xs
xsm
sm
md
lg

เสื้อแดงไม่เลิกป่วนมาร์ค ตามราวีงานบุญงานกุศล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 05.50 น. วานนี้ (14 ก.พ.) ที่สวนหลวง ร. 9 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเป็นประธานงานเดิน-วิ่งการกุศล ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ดอนบอสโก มินิมาราธอน เพื่อการศึกษาครั้งที่ 8 โดยมีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมงานด้วย โดยมีประชาชนสวมทั้งเสื้อสีชมพู และสีแดงร่วมงานกว่า 1,000 คน ซึ่งในส่วนของการรักษาความปลอดภัย นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ประเวศ ทั้งในและนอกเครื่องแบบแล้ว ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล หน่วยอรินทราช และเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลจาก บก.น. 4 กระจายกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่เนื่องจากผู้มาร่วมงานสวมทั้งเสื้อแดง และชมพู จึงทำให้ยากต่อการสกรีนบุคคลที่ผ่านเข้า-ออก
สุดท้ายจึงเกิดเหตุการณ์ที่กลุ่มเสื้อแดง ประมาณ 5 คน เล็ดลอดเข้ามาปะปนกับบรรดานักวิ่ง และเมื่อนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการปล่อยตัวนักเดิน และนักวิ่ง ที่จุดสตาร์ท กลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “แดงบางนา” ทั้ง 5 คน ก็ได้ยกหัวใจสีแดง ชูขึ้นตบพร้อมตะโกนว่า "นายกฯ พวกเรามาต้อนรับ" ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปประกบ และกันบุคคลเสื้อแดงทั้งหมดให้ออกไปอยู่ด้านนอก
ขณะเดียวกันบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าสวนหลวง ร.9 บริเวณประตู 5 ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณจุดปล่อยตัวนักวิ่ง กลุ่มคนเสื้อแดง ประมาณ 10 คน ได้นำรถกระบะติดเครื่องขยายเสียงมาปักหลักปราศรัยโจมตีนายกรัฐมนตรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก สน.ประเวศ ประมาณ 10 นาย ดูแลอยู่ พร้อมกับนำรถยกมาขวางบริเวณประตูทางเข้า
ส่วนด้านในเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจล บก.น.4 ประมาณ 20 นาย พร้อมโล่และกระบองได้ตั้งแถวป้องกันไว้อีกชั้นหนึ่ง ขณะเดียวกันมประชาชนที่มาร่วมเดิน-วิ่ง และเป็นฝ่ายสนับสนุนนายกรัฐมนตรี ได้ไปเกาะรั้วอยู่ด้านใน พร้อมตะโกนต่อว่ากลุ่มคนเสื้อแดงกลับเช่นกัน
ทั้งนี้ในส่วนของนายกรัฐมนตรี หลังจากปล่อยตัวนักวิ่งมินิมาราธอนแล้ว ก็ได้ร่วมเดินการกุศล ระยะทาง 2.4 ก.ม. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส อย่างไรก็ตาม ช่วงขากลับเมื่อต้องผ่านจุดที่กลุ่มเสื้อแดงปราศรัยโจมตีอยู่นั้น นายกรัฐมนตรี ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมลง พร้อมฟังการปราศรัยโจมตีของคนเสื้อแดง
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับออกจากสวนหลวง ร.9 กลับบ้านพัก ซ.สุขุมวิท 31 ทันที

**บุกด่า"มาร์ค"ต่อหน้าพระ
ต่อมาเวลา 13.45 น. วันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ เดินทางไปยังวัดหลวงพ่อโอภาสี แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. เพื่อเป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระพุทธโสธร และยกช่อฟ้าอุโบสถ โดยมีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เดินทางมาร่วมเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
เมื่อนายอภิสิทธิ์ เดินทางไปถึง กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 30 คนได้แสดงตัวและรวมตัวกันชุมนุมตะโกนขับไล่นายอภิสิทธิ์ พร้อมตีนตบ และป้ายข้อความคำหยาบคายเขียนด่านายอภิสิทธิ์ ท่ามกลางการตรึงกำลังเข้มเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 100 นาย
ทั้งนี้ จุดที่คนเสื้อแดงชุมนุมห่างจากเต้นท์พิธี ที่มีนายอภิสิทธิ์ แขกวีไอพี และพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูปนั่งอยู่ไม่ถึง 10 เมตร จึงทำให้ตำรวจต้องวางกำลังโดยรอบเต้นท์พิธีนับร้อยนาย และห้ามบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้ามาภายในเต้นท์ด้วย
ต่อมานายกฯ พร้อมด้วยพระมหาธีราจารย์ และพระชั้นผู้ใหญ่ต้องขึ้นแท่นเพื่อทำพิธีเททองหล่อพระพุทธโสธร กลุ่มคนเสื้อแดงก็ขยับเข้ามาใกล้ ห่างไม่ถึง 5 เมตร และมีทีท่าว่าจะเข้ามาหานายอภิสิทธิ์ พร้อมกับส่งเสียงด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตำรวจต้องเสริมกำลังด่วน เข้าไปขวางผู้ชุมนุม และทีมรปภ.นายกฯต้องประกอบติดตัวนายกฯ อีกหลายชั้น แม้กระทั่งในขณะที่มีการพิธี คนเสื้อแดงก็ไม่หยุดตะโกนด่า จึงทำให้พระลูกศิษย์ของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ต้องตะโกนว่า “เบาๆหน่อยโยม” แต่ก็ไม่เป็นผล ทั้งนี้สังเกตุได้ชัดเจนว่าสีหน้าของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ที่มองไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเวลาที่ใช้ในพิธีเททองฯ นานประมาณ 10 นาที จึงทำให้คนเสื้อแดงได้ตะโกนด่านายกฯ ต่อหน้าพระอย่างเต็มที่โดยไม่เกรงใจ
นอกจากนี้ ขณะที่ทำพิธีเททองยังไม่เสร็จ มีชายสวมเสื้อแดงมายืนดื่มเครื่องดื่มชูกำลังใกล้แท่นที่นายกฯยืนอยู่ ทีมรปภ.จึงได้เชิญตัวออกไปด้านนอก เพื่อป้องกันไม่ให้ขว้างขวดใส่นายกฯ
ทั้งนี้พิธีสุดท้ายคือการยกช่อฟ้าขึ้นไปบนยอดพระอุโบสถ ปรากฏว่าคนเสื้อแดงก็ยังตะโกนด่า แต่ถูกเสียงบรรเลงดนตรีของวงนักเรียนกลบเสียงสนิท จนทำให้คนเสื้อแดงสลายตัวไป และเมื่อนายอภิสิทธิ์ ประกอบพิธีเสร็จสิ้น ก็เดินทางออกจากวัดทันที
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งทำให้ทราบว่าคนเสื้อแดงที่เดินทางมาชุมนุมเป็นคนจากพื้นที่อื่น เพราะถ้าเป็นคนในพื้นที่จะมาร่วมงานบุญอย่างสงบ เพราะวัดหลวงพ่อโอภาสี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่คนในพื้นที่ให้ความศรัทธา จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนในพื้นที่ จะทำลายพิธีเช่นนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น