xs
xsm
sm
md
lg

TOPฟันกำไร6เดือนแรกเฉียด9พันล. ราคาอะโรเมติกส์พุ่งบริหารงานเยี่ยม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไทยออยล์ โกยกำไร 6 เดือนแรกปีนี้ 8,473 ล้านบาท ผลมาจากเครือไทยออยล์บริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงทางธุรกิจทั้งโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานผลิตสารพาราไซลีน และโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ทำให้สามารถปรับการผลิตตามสถานการณ์ราคาและตลาด ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของวัฏจักรราคาของผลิตภัณฑ์ได้

นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) เปิดเผยผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 6,189.34 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,545.59 ล้านบาท หรือลดลง 4,356.25 ล้านบาทคิดเป็นลดลง 41.31%

โดยรายได้ที่ลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยปรับตัวลดลงมากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะราคาของน้ำมันสำเร็จรูปในกลุ่ม Middle Distillates (น้ำมันอากาศ ยานและน้ำมันดีเซล) เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลกส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง

อย่างไรก็ดี บริษัท TPX สามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาของสารอะโรเมติกส์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เพราะอุปสงค์ยังอยู่ในระดับสูงและอุปทานตึงตัวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานของผู้ผลิตประกอบกับ ต้นทุนวัตถุดิบซึ่งอ้างอิงราคาน้ำมันเบนซินก็ปรับตัวลดลงมากทำให้ส่วนต่างราคาระหว่างผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบเพิ่มขึ้นปัจจัยข้างต้นส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน ( Gross Integrated margin ) อยู่ที่ 5.0 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเปรียบเทียบกับ 12 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2 ปี 2551

ทั้งนี้ จากราคาปิดน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากสิ้นไตรมาส 1 ปี 2552 ทำให้ใน ไตรมาสนี้ TOP มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี EBITDA 8,653 ล้านบาท ลดลง 8,599 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงิน 534 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,297 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลของการแข็งค่าของค่าเงินบาท

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสช่วงครึ่งปีแรกค่อนข้างผันผวนสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจหดตัวทั่วโลก ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และกดดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 35 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วงกลางเดือนก.พ. จากนั้นราคาน้ำมันดิบก็ค่อย ๆปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวดีขึ้นและเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆในหลายประเทศก็เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้ามาเก็งกำไรในตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น มีส่วนทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับเหนือ 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในช่วงเดือน มิ.ย.

สำหรับ 6 เดือนแรก ปีนี้ราคาของสารอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้น โดยส่วนต่างราคาระหว่าง PX และ ULG 95 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 429 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันจาก 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ใน 6 เดือนแรก ปี 51 เนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากโรงงาน PTA ใหม่ในจีน ประกอบกับอุปทานที่ตึงตัวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานของผู้ผลิตตั้งแต่ไตรมาส4 ปี 51

ทั้งนี้ เครือไทยออยล์มีการบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงทางธุรกิจทั้งโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานผลิตสารพาราไซลีน และโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการโดยเน้นการผลิตน้ำมันเบนซินซึ่งมีราคาดี และต่อยอดนำน้ำมันเบนซินไปใช้เป็นวัตถุดิบ (feedstock) ในกระบวนการผลิตสารพาราไซลีน ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น สำหรับ 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทและบริษัทในเครือมีรายได้จากการขาย 127,144 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (Integrated Margin) ( ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน ) อยู่ที่ 5.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทำให้มีกำไรสุทธิใน 6 เดือนแรกปีนี้ 8,473 ล้านบาท
" ไตรมาส 2 ปีนี้บริษัทฯ และบริษัทในเครือมีรายได้จากการขาย 70,600 ล้านบาท ลดจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 126,953 ล้านบาท มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบ 3,903 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ 6,189 ล้านบาท " นายวิโรจน์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น