xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” จ่อซัก รบ.ผู้ดีโฆษณาเกินจริงจีที 200 ลามอัลฟา 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกฯ เตรียมทำหนังสือสอบถามสถานทูตอังกฤษเหตุ บริษัทผู้ผลิตจีที 200 โฆษณาเกินจริง จ้องไล่บี้ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้าง ลั่นหากไม่โปร่งใสเจอดีแน่ ยันรัฐบาลพร้อมเยียวยาหากได้รับผลกระทบจริง หลัง “อังคณา” ทวงถามการละเมิดสิทธิมนุษยชน ย้ำทุกหน่วยงานต้องเลิกใช้หลังผลพิสูจน์ชี้ชัด เตรียมขยายผลสอบประสิทธภาพอัลฟ่า 6

วันนี้ (17 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดจีที 200 ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ที่ผ่านมาการใช้เครื่องนี้ไม่ได้ใช้ลำพัง อย่างเรื่องการตรวจค้นนั้น จีที 200 เป็นเพียงเครื่องมือเบื้องต้น หากคนที่ถูกตรวจค้นไม่มีสารหรือวัตถุของต้องห้ามก็ไม่มีการดำเนินการอะไร แต่หากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมสืบเนื่องจากตัวนี้ก็ร้องเรียนมาได้ เพราะได้มีการเปิดระบบการร้องเรียนการใช้อำนาจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว ส่วนกรณีมีภาพเจ้าหน้าที่ใน 3 จังหวัดใช้ตะเกียบแทนเครื่องจีที 200 เพื่อตรวจค้นแทน โดยมองว่ามีความเสี่ยงมากนั้น นายกฯ กล่าวว่า ทุกกรณีถ้าเห็นว่ามีปัญหาในการใช้อำนาจ ในทางที่ไม่ถูกต้องรัฐบาลมีศูนย์ร้องเรียนอยู่ ที่รัฐบาลชุดนี้เริ่มต้นขึ้นมาใหม่ กำกับโดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะช่วยดูแลความเป็นธรรม ถ้าหากเสียหายก็สามารถเยียวยาได้

เมื่อถามว่ากรณีไม่ใช่เป็นเรื่องการละเมิดสิทธิ แต่เป็นกรณีที่ว่าไม่มีเครื่องจีที 200 ใช้แล้วต้องใช้ตะเกียบแทน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะก่อนหน้านี้สื่อถามถึงเรื่องการยกเลิกการละเมิดสิทธิ์ ที่มีผู้ร้องเรียนมาว่ามีการใช้จีที 200 ไปละเมิดสิทธิ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะได้พูดเรื่องเดียวกัน เมื่อถามว่าจะใช้เครื่องมืออะไรไปรองรับไม่ไห้เจ้าหน้าที่เสี่ยงมากกว่านี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเข้าใจ ถึงได้เชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกมา โดยบอกว่าให้เร่งทำแผนรองรับหลังจากเครื่องมือนี้ไม่ใช้แล้ว และอยู่ในช่วงของการทำความเข้าใจ เมื่อถามว่าต้องเร่งรัดดำเนินการหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้กองทัพบกได้มีการศึกษาพบว่า มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานกว่า แต่ราคาสูงกว่า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันเป็นเครื่องมือที่ใช้คนละวัตถุประสงค์กัน เนื่องจากตัวนั้นจะใช้เมื่อทราบเป้าหมายที่แน่นอนแล้ว จึงจะเข้าไปตรวจสอบ แต่จีที 200 ที่ใช้กันมา ใช้ในลักษณะการเข้าตรวจพื้นที่ในภาพกว้างก่อน เพื่อขีดวงพื้นที่ในการนำอุปกรณ์ไปใช้ได้

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถามว่ามีอุปกรณ์อะไรไปใช้แทนในการตรวจสอบพื้นที่กว้าง คำตอบคือยังไม่มี แต่ที่ใช้สำหรับเมื่อมีการขีดวงจำกัดแล้วตัวนั้นมันมีอยู่ เมื่อถามว่าจะต้องเสี่ยงแบบนี้อีกนานแค่ไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะเร่งให้เร็วที่สุด เรียนตรงๆ ว่าปัญหาที่ผ่านมา ทุกคนก็อยากมีจีที 200 ตนถึงเข้าใจว่าทำไมหลายประเทศถึงได้ซื้อ ก็อยากจะมีตัวนี้กันทั้งสิ้น แต่เมื่อพิสูจน์แล้วไม่สามารถใช้การได้ ก็ต้องบอกกันตามตรงว่าจริงๆแล้วที่ผ่านมา ทุกคนปฏิบัติหน้าที่อยู่บนความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น ซึ่ง ผบ.ทบ.จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดอยู่แล้ว เพราะเราต้องการที่จะให้ทางฝ่ายวิชาการลงไปคุยกับหน่วยปฏิบัติเพื่อจะได้เร่งรัดต่อไป

เมื่อถามว่าแต่สถานการณ์ใน 3 จังหวัดมีความรุนแรงมากขึ้น ถึงขั้นฆ่าทหารและมีการตัดหัว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สถานการณ์ที่มีการดำเนินการในส่วนของฝ่ายตรงข้าม เป็นเรื่องที่รัฐบาลได้ประเมินและติดตามตลอด และลักษณะการเพิ่มภาพลักษณ์ให้มีความรุนแรง ก็เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เขา อย่างเช่นการระเบิดที่ผ่านมา ทำให้มีการประเมินจากภายนอกว่ามีความรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องระวังอยู่แล้ว เพราะไม่ต้องการให้ให้มีการยกระดับเหตุการณ์ให้มันพลิกเปลี่ยนไปอีกระดับหนึ่ง และการที่องค์กรต่างประเทศระบุไทยติดอันดับ 9 ที่เสี่ยงการก่อการร้ายนั้น ก็นี่เป็นการอ้างอิงจากเหตุระเบิดที่โกลก ซึ่งมีการขยับมา 2 ลำดับ จริงๆ แล้วก่อนเรื่องจีที 200 สถานการณ์ที่มีการดำเนินการอยู่ และมีการประเมินออกมาในระยะหลัง ก็มีแนวโน้มดีขึ้นไม่ใช่แย่ลง ที่ไม่ได้ประเมินจากความถี่ของเหตุการณ์ แต่เป็นการประเมินการเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีการตอบสนองในเชิงบวกในนโยบายการพัฒนา หลังจากที่ช่วงแรกพูดกันตรงๆ หลายพื้นที่ไม่มีความใจกันว่าภาครัฐจะเข้าไปทำโครงการพัฒนาซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนแท้จริงหรือไม่ ช่วง 2-3 เดือนหลังถือว่าไปในทิศทางที่ดีขึ้น

“แน่นอนว่าการที่เครื่องจีที 200 มีปัญหาขึ้นมา มีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติ พร้อมกับการปรับเปลี่ยนแนวทางของฝ่ายตรงข้าม” นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จีที 200 จะเป็นตัวที่ทำให้ต้องไปดูเรื่องของระบบการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งได้มีการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น และกำลังให้มีการทำรายงานมา เนื่องจากการจัดซื้อในลักษณะนี้ เป็นการตัดสินใจของแต่ละหน่วยที่ปฏิบัติ ซึ่งสามารถทำได้

เมื่อถามว่าจะเรียนรู้จากปัญหานี้เพื่อป้องกันการจัดซื้ออุปกรณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ก็จะเสนอแนะเรื่องนี้มาด้วย และตั้งใจจะคุยกับรมว.กลาโหม ยังเดินหน้าคุยแต่ละกระทรวงอยู่ โดยถึงคิวกระทรวงกลาโหมในวันที่ 18 ก.พ.นี้ จากนี้ไปการจัดซื้ออุปกรณ์อยากให้มั่นใจเรื่องเทคโนโลยีที่ได้มีการพิสูจน์กันแล้ว

ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงการละเมิดสิทธิ นายกฯ กลับหันมาตัดบทว่าการที่พูดถึงการละเมิดสิทธิต้องพูดให้ชัด ผู้สื่อข่าวย้อนไปว่ายังถามไม่จบ ในเมื่อนายกฯ บอกว่าการใช้จีที 200 เป็นการละเมิดสิทธิด้วย นายกฯ ถึงกับปฏิเสธทันทีว่าตนไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่พยายามจะตอบคำถามว่าการละเมิดสิทธิก็เลยอยากให้เวลาถามเอาให้ชัดว่าจะมุมไหน เพราะมันมีหลายมุมตอนนี้ที่คนถาม ผู้สื่อข่าวกล่าวว่านายกฯ อย่าเพิ่งเบรกตน นายกฯ ปฏิเสธว่าไม่ได้เบรกแต่ต้องการให้รู้ว่าต้องขยายความ ผู้สื่อข่าวถามว่าอย่างกรณีของนางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของทนายสมชาย ระบุว่าในฐานะที่นายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาลจะแสดงความรู้สึกเสียใจ หรือขอโทษประชาชนหรือไม่ในการใช้อุปกรณ์นี้แต่ไม่มีประสิทธิภาพ นายกฯ กล่าวว่า ได้ชี้แจงแล้วว่าได้รับการยืนยันจากหน่วยปฏิบัติว่าการปฏิบัติต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องมือนี้แล้วไปดำเนินคดีต่างๆ มันไม่มีกรณีเช่นนั้น เนื่องจากไม่ได้ใช้อุปกรณ์นี้แล้วยุติ แต่เป็นอุปกรณ์ใช้เบื้องต้นเท่านั้น และจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเอง แสดงความเชื่อมั่น และไม่ทราบว่าเครื่องมือมีปัญหา แต่มามีปัญหาและแพร่หลายปลายเดือนธันวาคม ต้นเดือนมกราคม ที่ต่างประเทศมีข่าวออกมา รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่สิ่งที่ทำทันทีคือมีการทดลองตรวจสอบ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ฉะนั้น ถือว่าเราได้แสดงความรับผิดชอบชัดเจนกับสิ่งที่เกิด ส่วนปัญหาอื่นที่ต้องติดตาม ก็จะดูจากผลรายงานใครที่ถูกละเมิดสิทธิ รัฐบาลก็มีช่องทางพร้อมให้ความเป็นธรรมและเยียวยา

เมื่อถามว่าจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างในแต่ละช่วงเวลาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะดูจากรายงานและระบบว่าจะต้องไปแก้ตรงไหน ซึ่งตัวรายงานต้องใช้รายงานให้หน่วยงานรวบรวมมา ส่วนตัวระบบจะคุยกับ รมว.กลาโหมในวันที่ 18 ก.พ.นี้ ส่วนเรื่องอัลฟ่า 6 ก็จะขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ตรวจสอบด้วย ถ้าถามตนอุปกรณ์เหล่านี้มีหลายยี่ห้อ ก็น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะมันอ้างอิงทำนองเดียวกัน ในเรื่องวิธีการทำงาน ก็ต้องถามกระทรวงวิทย์ฯ ว่าจำเป็นต้องทดสอบในคราวเดียวกันหรือไม่ หรือมาเปรียบเทียบวความแตกต่าง

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่ากระทรวงมหาดไทยมีการจัดซื้อเครื่องมือในลักษณะนี้มากเกินไป นายกฯ กล่าวว่า ตนบอกไปแล้วว่าทุกหน่วยต้องรายงานที่ใช้อุปกรณ์ตัวนี้ จะต้องมีการจัดทำรายงานมา ถ้าถามประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว ฝ่ายปฏิบัติมักจะเป็นคนที่ได้อุปกรณ์ตัวนี้ อาจจะด้วยความเชื่อด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ หลายคนต่างยืนยันว่าอยากได้อุปกรณ์เพิ่ม จะเห็นได้ว่าบางคนยังยืนว่าอยากใช้ต่อ ทั้งที่มีการพิสูจน์แล้ว

เมื่อถามว่าเป็นเพราะมีส่วนต่างมากในเรื่องของราคา จึงอยากได้เครื่องมือนี้มากกว่า นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นถ้ามีเรื่องส่วนต่างใช้ได้หรือไม่ได้ก็ต้องมีการดำเนินการลงโทษแน่นอน พูดตรงๆ คนที่ทำอุปกรณ์นี้ขึ้นมาเขาฉลาดที่รู้ว่าความต้องการมี และความเชื่อของคนที่ว่าใช้ได้ ก็เหมือนสิ่งที่เขาคาดเดาได้ จึงทำให้หน่วยงาน 40 หน่วยงานทั่วโลกซื้อมา แม้พิสูจน์ตนยังเจอเจ้าหน้าที่ปฏิบัติยืนยันว่าเขามีความเชื่อว่าใช้ได้อยู่ ซึ่งคนเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เป็นผู้ปฏิบัติงานระดับล่าง ในสนามซึ่งคนเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องการจัดซื้อจัดจ้างเลย แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เห็นด้วยที่จะให้ใช้ต่อ แต่ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ถ้าเกิดเป็นกรณีที่เราจะให้ไปใช้ไปตรวจระเบิดแล้วมีความเสี่ยง มันคงไม่ได้ เราต้องให้ผู้ใช้ดูความเสี่ยงว่าคืออะไร เมื่อพิสูจน์แล้วไม่มีผลก็น่าจะยอมรับตรงนี้

เมื่อถามว่าบางหน่วยงานที่พยายามใช้ต่อเพราะกลัวความผิดหรือไม่จึงบอกว่าใช้ได้ นายกฯ กล่าวว่า ไม่หรอกครับ เพราะเราได้มีการพิสูจน์กันมาแล้ว ฉะนั้น มันไม่ควรมีความเชื่อว่าจะขอใช้และขอเสี่ยงเนื่องจากเรื่องนี้กระทบความรู้สึกของคนใช้พอสมควร ก็ต้องทำความเข้าใจไม่ให้เสียขวัญกำลังใจ ตอนนี้ก็มาถามเราว่าเราไปสั่งห้ามแล้วเขาก็มือเปล่าจะให้เขาทำอย่างไร ส่วนความไม่โปร่งใสยืนยันว่าตรวจสอบแน่ แม้ว่าอุปกรณ์ใช้ได้ก็ต้องตรวจสอบ ไม่ใช่วัดดวงกันไปวันๆ เป็นเรื่องที่จำเป็นถึงได้พยายามหลีกเลี่ยงในการออกคำสั่งเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีขวัญกำลังใจ โดยหลักแล้วเมื่อใช้ไม่ได้ พิสูจน์แล้ว ก็อยากให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนการตรวจสอบก็จะสาวไปถึงทั้งหมด ทั้งบริษัทผู้ผลิตและจำหน่าย เพราะถ้าใช้ไม่ได้ก็ต้องเรียกร้องบริษัทด้วย รวมถึงบริษัทต้นทางเพราะต้นยังติดใจอยู่ เพราะเขาอ้างว่าไม่มีอำนาจอะไรมาดำเนินการ

เมื่อถามว่าจะทำหนังสือถึงสถานทูตอังกฤษหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็มีความตั้งใจอยู่ ต้องมีการสอบถามเพิ่มเติม และจากที่มาให้ข้อมูลเขาก็อ้างว่าอุปกรณ์ตัวนี้รัฐบาลเขาไม่ได้จัดว่าเป็นยุทโธปกรณ์ เป็นแค่ผลิตภัณฑ์ จึงสามารถเปิดขายหรือส่งออกได้ ถึงได้แปลกใจว่าไม่มีคุณสมบัติตามสรรพคุณที่โฆษณา ไม่น่าจะดำเนินการได้ ซึ่งจะสอบถามประเด็นในแง่ความรับผิดชอบในการโฆษณาเกินจริง และส่งออกจะรับผิดชอบอย่างไร ส่วนเรื่องการชดเชยค่าเสียหายต้องดูประเด็นนี้ด้วยว่ากระบวนการจัดซื้อผ่านใครบ้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น