นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากฯตั้งเป้าหมายจะเลิกขายน้ำมันเบนซิน 91 ในสถานีบริการน้ำมันบางจากที่มีประมาณ 700 แห่งทั่วประเทศใน 3 ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากปัจจุบันมีรถยนต์ใหม่ที่ใช้อี 20 เพิ่มขึ้นปีละ 3 แสนคันจากปัจจุบันที่มีรถยนต์ใช้อี 20อยู่แล้ว 5 แสนคัน และยังเป็นส่งเสริมการใช้เอทานอลด้วย
โดยบริษัทฯจะนำหัวจ่ายเบนซิน 91 เปลี่ยนเป็นหัวจ่ายอี 20 แทน โดยปีนี้วางเป้าหมายเพิ่มสถานีบริการน้ำมันขายอี 20 เพิ่มเป็น 300 ปั๊มจากเดิม 150 ปั๊มทั่วประเทศ
ปัจจุบันบางจากมียอดขายอี 20 เพิ่มขึ้นจาก 3.4 ล้านลิตร/เดือนเป็น 5.5 ล้านลิตร/เดือน ส่วนแผนการขยายปั๊มจำหน่ายอี 85 ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 2 ปั๊มเป็น 7 ปั๊ม เนื่องจากปริมาณรถที่ใช้อี 85 ยังมีไม่มาก
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ในระหว่างการเจรจาผู้ประกอบการผลิตเอทานอลเพื่อเข้าไปร่วมทุน วงเงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท กำลังผลิตประมาณ 2 แสนลิตร/วัน โดยบางจากฯจะเข้าไปถือหุ้นไม่น้อยกว่า 25% เมื่อร่วมทุนแล้วได้วางแผนส่งออก โดยเฉพาะในจีนที่มีอย่างน้อย 10 มณฑล วางแผนจะใช้แก๊สโซฮอล์ ซึ่งขณะนี้บางจากฯได้ลงทุนเพื่อวางความพร้อมในการส่งออกเอทานอลทั้งปรับปรุงคลังเก็บและท่าเทียบเรือแล้ว
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ มูลค่า 3200 ล้านบาท ที่อ.บางปะอิน จ. ขณะนี้ได้คัดเลือกผู้รับเหมาโครงการแล้วคือบริษัท ซันเทค จากจีน และโซล่าตรอน ซึ่งซันเทคได้รับการยอมรับและเป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตรายใหญ่ระดับโลก คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในดือนก.ค. 2554 โดยจะขายไฟให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีก 1-2 โรงขนาด 50เมกะวัตต์ ด้วย รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้และหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อผลิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบินจากสาหร่าย เป็นพลังงานสะอาดช่วยลดภาวะโลกร้อน ซึ่งสามารถขายให้กับ บริษัท การบินไทย ที่ต้องเสียค่าคาร์บอนเครดิตในเส้นทางบินไปยุโรป และลงทุนในโครงการอื่น ๆ อีก เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯ
“บางจากฯวางเป้าหมายกำไรก่อนหักดอกเบี้ยค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA)มาจากธุรกิจใหม่ถึง 30%ของกำไรทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการเอทานอล โดยแผนการลงทุน 5ปีข้างหน้า(2553-2557) จะใช้เงินลงทุนกว่า 1หมื่นล้านบาท ทั้งโครงการเบนซินยูโร 4 โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ โรงงานผลิตเอทานอล เป็นต้น “
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า ปีนี้บางจากฯวางแผนการดำเนินธุรกิจโดย จะเพิ่มการกลั่นเป็น 95,000-100,000 บาร์เรล/วันในช่วงมี.ค.นี้ จากปีก่อนกลั่นเฉลี่ย 7.9 หมื่นบาร์เรล/วัน ให้สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปีนี้จะอยู่ที่ 4-5% การบริโภคน้ำมันเติบโต 2-3% คาดว่าการกลั่นอยู่ที่ 5-6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากครึ่งปีหลังเศรษฐกิจขยายตัวมีโอกาสเห็นค่าการกลั่นสูง 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ปีนี้บางจากคาดว่าจะมีEBITDAอยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากไม่มีกำไรจากการทำเฮดจิ้ง ทำให้ค่าการกลั่นต่ำกว่า 6เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
แนวโน้มราคาน้ำมันเบนซินในช่วงนี้มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากจะเข้าสู่ฤดูร้อนในสหรัฐณทำให้มีความต้องการใช้เบนซินเพิ่มขึ้น รวมทั้งโรงกลั่นซาอุดิอาระเบียและโรงกลั่นอินโดนีเซียปิดซ่อม ทำให้มีการนำเข้าน้ำมัน สำหรับการปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศนั้น คงต้องรอดูตลาดสิงคโปร์ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ว่าปรับเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้น ผู้ค้าอาจจะพิจารณาปรับราคาขายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันค่าการตลาดเบนซินอยู่ที่ 1 บาท/ลิตร
โดยบริษัทฯจะนำหัวจ่ายเบนซิน 91 เปลี่ยนเป็นหัวจ่ายอี 20 แทน โดยปีนี้วางเป้าหมายเพิ่มสถานีบริการน้ำมันขายอี 20 เพิ่มเป็น 300 ปั๊มจากเดิม 150 ปั๊มทั่วประเทศ
ปัจจุบันบางจากมียอดขายอี 20 เพิ่มขึ้นจาก 3.4 ล้านลิตร/เดือนเป็น 5.5 ล้านลิตร/เดือน ส่วนแผนการขยายปั๊มจำหน่ายอี 85 ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 2 ปั๊มเป็น 7 ปั๊ม เนื่องจากปริมาณรถที่ใช้อี 85 ยังมีไม่มาก
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ในระหว่างการเจรจาผู้ประกอบการผลิตเอทานอลเพื่อเข้าไปร่วมทุน วงเงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท กำลังผลิตประมาณ 2 แสนลิตร/วัน โดยบางจากฯจะเข้าไปถือหุ้นไม่น้อยกว่า 25% เมื่อร่วมทุนแล้วได้วางแผนส่งออก โดยเฉพาะในจีนที่มีอย่างน้อย 10 มณฑล วางแผนจะใช้แก๊สโซฮอล์ ซึ่งขณะนี้บางจากฯได้ลงทุนเพื่อวางความพร้อมในการส่งออกเอทานอลทั้งปรับปรุงคลังเก็บและท่าเทียบเรือแล้ว
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ มูลค่า 3200 ล้านบาท ที่อ.บางปะอิน จ. ขณะนี้ได้คัดเลือกผู้รับเหมาโครงการแล้วคือบริษัท ซันเทค จากจีน และโซล่าตรอน ซึ่งซันเทคได้รับการยอมรับและเป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตรายใหญ่ระดับโลก คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในดือนก.ค. 2554 โดยจะขายไฟให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีก 1-2 โรงขนาด 50เมกะวัตต์ ด้วย รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้และหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อผลิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบินจากสาหร่าย เป็นพลังงานสะอาดช่วยลดภาวะโลกร้อน ซึ่งสามารถขายให้กับ บริษัท การบินไทย ที่ต้องเสียค่าคาร์บอนเครดิตในเส้นทางบินไปยุโรป และลงทุนในโครงการอื่น ๆ อีก เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯ
“บางจากฯวางเป้าหมายกำไรก่อนหักดอกเบี้ยค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA)มาจากธุรกิจใหม่ถึง 30%ของกำไรทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการเอทานอล โดยแผนการลงทุน 5ปีข้างหน้า(2553-2557) จะใช้เงินลงทุนกว่า 1หมื่นล้านบาท ทั้งโครงการเบนซินยูโร 4 โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ โรงงานผลิตเอทานอล เป็นต้น “
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า ปีนี้บางจากฯวางแผนการดำเนินธุรกิจโดย จะเพิ่มการกลั่นเป็น 95,000-100,000 บาร์เรล/วันในช่วงมี.ค.นี้ จากปีก่อนกลั่นเฉลี่ย 7.9 หมื่นบาร์เรล/วัน ให้สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปีนี้จะอยู่ที่ 4-5% การบริโภคน้ำมันเติบโต 2-3% คาดว่าการกลั่นอยู่ที่ 5-6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากครึ่งปีหลังเศรษฐกิจขยายตัวมีโอกาสเห็นค่าการกลั่นสูง 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ปีนี้บางจากคาดว่าจะมีEBITDAอยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากไม่มีกำไรจากการทำเฮดจิ้ง ทำให้ค่าการกลั่นต่ำกว่า 6เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
แนวโน้มราคาน้ำมันเบนซินในช่วงนี้มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากจะเข้าสู่ฤดูร้อนในสหรัฐณทำให้มีความต้องการใช้เบนซินเพิ่มขึ้น รวมทั้งโรงกลั่นซาอุดิอาระเบียและโรงกลั่นอินโดนีเซียปิดซ่อม ทำให้มีการนำเข้าน้ำมัน สำหรับการปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศนั้น คงต้องรอดูตลาดสิงคโปร์ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ว่าปรับเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้น ผู้ค้าอาจจะพิจารณาปรับราคาขายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันค่าการตลาดเบนซินอยู่ที่ 1 บาท/ลิตร