วานนี้ (14 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีการติดตามมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร เช่นการแก้ปัญหาเพลี้ยกระโดดในข้าว ซึ่งจะมีการให้การชดเชยพี่น้องเกษตรกรเป็นพิเศษ รวมทั้งเรื่องการติดตามสถานการณ์น้ำ
ขณะที่นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้ธ.ก.ส.ใช้เงินงบประมาณของ ธ.ก.ส. จำนวน 8,987 ล้านบาท เพื่อเข้าไปดำเนินโครงการรับประกันรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว รอบที่ 2 หรือข้าวนาปรัง ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนเม.ย.นี้
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังประมาณ 480,000 ราย โดยมีผลผลิตประมาณ 9 ล้านไร่ โดยรัฐบาลจะจัดสรรเงินจากแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็งที่เหลืออยู่อีกประมาณ 10,000 ล้านบาท จากวงเงินรวมที่กันไว้ 40,000 ล้านบาท เพื่อนำมาชำระคืนให้กับธ.ก.ส.ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันราคาข้าวกำลังปรับตัวขึ้นสูงมาก จึงทำให้ธ.ก.ส.จ่ายชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกข้าวขาวเพียง ก.ก.ละ 7 บาทเท่านั้น ขณะที่ข้าวประเภทอื่นเกษตรกรไม่ได้นำมาเข้าโครงการ
ก่อนหน้านี้จากผลการสำรวจของคณะกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้ที่มีนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธาน ได้รายงานผลการดำเนินงานของโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบที่ 2 พบว่า ณ วันที่ 5 ก.พ. มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้ว 170,314 ราย หรือคิดเป็น 35.26 % ของจำนวนเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรัง เมื่อปี 51/52 คิดเป็นพื้นที่ปลูกในปี 52/53 จำนวน 3.23 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 22.66 % ของพื้นที่เมื่อปี 51/52 โดยจำนวนนี้ได้ทำประชาคมแล้ว 1,543 ราย หรือคิดเป็น 0.91 % ของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน โดยเฉพาะในภาคอีสาน มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนมากถึง 59,857 ราย หรือคิดเป็น 58.59 % ของผู้ที่ปลูกข้าวนาปรังเมื่อปี 51/52 ซึ่งถือว่าการขึ้นทะเบียนเกษตรกรยังทำได้ล่าช้าเพราะหน่วยงานปฏิบัติในพื้นที่ขาดแบบรายงานการจดทะเบียนผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ และยังไม่ได้จัดส่งข้อมูลเข้าระบบ
ขณะที่นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้ธ.ก.ส.ใช้เงินงบประมาณของ ธ.ก.ส. จำนวน 8,987 ล้านบาท เพื่อเข้าไปดำเนินโครงการรับประกันรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว รอบที่ 2 หรือข้าวนาปรัง ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนเม.ย.นี้
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังประมาณ 480,000 ราย โดยมีผลผลิตประมาณ 9 ล้านไร่ โดยรัฐบาลจะจัดสรรเงินจากแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็งที่เหลืออยู่อีกประมาณ 10,000 ล้านบาท จากวงเงินรวมที่กันไว้ 40,000 ล้านบาท เพื่อนำมาชำระคืนให้กับธ.ก.ส.ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันราคาข้าวกำลังปรับตัวขึ้นสูงมาก จึงทำให้ธ.ก.ส.จ่ายชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกข้าวขาวเพียง ก.ก.ละ 7 บาทเท่านั้น ขณะที่ข้าวประเภทอื่นเกษตรกรไม่ได้นำมาเข้าโครงการ
ก่อนหน้านี้จากผลการสำรวจของคณะกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้ที่มีนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธาน ได้รายงานผลการดำเนินงานของโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบที่ 2 พบว่า ณ วันที่ 5 ก.พ. มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้ว 170,314 ราย หรือคิดเป็น 35.26 % ของจำนวนเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรัง เมื่อปี 51/52 คิดเป็นพื้นที่ปลูกในปี 52/53 จำนวน 3.23 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 22.66 % ของพื้นที่เมื่อปี 51/52 โดยจำนวนนี้ได้ทำประชาคมแล้ว 1,543 ราย หรือคิดเป็น 0.91 % ของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน โดยเฉพาะในภาคอีสาน มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนมากถึง 59,857 ราย หรือคิดเป็น 58.59 % ของผู้ที่ปลูกข้าวนาปรังเมื่อปี 51/52 ซึ่งถือว่าการขึ้นทะเบียนเกษตรกรยังทำได้ล่าช้าเพราะหน่วยงานปฏิบัติในพื้นที่ขาดแบบรายงานการจดทะเบียนผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ และยังไม่ได้จัดส่งข้อมูลเข้าระบบ
