ASTVผู้จัดการรายวัน – ททท.เรียกสำนักงานภูมิภาคยุโรป ประชุมปรับแผนรับมือเศรษฐกิจยุโรปใต้หงอย หันเจาะนักท่องเที่ยวตลาดบนกลุ่มนีชมาร์เก็ต พร้อมปรับแนวทำตลาดผ่านสังคมออนไลน์ตามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่ปรับเปลี่ยน ล่าสุดงัดข้อมูลสินค้าและบริการท่องเที่ยวตระหนักรักษ์สิ่งแวดล้อม จัดเป็นเอกสาร” Greet” แจกในงานITBโปรโมตไทยเป็นเดสติเนชั่นลดโลกร้อนตามเทรนท่องเที่ยวโลก
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลางและอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้จะเรียกประชุมสำนักงานททท.ในภูมิภาคยุโรป ที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตรุกี เพื่อหารือการเตรียมแผนการตลาดประจำปีงบประมาณ 2554 และปรับแผนปีนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของยุโรป
ซึ่งบางส่วนยังได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโซนยุโรปใต้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของตลาดนี้ก็จะเน้น เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน ซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวแบบนีชมาร์เก็ต อาทิ กลุ่มฮันนีมูน เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังเตรียมจัดทำข้อมูลท่องเที่ยวผ่านเว็บไซน์และสังคมออนไลน์ แบบหลายภาษา เช่น ภาษาสเปน ภาษาอารบิก เพื่อเข้าถึงนักท่องเที่ยวแบบเจาะลึกได้ทั่วถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำตลาดแบบเดิมมาเป็นรูปแบบออนไลน์ ให้มากขึ้นเพื่อตอบรับกระแสพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนการสืบหาข้อมูลผ่านเว็บไซน์และสังคมออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น
โดยการทำตลาดแบบออนไลน์นี้ จะเป็นกรอบการจัดทำแผนการตลาดต่อเนื่องไปในปีงบประมาณ 2554 ด้วย
***ทำคู่มือGreet ลดโลกร้อนแจกงานITB***
นางจุฑาพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเตรียมไปร่วมงาน Internation Tourismus Borse (ITB) ประเทศเยอรมัน ระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.53 ซึ่งในปีนี้ ททท. ได้จัดทำเอกสาร Going responsible ecotourism and enjoy in Thailand (Greet) เพื่อไปแจกจ่ายให้แก่ผู้เข้าชมงาน โดยปีนี้ ททท.จะนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวที่ตระหนักรักษ์สิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยวแบบที่ใช้พลังงานน้อย เพื่อลดภาวะโลกร้อน และคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นเทรนท่องเที่ยวที่อยู่ในความนิยมของชาวยุโรป
ซึ่งในเอกสารดังกล่าวนี้ ททท.ต้องการแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวและการบริการในรูปแบบของการตระหนักรักษาสิ่งแวดล้อมไว้คอยบริการเช่นกัน ได้แก่ เส้นทางจักรยานทัวร์ เส้นทางดูนก การดำน้ำเพื่อปลูกปะการัง หรือดำน้ำเพื่อเก็บขยะใต้ทะเล แหล่งท่องเที่ยวชุมชน ศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น รวมถึงบริษัทนำเที่ยวที่ให้บริการกิจกรรมทัวร์ในรูปแบบดังที่กล่าวมา โรงแรมที่ได้รับมาตรฐานใบไม้สีเขียว เพื่อให้เกิดการรับรู้แก่กลุ่มบายเออร์และนักท่องเที่ยวในยุโรป นอกจากนั้นจะนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว”งานศิลป์ แผ่นดินสยาม” ที่พระที่นั่งอานันตสมาคม ให้แก่บายเออร์ในยุโรปได้รับรู้ด้วยเช่นกัน
สำหรับงาน ITB ปีนี้ ททท. ได้จัดบนพื้นที่บูธ 540 ตร.ม. เท่ากับทุกปี โดยนำเอกชนไปร่วมงานรวม 130 ราย โดยหน่วยงานอื่นๆที่ร่วมออกบูธด้วย ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) , จ.ภูเก็ต ,เกาะสมุย และ กรุงเทพฯมหานคร มั่นใจว่า สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ไปนำเสนอขายในครั้งนี้จะเป็นรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน เพราะยุโรปเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม มั่นใจว่าประเทศไทยจะได้รับความนิยมจากบายเออที่เข้ามาร่วมงานเหมือนเช่นเคย
ทั้งนี้ปี 2553 ภูมิภาคยุโรป ททท.ตั้งเป้าหมายเติบโตไว้ที่ 7% จากปี 2552 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้เดินทางเข้ามาประเทศไทยรวม 4.055 ล้านคน โตจากปี 2551 ราว 1.77% ส่วนตะวันออกกลาง ประเทศที่มีศักยภาพเติบโตดี คือ อิหร่าน ปี 2552 เติบโต 35% มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยอยู่ที่ 1.5 แสนคน ซึ่งปีนี้คาดว่าการเติบโตยังมีต่อเนื่อง เพราะเป็นประเทศเศรษฐกิจดี ประกอบกับถูกกีดกันจากประเทศอเมริกา จึงหันมาเดินทางเข้าประเทศไทย โดยเดสติเนชั่นยอดนิยม คือ กรุงเทพฯ พัทยา และ ภูเก็ต ล่าสุด สายการบิน มหันต์แอร์ ได้เตรียมเปิดเส้นทางจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เข้ามาที่ จ.ภูเก็ต สัปดาห์ละ 2 ไฟล์ท เริ่มบิน มี.ค.53
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลางและอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้จะเรียกประชุมสำนักงานททท.ในภูมิภาคยุโรป ที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตรุกี เพื่อหารือการเตรียมแผนการตลาดประจำปีงบประมาณ 2554 และปรับแผนปีนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของยุโรป
ซึ่งบางส่วนยังได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโซนยุโรปใต้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของตลาดนี้ก็จะเน้น เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน ซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวแบบนีชมาร์เก็ต อาทิ กลุ่มฮันนีมูน เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังเตรียมจัดทำข้อมูลท่องเที่ยวผ่านเว็บไซน์และสังคมออนไลน์ แบบหลายภาษา เช่น ภาษาสเปน ภาษาอารบิก เพื่อเข้าถึงนักท่องเที่ยวแบบเจาะลึกได้ทั่วถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำตลาดแบบเดิมมาเป็นรูปแบบออนไลน์ ให้มากขึ้นเพื่อตอบรับกระแสพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนการสืบหาข้อมูลผ่านเว็บไซน์และสังคมออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น
โดยการทำตลาดแบบออนไลน์นี้ จะเป็นกรอบการจัดทำแผนการตลาดต่อเนื่องไปในปีงบประมาณ 2554 ด้วย
***ทำคู่มือGreet ลดโลกร้อนแจกงานITB***
นางจุฑาพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเตรียมไปร่วมงาน Internation Tourismus Borse (ITB) ประเทศเยอรมัน ระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.53 ซึ่งในปีนี้ ททท. ได้จัดทำเอกสาร Going responsible ecotourism and enjoy in Thailand (Greet) เพื่อไปแจกจ่ายให้แก่ผู้เข้าชมงาน โดยปีนี้ ททท.จะนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวที่ตระหนักรักษ์สิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยวแบบที่ใช้พลังงานน้อย เพื่อลดภาวะโลกร้อน และคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นเทรนท่องเที่ยวที่อยู่ในความนิยมของชาวยุโรป
ซึ่งในเอกสารดังกล่าวนี้ ททท.ต้องการแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวและการบริการในรูปแบบของการตระหนักรักษาสิ่งแวดล้อมไว้คอยบริการเช่นกัน ได้แก่ เส้นทางจักรยานทัวร์ เส้นทางดูนก การดำน้ำเพื่อปลูกปะการัง หรือดำน้ำเพื่อเก็บขยะใต้ทะเล แหล่งท่องเที่ยวชุมชน ศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น รวมถึงบริษัทนำเที่ยวที่ให้บริการกิจกรรมทัวร์ในรูปแบบดังที่กล่าวมา โรงแรมที่ได้รับมาตรฐานใบไม้สีเขียว เพื่อให้เกิดการรับรู้แก่กลุ่มบายเออร์และนักท่องเที่ยวในยุโรป นอกจากนั้นจะนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว”งานศิลป์ แผ่นดินสยาม” ที่พระที่นั่งอานันตสมาคม ให้แก่บายเออร์ในยุโรปได้รับรู้ด้วยเช่นกัน
สำหรับงาน ITB ปีนี้ ททท. ได้จัดบนพื้นที่บูธ 540 ตร.ม. เท่ากับทุกปี โดยนำเอกชนไปร่วมงานรวม 130 ราย โดยหน่วยงานอื่นๆที่ร่วมออกบูธด้วย ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) , จ.ภูเก็ต ,เกาะสมุย และ กรุงเทพฯมหานคร มั่นใจว่า สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ไปนำเสนอขายในครั้งนี้จะเป็นรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน เพราะยุโรปเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม มั่นใจว่าประเทศไทยจะได้รับความนิยมจากบายเออที่เข้ามาร่วมงานเหมือนเช่นเคย
ทั้งนี้ปี 2553 ภูมิภาคยุโรป ททท.ตั้งเป้าหมายเติบโตไว้ที่ 7% จากปี 2552 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้เดินทางเข้ามาประเทศไทยรวม 4.055 ล้านคน โตจากปี 2551 ราว 1.77% ส่วนตะวันออกกลาง ประเทศที่มีศักยภาพเติบโตดี คือ อิหร่าน ปี 2552 เติบโต 35% มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยอยู่ที่ 1.5 แสนคน ซึ่งปีนี้คาดว่าการเติบโตยังมีต่อเนื่อง เพราะเป็นประเทศเศรษฐกิจดี ประกอบกับถูกกีดกันจากประเทศอเมริกา จึงหันมาเดินทางเข้าประเทศไทย โดยเดสติเนชั่นยอดนิยม คือ กรุงเทพฯ พัทยา และ ภูเก็ต ล่าสุด สายการบิน มหันต์แอร์ ได้เตรียมเปิดเส้นทางจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เข้ามาที่ จ.ภูเก็ต สัปดาห์ละ 2 ไฟล์ท เริ่มบิน มี.ค.53