาส 4/2553 แต่จะพิจารณาประกอบกับการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นอื่นในประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำมันขาดตลาด ขณะเดียวกันบริษัทก็หาโอกาสป้องกันความเสี่ยง โดยการทำเฮดจิ้งส่วนต่างน้ำมันล่วงหน้า หลังจากปีนี้บริษัทมีกำไรจากการทำเฮดจิ้งเมื่อปลายปี 2551 ประมาณ 3,300 ล้านบาท โดยยอมรับว่าปีนี้บริษัทไม่ได้มีการทำเฮดจิ้งน้ำมันไว้ เว้นแต่น้ำมันเตา
แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะค่อยฟื้นตัวไม่โตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ ยังสูงอยู่ ทำให้ราคาน้ำมันโอกาสปรับขึ้นสูงมากคงไม่เกิดขึ้น โดยกลุ่มปตท.ประเมินว่าราคาน้ำมันในปีหน้าเฉลี่ยอยู่ที่ 72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่บริษัทฯประเมินตัวเลขราคาน้ำมันไว้ที่ 75 เหรียญสหรัฐ
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปีนี้ (2553-2557) บริษัทจะใช้เงิน 330 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยุโรป (ยูโร 4 )ใช้เงิน 220 ล้านเหรียญสหรัฐ และใช้ซ่อมบำรุงโรงงานเฉลี่ยปีละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโครงการยูโร 4 อยู่ระหว่างการออกแบบและสั่งซื้ออุปกรณ์ต่างๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2554 เพื่อให้ทันการบังคับใช้ตามกฎหมายในต้นปี 2555
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทคาดว่าค่าการกลั่นรวม (GIM) ไม่น้อยกว่าปีนี้ที่มี GIMเฉลี่ยเกิน5.5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ไม่ร่วมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันและเฮดจิ้ง แม้ว่าปี 2553 จะมีกำลังการใหม่จากตะวันออกกลางและจีนเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่แนฟธาซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอะโรเมติกส์ลดลง จากการลดกำลังการกลั่นของโรงกลั่นในญี่ปุ่นและโรงกลั่นในสหรัฐฯได้ปิดตัวลง ทำให้มาร์จินของอะโรเมติกส์ดีอยู่
ทั้งนี้ ประเมินว่าGIMในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 5.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลใกล้เคียงไตรมาส 3/2552 เนื่องจากส่วนต่างมาร์จิน (สเปรด) ของเบนซีนเริ่มดีขึ้นจากช่วงปลายไตรมาส 3ที่หดลง โดยล่าสุด สเปรดพาราไซลีนอยู่ที่ 395เหรียญสหรัฐ/ตัน และเบนซีน177 เหรียญสหรัฐ/ตัน ต่ำกว่าไตรมาส 3เล็กน้อย แต่เชื่อว่าปลายปีนี้มาร์จินของน้ำมันดีเซลจะดีขึ้น เนื่องจากอากาศหนาวทำให้ความต้องการใช้ดีเซลสูงผนวกกับเศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้ค่าการกลั่นรวมเฉลี่ยไตรมาส 4 ยังดีอยู่
นายชายน้อยกล่าวว่า ในปีหน้าตามแผนงานบริษัทจะหยุดซ่อมบำรุงโรงอะโรเมติกส์ 1 โรง และโรงกลั่น 1โรง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะหยุดซ่อมบำรุงเพียงโรงเดียว เพราะไม่ต้องการหยุดซ่อมบำรุงซ้อนกัน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท ดังนั้น มีแนวโน้มที่จะเลื่อนการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นออกไปเป็นปี 2554 จากเดิมที่จะหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาส 4/2553 แต่จะพิจารณาประกอบกับการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นอื่นในประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำมันขาดตลาด ขณะเดียวกันบริษัทก็หาโอกาสป้องกันความเสี่ยง โดยการทำเฮดจิ้งส่วนต่างน้ำมันล่วงหน้า หลังจากปีนี้บริษัทมีกำไรจากการทำเฮดจิ้งเมื่อปลายปี 2551 ประมาณ 3,300 ล้านบาท โดยยอมรับว่าปีนี้บริษัทไม่ได้มีการทำเฮดจิ้งน้ำมันไว้ เว้นแต่น้ำมันเตา
แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะค่อยฟื้นตัวไม่โตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ ยังสูงอยู่ ทำให้ราคาน้ำมันโอกาสปรับขึ้นสูงมากคงไม่เกิดขึ้น โดยกลุ่มปตท.ประเมินว่าราคาน้ำมันในปีหน้าเฉลี่ยอยู่ที่ 72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่บริษัทฯประเมินตัวเลขราคาน้ำมันไว้ที่ 75 เหรียญสหรัฐ
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปีนี้ (2553-2557) บริษัทจะใช้เงิน 330 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยุโรป (ยูโร 4 )ใช้เงิน 220 ล้านเหรียญสหรัฐ และใช้ซ่อมบำรุงโรงงานเฉลี่ยปีละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโครงการยูโร 4 อยู่ระหว่างการออกแบบและสั่งซื้ออุปกรณ์ต่างๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2554 เพื่อให้ทันการบังคับใช้ตามกฎหมายในต้นปี 2555