ASTVผู้จัดการรายวัน-ผลสอบจีที 200 ตบหน้ากองทัพ ทดสอบ 20 ครั้งตรวจจับได้แค่ 4 ครั้ง "มาร์ค"บอกสุนัขดีกว่า เรียก"อนุพงษ์" รับทราบผล แล้วนำแจ้งหน่วยงานที่ใช้ทราบ พร้อมสั่งทำแผนปฏิบัติงาน หลังระงับจัดซื้อ-ยกเลิกการใช้ สั่งกองทัพสรุปสถิติการใช้ พร้อมหาช่องทางเอาผิดบริษัทจัดจำหน่าย เผยซื้อเมื่อปี 47 ในยุค "บิ๊กบัง" เป็นผบ.ทบ. ด้านผู้นำศาสนาทางภาคใต้ แนะการใช้เครื่องมือในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดใต้ที่ดีที่สุดคือ ประชาชน
วานนี้ (16 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวานนี้ ถึงกรณีผลการทดสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จีที 200 ว่า การทดลองเป็นการทดลองนำเอาวัตถุระเบิดใส่ในกล่อง และมีกล่องเปล่าอีก 3 กล่อง รวมเป็น 4 กล่อง อยู่ในห้องสถานที่ที่ทำการทดลอง แล้วให้บุคคลใช้อุปกรณ์จีที 200 เพื่อให้ชี้ว่าเป็นกล่องไหน โดยทำการทดสอบ 20 ครั้ง ปรากฏว่าสามารถชี้ได้ถูกแค่ 4 ครั้ง ซึ่งถือว่าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ หมายความว่า ไม่ได้แตกต่างจากกรณีที่สุ่มเอา เพราะฉะนั้นขณะนี้สิ่งที่ชัดเจนแน่นอนก็คือ จะไม่มีการจัดซื้ออุปกรณ์นี้เพิ่มเติม
สำหรับในพื้นที่ซึ่งยังมีการยืนยันจากผู้ปฏิบัติว่าใช้งานได้ผล เราก็จะขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กับคณะกรรมการโดยเฉพาะในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิได้แจ้งผลของการทดลอง และการอธิบายที่ตรงกัน เป็นข้อสรุปในชั้นนี้ และได้ขอให้หน่วยงานที่มีอุปกรณ์นี้อยู่ ได้ช่วยไปรวบรวมรายงานตั้งแต่ต้น ว่ามีการใช้อุปกรณ์นี้มาแต่ละปีมีการซื้อเท่าไร และการใช้งานเป็นอย่างไร เพื่อให้หน่วยงานเหล่านี้ได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกับทางคณะกรรมการ หรือกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการฯ ไม่แน่ใจว่าบรรดาบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมที่จะช่วยรัฐบาลในการทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ต่อไปหรือไม่ แต่ถ้าไม่ ก็ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ดำเนินการ เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้ข้อมูลตรงนั้นมาอีกทีหนึ่ง จะมาตรวจสอบกันว่ามีประเด็นอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
**เรียก"อนุพงษ์"ฟังผลการทดสอบ
เมื่อถามว่าที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมาพบเป็นเรื่องผลทดสอบจีที 200 ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ครับ ได้เรียนให้ท่านทราบว่า ผลการทดลองเป็นเช่นนี้ เพราะฉะนั้นได้คุยกับรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ ก็จะได้ขอให้ทางกระทรวงช่วยเอาข้อมูลและอธิบายของการทดลองไปให้ทางหน่วยงานที่ปฏิบัติใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้ทราบ
ส่วนจะยกเลิกการใช้ จีที 200 ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าก็จะให้เวลาที่เขาไปทำความเข้าใจกัน เพราะขณะนี้ทางหน่วยงานผู้ปฎิบัติ ยังมีความเชื่อของเขาอยู่ ก็อาจจะยังไม่ทราบ ไม่เข้าใจถึงแนววิธีการทดลอง ก็ต้องเอาข้อมูลตรงนี้ไปแจ้งให้เขาเข้าใจโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า จะต้องตรวจสอบเครื่องอัลฟ่า 6 ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เข้าใจว่าทางกระทรวงมหาดไทย ขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ดำเนินการอยู่ ซึ่งในความเข้าใจของตนหลักการของเครื่องทำนองเดียวกันหมด เว้นแต่ว่าของ อัลฟ่า 6 จะอ้างว่ามีพลังงานอยู่ในตัว
"ถ้าเกิดอยากจะให้ทดสอบอีก ก็ทดสอบได้ไม่มีปัญหาอะไร อัลฟ่า 6 เข้าใจว่ากระทรวงมหาดไทย มีเพื่อใช้ในเรื่องของสารเสพติด" นายกรัฐมนตรีกล่าว
**หาช่องกม.ฟ้องผู้จัดจำหน่าย
เมื่อถามว่า ในเรื่องของการสูญเสียโอกาส สูญเสียเงินที่ซื้อ จะมีการดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะให้ทุกหน่วยงานรวบรวมข้อเท็จจริงมาทั้งหมด เข้าใจว่าเริ่มทำกันมา ใช้กันมาตั้งแต่ปี 2547 และจะมีการจัดเก็บสถิติใช้เครื่องมือนี้แล้วไปพบสารอะไร ต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะรวมไปถึงการสอบสวนที่มาในการจัดซื้อด้วยหรือไม่ว่าเหตุผลในการจัดซื้อ รู้หรือไม่ว่ามีประสิทธิภาพอย่างนี้แล้วทำไมยังมีการจัดซื้อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คงจะลำดับเหตุการณ์มา แต่ว่าถามว่า การรับรู้ปัญหาเพิ่งมาเกิดในช่วงหลัง แต่การจัดซื้อดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2547 ตามที่ได้รับข้อมูลมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องมีใครรับผิดชอบกับงบประมาณที่ต้องสูญเสียไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คงต้องดูเหตุและผล เพราะต้องยอมรับว่าเราไม่ใช่ประเทศเดียว มีหน่วยงานเดียว มีหลาย 40 หน่วยงาน ในประเทศต่างๆ ที่ซื้อเครื่องไป
เมื่อถามต่อว่า มีการซื้อตั้งแต่ปี 47 เราสามารถร้องไปยังบริษัทลูกที่จัดจำหน่ายได้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กำลังให้ดูข้อกฎหมายอยู่
เมื่อถามว่า ของเก่า 700 กว่าเครื่องจะเอาไปทำอะไร นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด มูลค่าของเครื่อง ก็หลักล้าน เมื่อถามต่อว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯได้มีข้อเสนอแนะหรือไม่ว่า สามารถนำเครื่องนี้ไปทำอะไรได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้รายงานที่เป็นลายลักษณ์อักษรยังไม่เสร็จ แต่ว่าเขารายงานผลให้ทราบ อย่างที่เรียนก็คือ เมื่อทดสอบแล้วสัดส่วนความสำเร็จไม่มีนัยทางผลสถิติ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่เสี่ยงเกินไปหรือเปล่าที่จะปล่อยให้มีการใช้เครื่องนี้ต่อไป นายกฯ กล่าวว่า ไม่เราบอกชัดเจนว่า ใครใช้ต้องทราบว่าผลมันเป็นอย่างนี้ แต่ขณะนี้การสื่อสารไปในพื้นที่เราอยู่ตรงนี้สภาพเป็นอย่างหนึ่ง ความสับสนในตัวผู้ใช้เป็นอีกแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นอยากเรียนว่าต้องไปทำความเข้าใจกับผู้ที่มีความคิด มีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้อยู่
เมื่อถามต่อว่า ทำไมไม่มีคำสั่งไปชัดเจนเลยว่า ไม่ควรจะใช้เครื่องนี้ต่อไป เพื่อประชาชนอุ่นใจ นายกฯ กล่าวว่า เรายังไม่มีอุปกรณ์อะไรอื่น ที่จะไปแทน
**ใช้สุนัขได้ผลดีกว่า
เมื่อถามว่า จะใช้สุนัขแทนได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ในสภาพสังคม 3 จังหวัดภาคใต้ ใช้ไม่ได้ครับ เมื่อถามว่าการทดสอบจะมีผลย้อนหลังกับคดีที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีการดำเนินการเอาเครื่องนี้ไปใช้ และนำไปสู่การดำเนินการที่กระทบต่อการดำเนินคดี เพราะเดิมที่ใช้ตัวนี้อยู่ สมมุติเครื่องชี้ไป ไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานอะไรได้อยู่แล้ว ต้องไปเจอตัววัตถุต้องห้าม ถึงจะดำเนินคดีได้
เมื่อถามว่า ถ้าเปรียบเครื่องจีที 200 กับสุนัข อย่างไหนดีกว่า คุ้มค่ากว่ากันในเวลานี้ นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องถือว่า “สุนัขเป็นเทคโนโลยีที่พิสูจน์ว่าได้ผลกว่า” ตนพยายามพูดให้เป็นวิทยาศาสตร์มากสุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ขวัญกำลังกับผู้ใช้อย่างไรหรือจะมีเครื่องมืออื่นมาทดแทน นายกฯ กล่าวว่า นี้คือสิ่งที่เราต้องลงไปคุยกับเขา และต้องให้ทางฝ่ายวิชาการไปด้วย โดยตนได้ขอให้ผบ.ทบ.เตรียมทำแผนเมื่อไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้ การทำงานต้องปรับอย่างไรบ้าง ส่วนของพวกนี้จะไปทำอย่างไรต่อนั้นยังไม่ได้คิด อย่างไรก็ตามเวลานี้กำลังให้เขาทำรายงานว่ากระบวนการแต่ต้นเป็นอย่างไร หากเราได้รายละเอียดมาจะได้ดูว่า เราสามารถเรียกร้องบริษัทที่นำมาขายได้หรือไม่อย่างไร ทั้งนี้การซื้อเครื่องมือลักษณะนี้ครั้งต่อไปทางคณะกรรมการที่ไปทดสอบมีข้อเสนอมาว่าจะมีหน่วยงานใดเข้าไปมีส่วนร่วมบ้าง
เมื่อถามว่า ที่สุดแล้วใครจะถูกลงโทษบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงที่มาที่ไปเป็นอย่างไร อย่างที่ตนเรียนว่า โดนเข้าไป 40 แห่งทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะของเรา ซึ่งของเราประมาณ 7-8 ร้อยเครื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซื้อเครื่อง จีที 200 ในปี 2547 นั้นเป็นช่วงที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น ผบ.ทบ.
**ยุติธรรมระงับซื้อจีที 200
นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะดำเนินการสอบถามข้อมูลกับหน่วยงานภายในคือ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งตนเคยได้พูดคุยกับ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ว่า ควรจะนำเครื่องไปตรวจสอบในส่วนของยาเสพติดด้วย และจากนี้ไป จะไปพูดคุยกันเรื่องระงับการซื้อเครื่องจีที 200 รวมไปถึงการหาสาเหตุว่าเหตุใด เครื่องจึงใช้การไม่ได้ผลตามที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานใดที่ยังใช้อยู่นั้นจะระงับการใช้หรือไม่อยู่ที่แต่ละหน่วยงานจะดำเนินการ แต่เครื่องที่มีอยู่ ก็จะยังคงต้องใช้งานอยู่ต่อไป ซึ่งในส่วนของกระทรวงยุติธรรม จะใช้ในการตรวจจับยาเสพติดเป็นส่วนใหญ่ คงจะต้องมีการพูดคุยเรื่องนี้ด้วย
รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยว่าในการประชุมครม. ตนได้เสนอให้มีให้ตรวจสอบ
ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง จีที 200 และ อัลฟา 6 และจากผลตรวจสอบที่ออกมาล่าสุด ตนคงจะต้องพูดคุยกับทางคณะกรรมการ ป.ป.ส. ให้มีการระงับในการซื้อเครื่องดังกล่าว
**หมอพรทิพย์ยังใช้งานต่อไป
ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า สถาบันฯ จะใช้เครื่องจีที 200 ต่อไป แต่จะไม่สั่งซื้อเครื่องเพิ่มเติม ที่ผ่านมา ตนชี้แจงไปแล้วว่าเครื่องจีที 200 ไม่ใช่อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เพราะมีตัวแปรของผู้ใช้งานเป็นส่วนสำคัญ เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทย์ฯ ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่ไม่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์หลักในการเก็บกู้ระเบิด
**ปปส.เริ่มไม่มั่นใจอัลฟ่า 6
พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เครื่องที่ ป.ป.ส.ใช้งานตรวจสารเสพติด เป็นเครื่องอัลฟ่า 6 ไม่ใช่จีที 200 โดยปกติอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ จะใช้เป็นอุปกรณ์เสริม ไม่ใช่อุปกรณ์หลักในการปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตามป.ป.ส. พร้อมให้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องอัลฟ่า 6 ซึ่งมีลักษณะการทำงานใกล้เคียงกับเครื่องจีที 200 เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการป.ป.ส. เคยออกมาแถลงข่าวยืนยันในประสิทธิภาพและความแม่นยำ ในการตรวจหาสารเสพติดของเครื่องอัลฟ่า 6 จนทำให้ป.ป.ส. เลิกใช้สุนัขดมกลิ่น ซึ่งมักจะเมารถระหว่างการเดินทาง และสุนัขยังจัดเป็นครุภัณฑ์เสื่อมสภาพและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามาก โดยป.ป.ส.ได้จัดซื้อเครื่องอัลฟ่า 6 อีกเป็นจำนวนมาก
**"เพื่อไทย"จี้ตั้งกก.สอบการจัดซื้อ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้งนักวิชาการ ฝ่ายค้าน และต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศอังกฤษได้ออกมาบอกแล้วว่า เครื่องดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพ แต่รัฐบาลไทยก็ยังตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีก เมื่อผลออกมาก็จะระงับการซื้อ แต่สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเริ่มซื้อมาตั้งแต่ปี 52 ทั้งกองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย
โดยเฉพาะมหาดไทยนั้นมีการจัดซื้อเครื่องอัลฟ่า 6 โดยอ้างว่านำมาใช้ตรวจหาสารเสพติด ตั้งแต่ปี 52 จำนวน 479 เครื่องด้วยงบประมาณ 344 ล้านบาท ตนมีข้อมูลว่า การจัดซื้อดังกล่าว มีความผิดปกติส่อไปในทางทุจริต เราต้องการให้รัฐบาลตรวจสอบว่า มีใครทุจริตบ้าง หากนายกรัฐมนตรี ไม่ดำเนินการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทุจริตดังกล่าว ตนจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ นายอภิสิทธิ์ ในฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 157 ต่อป.ป.ช.ต่อไป
**นักวิชาการใต้จี้รัฐหาคนรับผิดชอบทีจี200
วานนี้ (16 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ผศ. ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ คณะบดี คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ กล่าวถึงการยกเลิกเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 ว่า การทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่อ่อนไหว ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นการสงครามแห่งความเชื่อ
ดังนั้น ภาครัฐต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งต้องระแวดระวังให้มากกว่านี้ เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อภาครัฐ ซึ่งต้องยอมรับว่า ประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัยในหลายๆ เรื่องในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และเมื่อมีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจนว่า เครื่องจีที 200 ใช้ไม่ได้ โดยคิดเป็น 80% ใช้ไม่ได้ และอีก 20% ยังไม่แน่ว่าจะใช้ได้หรือไม่ ดังนั้น เมื่อเกิดเช่นนี้ ต้องหาผู้รับผิดชอบ
ในกรณีที่ผ่านมามีการนำเครื่องมือเหล่านี้ไปชี้ผิดผู้ต้องหาอีกทั้งมีการส่งฟ้องเขาไปแล้ว ภาครัฐจึงต้องชี้แจงให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดแผลเรื้อรัง ส่วนผู้คนจำนวนมากที่สูญเสียไปแล้ว ที่ผ่านมาเสมือนกับถูกต้มไปทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในระดับล่าง สิ่งเหล่านี้ ต้องตอบคำถามให้กับญาติพี่น้องของผู้สูญเสียให้ได้ ส่วนงบประมาณที่ใช้ไปแล้ว จะทำอย่างไร ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาให้ได้ ด้วยการตรวจสอบอย่างโปร่งใส และเป็นบทเรียนที่สำคัญยิ่งในการทำงานในพื้นที่ และต้องหาผู้รับผิดชอบให้ได้
“ที่ผ่านมาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับความบอบช้ำมามากแล้ว จะนำเครื่องมือเครื่องใช้มาใช้ในพื้นที่ขอให้มีกระบวนการภาคประชาชนในพื้นที่และนักวิชาการ วันนี้คำถามทุกคำถาม คำตอบทุกคำตอบต้องอยู่ในพื้นที่ ตนไม่อยากฟังคำถามคำตอบจากส่วนกลาง ฉะนั้น นักวิชาการ สื่อมวลชน และที่สำคัญที่สุดคือประชาชน เท่านั้นที่จะตอบได้ อธิบายได้” ดร.สมบัติ กล่าว
**ผู้นำศาสนาเสนอใช้ ปชช.แทนทีจี 200
นายนิมุ มะกาเจ ประธารสภาสันติสุขจังหวัดยะลาและอดีตรองประธานคณะกรรมการประจำจังหวัดยะลา กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ความเที่ยงธรรม ความโปร่งใส แสดงถึงความจริงใจ ที่จะแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกทั้งมีความคิดเห็นสมทบว่า เครื่อง จีที 200 เป็นเครื่องที่ให้เกิดผลกระทบ 2 ส่วน คือ การที่ประชาชนกลายเป็นผู้ต้องหา เป็นจำเลยในที่สุด ซึ่งเมื่อพิสูจน์แล้วปรากฏเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว แต่ภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นจำเลยในสังคมไปเสียแล้ว
ส่วนการที่พิสูจน์และมั่นใจแล้วว่า สามารถเชื่อถือได้แค่ 20% การยกเลิกจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ส่วนการที่นำเครื่องมือมาทดแทนให้กับหน่วยกำลังในพื้นที่ ควรต้องหาสิ่งที่เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ ที่สำคัญยิ่งเป็นที่ยอมรับของคนในพื้นที่
“ในตอนนี้เครื่องมือที่ดีที่สุด คือประชาชนทำอย่างไรให้ประชาชนมาเป็นเครื่องมือให้กับประชน ดังนั้น ต่อไปเจ้าหน้าที่ต้องปรับการทำงานใหม่ให้ประชาชนมีการยอมรับ และมาเป็นเครื่องมือให้กับภาครัฐในการแก้ปัญหา นั้นคือสิ่งที่ดีที่สุด” นายนิมุกล่าว
วานนี้ (16 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวานนี้ ถึงกรณีผลการทดสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จีที 200 ว่า การทดลองเป็นการทดลองนำเอาวัตถุระเบิดใส่ในกล่อง และมีกล่องเปล่าอีก 3 กล่อง รวมเป็น 4 กล่อง อยู่ในห้องสถานที่ที่ทำการทดลอง แล้วให้บุคคลใช้อุปกรณ์จีที 200 เพื่อให้ชี้ว่าเป็นกล่องไหน โดยทำการทดสอบ 20 ครั้ง ปรากฏว่าสามารถชี้ได้ถูกแค่ 4 ครั้ง ซึ่งถือว่าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ หมายความว่า ไม่ได้แตกต่างจากกรณีที่สุ่มเอา เพราะฉะนั้นขณะนี้สิ่งที่ชัดเจนแน่นอนก็คือ จะไม่มีการจัดซื้ออุปกรณ์นี้เพิ่มเติม
สำหรับในพื้นที่ซึ่งยังมีการยืนยันจากผู้ปฏิบัติว่าใช้งานได้ผล เราก็จะขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กับคณะกรรมการโดยเฉพาะในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิได้แจ้งผลของการทดลอง และการอธิบายที่ตรงกัน เป็นข้อสรุปในชั้นนี้ และได้ขอให้หน่วยงานที่มีอุปกรณ์นี้อยู่ ได้ช่วยไปรวบรวมรายงานตั้งแต่ต้น ว่ามีการใช้อุปกรณ์นี้มาแต่ละปีมีการซื้อเท่าไร และการใช้งานเป็นอย่างไร เพื่อให้หน่วยงานเหล่านี้ได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกับทางคณะกรรมการ หรือกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการฯ ไม่แน่ใจว่าบรรดาบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมที่จะช่วยรัฐบาลในการทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ต่อไปหรือไม่ แต่ถ้าไม่ ก็ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ดำเนินการ เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้ข้อมูลตรงนั้นมาอีกทีหนึ่ง จะมาตรวจสอบกันว่ามีประเด็นอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
**เรียก"อนุพงษ์"ฟังผลการทดสอบ
เมื่อถามว่าที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมาพบเป็นเรื่องผลทดสอบจีที 200 ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ครับ ได้เรียนให้ท่านทราบว่า ผลการทดลองเป็นเช่นนี้ เพราะฉะนั้นได้คุยกับรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ ก็จะได้ขอให้ทางกระทรวงช่วยเอาข้อมูลและอธิบายของการทดลองไปให้ทางหน่วยงานที่ปฏิบัติใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้ทราบ
ส่วนจะยกเลิกการใช้ จีที 200 ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าก็จะให้เวลาที่เขาไปทำความเข้าใจกัน เพราะขณะนี้ทางหน่วยงานผู้ปฎิบัติ ยังมีความเชื่อของเขาอยู่ ก็อาจจะยังไม่ทราบ ไม่เข้าใจถึงแนววิธีการทดลอง ก็ต้องเอาข้อมูลตรงนี้ไปแจ้งให้เขาเข้าใจโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า จะต้องตรวจสอบเครื่องอัลฟ่า 6 ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เข้าใจว่าทางกระทรวงมหาดไทย ขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ดำเนินการอยู่ ซึ่งในความเข้าใจของตนหลักการของเครื่องทำนองเดียวกันหมด เว้นแต่ว่าของ อัลฟ่า 6 จะอ้างว่ามีพลังงานอยู่ในตัว
"ถ้าเกิดอยากจะให้ทดสอบอีก ก็ทดสอบได้ไม่มีปัญหาอะไร อัลฟ่า 6 เข้าใจว่ากระทรวงมหาดไทย มีเพื่อใช้ในเรื่องของสารเสพติด" นายกรัฐมนตรีกล่าว
**หาช่องกม.ฟ้องผู้จัดจำหน่าย
เมื่อถามว่า ในเรื่องของการสูญเสียโอกาส สูญเสียเงินที่ซื้อ จะมีการดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะให้ทุกหน่วยงานรวบรวมข้อเท็จจริงมาทั้งหมด เข้าใจว่าเริ่มทำกันมา ใช้กันมาตั้งแต่ปี 2547 และจะมีการจัดเก็บสถิติใช้เครื่องมือนี้แล้วไปพบสารอะไร ต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะรวมไปถึงการสอบสวนที่มาในการจัดซื้อด้วยหรือไม่ว่าเหตุผลในการจัดซื้อ รู้หรือไม่ว่ามีประสิทธิภาพอย่างนี้แล้วทำไมยังมีการจัดซื้อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คงจะลำดับเหตุการณ์มา แต่ว่าถามว่า การรับรู้ปัญหาเพิ่งมาเกิดในช่วงหลัง แต่การจัดซื้อดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2547 ตามที่ได้รับข้อมูลมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องมีใครรับผิดชอบกับงบประมาณที่ต้องสูญเสียไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คงต้องดูเหตุและผล เพราะต้องยอมรับว่าเราไม่ใช่ประเทศเดียว มีหน่วยงานเดียว มีหลาย 40 หน่วยงาน ในประเทศต่างๆ ที่ซื้อเครื่องไป
เมื่อถามต่อว่า มีการซื้อตั้งแต่ปี 47 เราสามารถร้องไปยังบริษัทลูกที่จัดจำหน่ายได้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กำลังให้ดูข้อกฎหมายอยู่
เมื่อถามว่า ของเก่า 700 กว่าเครื่องจะเอาไปทำอะไร นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด มูลค่าของเครื่อง ก็หลักล้าน เมื่อถามต่อว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯได้มีข้อเสนอแนะหรือไม่ว่า สามารถนำเครื่องนี้ไปทำอะไรได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้รายงานที่เป็นลายลักษณ์อักษรยังไม่เสร็จ แต่ว่าเขารายงานผลให้ทราบ อย่างที่เรียนก็คือ เมื่อทดสอบแล้วสัดส่วนความสำเร็จไม่มีนัยทางผลสถิติ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่เสี่ยงเกินไปหรือเปล่าที่จะปล่อยให้มีการใช้เครื่องนี้ต่อไป นายกฯ กล่าวว่า ไม่เราบอกชัดเจนว่า ใครใช้ต้องทราบว่าผลมันเป็นอย่างนี้ แต่ขณะนี้การสื่อสารไปในพื้นที่เราอยู่ตรงนี้สภาพเป็นอย่างหนึ่ง ความสับสนในตัวผู้ใช้เป็นอีกแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นอยากเรียนว่าต้องไปทำความเข้าใจกับผู้ที่มีความคิด มีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้อยู่
เมื่อถามต่อว่า ทำไมไม่มีคำสั่งไปชัดเจนเลยว่า ไม่ควรจะใช้เครื่องนี้ต่อไป เพื่อประชาชนอุ่นใจ นายกฯ กล่าวว่า เรายังไม่มีอุปกรณ์อะไรอื่น ที่จะไปแทน
**ใช้สุนัขได้ผลดีกว่า
เมื่อถามว่า จะใช้สุนัขแทนได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ในสภาพสังคม 3 จังหวัดภาคใต้ ใช้ไม่ได้ครับ เมื่อถามว่าการทดสอบจะมีผลย้อนหลังกับคดีที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีการดำเนินการเอาเครื่องนี้ไปใช้ และนำไปสู่การดำเนินการที่กระทบต่อการดำเนินคดี เพราะเดิมที่ใช้ตัวนี้อยู่ สมมุติเครื่องชี้ไป ไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานอะไรได้อยู่แล้ว ต้องไปเจอตัววัตถุต้องห้าม ถึงจะดำเนินคดีได้
เมื่อถามว่า ถ้าเปรียบเครื่องจีที 200 กับสุนัข อย่างไหนดีกว่า คุ้มค่ากว่ากันในเวลานี้ นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องถือว่า “สุนัขเป็นเทคโนโลยีที่พิสูจน์ว่าได้ผลกว่า” ตนพยายามพูดให้เป็นวิทยาศาสตร์มากสุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ขวัญกำลังกับผู้ใช้อย่างไรหรือจะมีเครื่องมืออื่นมาทดแทน นายกฯ กล่าวว่า นี้คือสิ่งที่เราต้องลงไปคุยกับเขา และต้องให้ทางฝ่ายวิชาการไปด้วย โดยตนได้ขอให้ผบ.ทบ.เตรียมทำแผนเมื่อไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้ การทำงานต้องปรับอย่างไรบ้าง ส่วนของพวกนี้จะไปทำอย่างไรต่อนั้นยังไม่ได้คิด อย่างไรก็ตามเวลานี้กำลังให้เขาทำรายงานว่ากระบวนการแต่ต้นเป็นอย่างไร หากเราได้รายละเอียดมาจะได้ดูว่า เราสามารถเรียกร้องบริษัทที่นำมาขายได้หรือไม่อย่างไร ทั้งนี้การซื้อเครื่องมือลักษณะนี้ครั้งต่อไปทางคณะกรรมการที่ไปทดสอบมีข้อเสนอมาว่าจะมีหน่วยงานใดเข้าไปมีส่วนร่วมบ้าง
เมื่อถามว่า ที่สุดแล้วใครจะถูกลงโทษบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงที่มาที่ไปเป็นอย่างไร อย่างที่ตนเรียนว่า โดนเข้าไป 40 แห่งทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะของเรา ซึ่งของเราประมาณ 7-8 ร้อยเครื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซื้อเครื่อง จีที 200 ในปี 2547 นั้นเป็นช่วงที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น ผบ.ทบ.
**ยุติธรรมระงับซื้อจีที 200
นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะดำเนินการสอบถามข้อมูลกับหน่วยงานภายในคือ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งตนเคยได้พูดคุยกับ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ว่า ควรจะนำเครื่องไปตรวจสอบในส่วนของยาเสพติดด้วย และจากนี้ไป จะไปพูดคุยกันเรื่องระงับการซื้อเครื่องจีที 200 รวมไปถึงการหาสาเหตุว่าเหตุใด เครื่องจึงใช้การไม่ได้ผลตามที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานใดที่ยังใช้อยู่นั้นจะระงับการใช้หรือไม่อยู่ที่แต่ละหน่วยงานจะดำเนินการ แต่เครื่องที่มีอยู่ ก็จะยังคงต้องใช้งานอยู่ต่อไป ซึ่งในส่วนของกระทรวงยุติธรรม จะใช้ในการตรวจจับยาเสพติดเป็นส่วนใหญ่ คงจะต้องมีการพูดคุยเรื่องนี้ด้วย
รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยว่าในการประชุมครม. ตนได้เสนอให้มีให้ตรวจสอบ
ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง จีที 200 และ อัลฟา 6 และจากผลตรวจสอบที่ออกมาล่าสุด ตนคงจะต้องพูดคุยกับทางคณะกรรมการ ป.ป.ส. ให้มีการระงับในการซื้อเครื่องดังกล่าว
**หมอพรทิพย์ยังใช้งานต่อไป
ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า สถาบันฯ จะใช้เครื่องจีที 200 ต่อไป แต่จะไม่สั่งซื้อเครื่องเพิ่มเติม ที่ผ่านมา ตนชี้แจงไปแล้วว่าเครื่องจีที 200 ไม่ใช่อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เพราะมีตัวแปรของผู้ใช้งานเป็นส่วนสำคัญ เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทย์ฯ ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่ไม่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์หลักในการเก็บกู้ระเบิด
**ปปส.เริ่มไม่มั่นใจอัลฟ่า 6
พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เครื่องที่ ป.ป.ส.ใช้งานตรวจสารเสพติด เป็นเครื่องอัลฟ่า 6 ไม่ใช่จีที 200 โดยปกติอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ จะใช้เป็นอุปกรณ์เสริม ไม่ใช่อุปกรณ์หลักในการปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตามป.ป.ส. พร้อมให้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องอัลฟ่า 6 ซึ่งมีลักษณะการทำงานใกล้เคียงกับเครื่องจีที 200 เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการป.ป.ส. เคยออกมาแถลงข่าวยืนยันในประสิทธิภาพและความแม่นยำ ในการตรวจหาสารเสพติดของเครื่องอัลฟ่า 6 จนทำให้ป.ป.ส. เลิกใช้สุนัขดมกลิ่น ซึ่งมักจะเมารถระหว่างการเดินทาง และสุนัขยังจัดเป็นครุภัณฑ์เสื่อมสภาพและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามาก โดยป.ป.ส.ได้จัดซื้อเครื่องอัลฟ่า 6 อีกเป็นจำนวนมาก
**"เพื่อไทย"จี้ตั้งกก.สอบการจัดซื้อ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้งนักวิชาการ ฝ่ายค้าน และต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศอังกฤษได้ออกมาบอกแล้วว่า เครื่องดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพ แต่รัฐบาลไทยก็ยังตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีก เมื่อผลออกมาก็จะระงับการซื้อ แต่สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเริ่มซื้อมาตั้งแต่ปี 52 ทั้งกองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย
โดยเฉพาะมหาดไทยนั้นมีการจัดซื้อเครื่องอัลฟ่า 6 โดยอ้างว่านำมาใช้ตรวจหาสารเสพติด ตั้งแต่ปี 52 จำนวน 479 เครื่องด้วยงบประมาณ 344 ล้านบาท ตนมีข้อมูลว่า การจัดซื้อดังกล่าว มีความผิดปกติส่อไปในทางทุจริต เราต้องการให้รัฐบาลตรวจสอบว่า มีใครทุจริตบ้าง หากนายกรัฐมนตรี ไม่ดำเนินการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทุจริตดังกล่าว ตนจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ นายอภิสิทธิ์ ในฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 157 ต่อป.ป.ช.ต่อไป
**นักวิชาการใต้จี้รัฐหาคนรับผิดชอบทีจี200
วานนี้ (16 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ผศ. ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ คณะบดี คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ กล่าวถึงการยกเลิกเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 ว่า การทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่อ่อนไหว ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นการสงครามแห่งความเชื่อ
ดังนั้น ภาครัฐต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งต้องระแวดระวังให้มากกว่านี้ เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อภาครัฐ ซึ่งต้องยอมรับว่า ประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัยในหลายๆ เรื่องในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และเมื่อมีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจนว่า เครื่องจีที 200 ใช้ไม่ได้ โดยคิดเป็น 80% ใช้ไม่ได้ และอีก 20% ยังไม่แน่ว่าจะใช้ได้หรือไม่ ดังนั้น เมื่อเกิดเช่นนี้ ต้องหาผู้รับผิดชอบ
ในกรณีที่ผ่านมามีการนำเครื่องมือเหล่านี้ไปชี้ผิดผู้ต้องหาอีกทั้งมีการส่งฟ้องเขาไปแล้ว ภาครัฐจึงต้องชี้แจงให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดแผลเรื้อรัง ส่วนผู้คนจำนวนมากที่สูญเสียไปแล้ว ที่ผ่านมาเสมือนกับถูกต้มไปทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในระดับล่าง สิ่งเหล่านี้ ต้องตอบคำถามให้กับญาติพี่น้องของผู้สูญเสียให้ได้ ส่วนงบประมาณที่ใช้ไปแล้ว จะทำอย่างไร ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาให้ได้ ด้วยการตรวจสอบอย่างโปร่งใส และเป็นบทเรียนที่สำคัญยิ่งในการทำงานในพื้นที่ และต้องหาผู้รับผิดชอบให้ได้
“ที่ผ่านมาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับความบอบช้ำมามากแล้ว จะนำเครื่องมือเครื่องใช้มาใช้ในพื้นที่ขอให้มีกระบวนการภาคประชาชนในพื้นที่และนักวิชาการ วันนี้คำถามทุกคำถาม คำตอบทุกคำตอบต้องอยู่ในพื้นที่ ตนไม่อยากฟังคำถามคำตอบจากส่วนกลาง ฉะนั้น นักวิชาการ สื่อมวลชน และที่สำคัญที่สุดคือประชาชน เท่านั้นที่จะตอบได้ อธิบายได้” ดร.สมบัติ กล่าว
**ผู้นำศาสนาเสนอใช้ ปชช.แทนทีจี 200
นายนิมุ มะกาเจ ประธารสภาสันติสุขจังหวัดยะลาและอดีตรองประธานคณะกรรมการประจำจังหวัดยะลา กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ความเที่ยงธรรม ความโปร่งใส แสดงถึงความจริงใจ ที่จะแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกทั้งมีความคิดเห็นสมทบว่า เครื่อง จีที 200 เป็นเครื่องที่ให้เกิดผลกระทบ 2 ส่วน คือ การที่ประชาชนกลายเป็นผู้ต้องหา เป็นจำเลยในที่สุด ซึ่งเมื่อพิสูจน์แล้วปรากฏเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว แต่ภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นจำเลยในสังคมไปเสียแล้ว
ส่วนการที่พิสูจน์และมั่นใจแล้วว่า สามารถเชื่อถือได้แค่ 20% การยกเลิกจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ส่วนการที่นำเครื่องมือมาทดแทนให้กับหน่วยกำลังในพื้นที่ ควรต้องหาสิ่งที่เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ ที่สำคัญยิ่งเป็นที่ยอมรับของคนในพื้นที่
“ในตอนนี้เครื่องมือที่ดีที่สุด คือประชาชนทำอย่างไรให้ประชาชนมาเป็นเครื่องมือให้กับประชน ดังนั้น ต่อไปเจ้าหน้าที่ต้องปรับการทำงานใหม่ให้ประชาชนมีการยอมรับ และมาเป็นเครื่องมือให้กับภาครัฐในการแก้ปัญหา นั้นคือสิ่งที่ดีที่สุด” นายนิมุกล่าว