xs
xsm
sm
md
lg

ด่วน! ช่วยกันหยุดยั้งแดงป่วนชาติเพื่อประโยชน์ทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชร อริยะ

หากชนชั้นสูงและคณะผู้ปกครอง โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่รู้ว่าสภาพการณ์ที่แท้จริงของประเทศไทยนั้นเป็นอย่างไร หากหลงผิดเข้าใจว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ก็ขอให้รับรู้ไว้ด้วยเถิดว่าบ้านเมืองนี้คงหนีไม่พ้น (1) รัฐประหาร (coup) (2) การปฏิวัติไปสู่การปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์หรือไม่ก็เป็นแบบระบบประธานาธิบดีโดยฝ่ายทักษิณเสื้อแดงแน่นอน โดยระยะผ่านจะนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 มาใช้เพื่อตบตา

หากว่าชนชั้นปกครองเกิดปัญญาขึ้นอย่างแท้จริง ก็ต้องยอมรับว่าสภาพการณ์ที่จริงของไทยเรานั้นเป็นแบบเผด็จการ แต่ก็ยากนักที่ชนชั้นสูงและผู้ปกครองไทยจะฟันฝ่า แสวงหาปัญญาไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องได้ เพราะหากว่ายังหลงผิด ยังยึดมั่นถือมั่น ยังคง “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นระบอบชั่วว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย” ก็ยากที่จะนำไปสู่การแก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้สำเร็จ

เราขอแนะนำว่า สภาพการณ์ที่แท้จริงของประเทศไทยเป็นเผด็จการลัทธิรัฐธรรมนูญ สองรูปแบบ คือ เผด็จการรัฐประหารกับเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ ครอบงำมายาวนานร่วม 78 ปีางแท้จริงแล้ว ก็ขอให้รับรู้ไว้เถิดว่า ประเทศไทยเราจะนำไปสู่ การปฏิวัติ (Revolution) สองรูปแบบ สองแนวทาง ฝ่ายหนึ่งสืบทอด แนวทางพระบรมราโชบายรัชกาลที่ 5-6-7 ที่พระองค์ทรงต้องการปฏิวัติประชาธิปไตยเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชนและการพัฒนาการเมืองไปสู่การเมืองโดยธรรม

อีกฝ่ายหนึ่งเป็น ลัทธิคอมมิวนิสต์ต้องการปฏิวัติไปสู่สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ โดยมีทฤษฎีมาร์กซ์ (Marxism) ชี้นำ โดยพวกนี้จะทำแนวร่วม (United front) กับพวกลัทธิรัฐธรรมนูญ จะเข้าไปแทรกซึมอยู่ในพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อชี้นำและแนะนำให้รัฐบาลนั้นๆ ทำในสิ่งที่ผิด ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะรักษาระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญไว้ให้ยาวนานที่สุด ก็เพื่อรักษาเงื่อนไขของสังคมแห่งความไม่เป็นธรรม ความขัดแย้งไว้ให้ยาวนานที่สุด เพื่อนำเงื่อนไขแห่งความไม่เป็นธรรมนำไปสู่การปฏิวัติสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ในท้ายที่สุดนั่นเอง และส่วนหนึ่งเข้าไปจัดตั้งอยู่ในกองทัพทั้ง 4 เหล่า เพื่อหาจังหวะที่กองทัพอ่อนแอ หรือเมื่อกองทัพฝ่ายลัทธิรัฐธรรมนูญทำรัฐประหาร พวกเขาจะร่วมมือกับมวลชนแดงและแนวร่วมที่ต่อต้านรัฐประหาร เพื่อโค่นฝ่ายรัฐประหารและยึดอำนาจจากฝ่ายเผด็จการได้ในที่สุด นั่นเอง

ลัทธิรัฐธรรมนูญโดยพรรคการเมืองต่างๆ จะรักษาผลประโยชน์ของฝ่ายตนทั้งอำนาจ และเงินไว้ให้ยาวนานที่สุด รักษาความได้เปรียบของฝ่ายตนให้ยาวนานที่สุด ลัทธิรัฐธรรมนูญเองก็แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ทั้งฝ่ายที่มีอำนาจรัฐ และฝ่ายที่ไม่มีอำนาจรัฐ

พวกลัทธิรัฐธรรมนูญหลงผิดเข้าใจว่าการร่างรัฐธรรมนูญ คือการสร้างระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญมีองค์ประกอบได้แก่หมวดและมาตราต่างๆ บ่งบอกให้รัฐและประชาชนต้องทำอย่างนี้ ไม่ให้ทำอย่างนั้นตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ บ่งบอกถึงสถาบันการใช้อำนาจอธิปไตยสามฝ่าย (นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ) มีรูปการปกครองคือระบบรัฐสภา (Parliamentary System) มีการเลือกตั้ง มี ส.ส. มี ส.ว. เหล่านี้ถือว่าเป็นเพียงรูปแบบและวิธีการปกครองเท่านั้น หากเปรียบกับมนุษย์ก็เป็นเพียงร่างกายเท่านั้นเอง แต่มนุษย์นั้นจะต้องประกอบด้วยจิตที่สมบูรณ์และผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีแล้วย่อมถือธรรมเป็นใหญ่ หากเทียบกับทางการเมือง ก็คือการมีระบอบ (Regime) หรือเรียกว่าหลักการปกครอง (Principle of Government) โดยธรรม นั้นเอง

พวกเราสามารถจะเข้าใจง่ายๆ มีหลักและวิธีการคิดอย่างง่ายๆ แต่ถูกต้องที่สุดในเรื่องของการสร้างระบอบการเมืองที่ถูกต้องเป็นธรรม หากมีคนมาถามว่า “คุณกำลังจะไปไหน” เราอาจจะตอบว่า “ไปมหาวิทยาลัย” ก็แสดงให้เห็นว่า “มหาวิทยาลัยเป็นจุดมุ่งหมาย” “ถูกต้องไหมครับ” ส่วนวิธีการที่จะไปให้ถึงมหาวิทยาลัยนั้นมีความแตกต่างหลากหลาย เช่น เดินไป ขี่จักรยาน มอเตอร์ไซค์ รถยนต์ รถเมล์ เป็นต้น

ก็เช่นเดียวกันหากว่าเราจะสร้างระบอบการเมืองการปกครองให้ถูกต้อง เราก็ต้องเสนอจุดมุ่งหมายขึ้นมาก่อน เพราะเป็นจุดมุ่งหมายร่วมกันของปวงชนในชาตินั่นก็คือหลักการปกครองโดยธรรม นั่นเอง จากนั้นจึงมาร่วมกันกำหนดวิธีการที่จะไปสู่จุดมุ่งหมายอย่างเหมาะสม แต่ทุกคนปวงชนในชาติสามารถที่จะไป หรือเข้าถึงจุดมุ่งหมายได้ทุกคน ได้ทุกพรรคอย่างเสมอภาค

ความถูกต้องอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องเสนอจุดมุ่งหมายของปวงชนในชาติโดยธรรมคือ หลักการปกครองธรรมาธิปไตย (หาดูได้จากบทความที่ผ่านๆ มา) ต้องได้รับเสนอเป็นนโยบายของรัฐบาล หรือไม่ก็โดยพรรคธรรมชาติ และพลังมวลชนโดยธรรมหรือธรรมาธิปไตยที่มีปัญญา รักความถูกต้อง และเมื่อได้รับสถาปนาโดยพระเจ้าแผ่นดิน จากนั้นรัฐบาลหรือผู้สนองพระบรมราชโองการจัดทำร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับหลักการปกครองธรรมาธิปไตย นี่คือก้าวแรกความถูกต้องของการเมืองการปกครองแบบธรรมาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ของชาติ

นี่คือหลักการและวิธีการที่ถูกต้อง เมื่อปัญญาชนของชาติเข้าใจและร่วมมือร่วมใจกันผลักดัน ช่วยกันอธิบาย ช่วยกันเผยแพร่ ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของชาติมันก็เกิดขึ้นได้ และสามารถขจัดเงื่อนไขอุบาทว์ หายนะของชาติไทยเราลงได้อย่างน้อย 5 ประการใหญ่ๆ ได้แก่

(1) สามารถขจัดเงื่อนไขรัฐประหารลงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

(2) สามารถขจัดเงื่อนไขของการปกครองแบบเผด็จการโดยลัทธิรัฐธรรมนูญลงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
(3) สามารถขจัดเงื่อนไขการปฏิวัติของฝ่ายลัทธิคอมมิวนิสต์แดงลงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

(4) สามารถขจัดเงื่อนไขการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ลงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

(5) สามารถขจัดเงื่อนไขสงครามโลกครั้งที่ 3 ลงได้ และสามารถหยุดสภาวะโลกร้อน โลกแตกสลายลงได้

ทั้งนี้เพราะหลักและวิธีคิดของการปกครองแบบธรรมาธิปไตย (ประชาธิปไตยโดยธรรม) เมื่อบุคคลได้ศึกษาและเข้าถึงแล้ว ย่อมมีปัญญาและมีความสุข พร้อมทั้งสามารถทำให้ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรือง และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ชาวโลกในประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก

ทักษิณ คือตัวอย่างอุทาหรณ์แห่งความเลวร้าย เป็นตัวอย่างให้ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย มันเป็นเงื่อนไขและเป็นผลของระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญฉบับที่ 40 คาบเกี่ยวกันมาถึงรัฐธรรมนูญ ฉบับ 50 ของลัทธิรัฐธรรมนูญ

คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ดำเนินการอายัดทรัพย์สินของทักษิณและครอบครัว จำนวนมหาศาลกว่า 76,000 ล้านบาท

การที่อัยการร้องต่อศาลฎีกาฯ ขอให้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดิน นับถอยหลังเหลือเวลาอีกเพียง 11 วันเท่านั้น ก็จะถึงวันตัดสินคดีดังกล่าว ในวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ศกนี้แล้ว

แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงหลายฝ่าย เช่น พวกลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่เข้าไปทำแนวร่วมทักษิณกับ พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงพวกหนึ่ง กลุ่มพวก ลัทธิประชาธิปไตย นำโดย พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายวันชัย พรหมภา พวกหนึ่งข่าวว่ากลุ่มนี้เข้าไปหยุดยั้งความรุนแรงจากพวกคอมมิวนิสต์ที่ทำแนวร่วมกับทักษิณ, พวกบ้าอำนาจ ส.ส. พรรคเพื่อไทยพวกหนึ่ง, พวกสู้แล้วรวย พวกหนึ่ง ฯลฯ ที่ให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งผลให้มีการก่อหวอด ก่อกวน ก่อความวุ่นวาย เผาบ้านเผาเมือง แต่ทุกฝ่ายต่างก็อ้างว่า จะเคลื่อนไหวอย่างสันติ

หากเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน หากว่าเป็นอย่างสันติ ชุมนุมอย่างสันติ ก็ถือว่ายอมรับกันได้ ไม่เป็นการกระทำความผิดทางอาญา ต่อสู้ทางการเมืองกันด้วยเหตุด้วยผล จะก่อให้เกิดปัญญา ประชาชนจะได้รับประโยชน์

หากว่าเป็นการเคลื่อนไหวแบบขี้แพ้ชวนตี กล่าวร้ายต่อบุคคลผู้มีคุณประโยชน์แก่แผ่นดินเผาบ้านเผาเมือง ไม่ยอมรับการตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเป็นลักษณะอย่างนี้ รัฐบาลก็คงเอาไม่อยู่ ประชาชนผู้รักความเป็นธรรมจะต้องออกมาช่วยกันหยุดยั้ง โห่ไล่ ดังมีตัวอย่างที่ถนนสีลม ซึ่งได้ผลมาแล้ว พวกแดงส่วนหนึ่ง เป็นพวกที่ไม่มีอุดมการณ์อะไร เป็นพวกที่รับจ้างมา เมื่อประชาชนโห่ไล่ พวกเสื้อแดงเหล่านั้นก็จะหนีไปเอง

ต้องไม่ลืมว่าการเมืองเผด็จการทุกชนิด จะไม่กล้า ไม่สามารถเสนอ หรือชูหลักการปกครองได้เลย พวกเขา “ปิดหลักการ เปิดปฏิบัติ” ซึ่งก็คือ “ปกปิดหลักการ แต่เปิดวิธีการปฏิบัติ” พวกเขาจะปิดบังซ่อนเร้น ด่าว่าบุคคล ทำลายบุคคล ทำร้ายบุคคล แนวทางการเมือง ม็อบการเมืองชนิดนี้ เป็นพวกสกปรกที่บ้าครั่ง เป็นพวกผีเปรตที่เห็นแก่ประโยชน์ตนและแก่เจ้านายใหญ่ของตนเท่านั้น มันจึงต่างจาก ขบวนการเมืองโดยธรรมเพื่อประโยชน์แก่ชาติและปวงชนอย่างสิ้นเชิง ที่ไม่ปิดบังซ่อนเร้น ชี้ให้เห็นถึงเหตุแห่งปัญหาของชาติ และร่วมมือกันแก้ไขสู่การสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตยก่อนการร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่คือการก้าวสู่เมืองใหม่ที่แท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น