ส.โรงแรม สุดทน มหาดไทยเมินแก้ไขกฎหมายช่วยผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาจดทะเบียนตามกฎหมาย เตรียมรวบรวมปัญหา ฟ้องนากยรัฐมนตรี ช่วยด่วน ชี้ ดิ้นมา 1 ปี แล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า ขณะที่ สทท.เตรียมหารือ กรอ.ช่วยกระทุ้งอีกทาง
นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ ที่ปรึกษากิติมศักดิ์สมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลความเดือดร้อนและปัญหาของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโรงแรม ที่เป็นผลจากความล่าช้าของหน่วยงานภาครัฐในเรื่องของการตัดสินใจช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมที่ไม่สามารถนำโรงแรมเข้าจดทะเบียนขอใบอนุญาติประกอบการ เพื่อดำเนินการใน 2 ประเด็น คือ
1.ยื่นเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ภายในเดือน มี.ค.53 ให้ช่วยแก้ไขโดยด่วน และ 2.นำข้อมูลทั้งหมใดเข้าพบกับพรรคการเมือง ที่สามารถนำเสนอการแก้ไขกฎหมายได้ให้ช่วยดำเนินการแก้ไขกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547
ทั้งนี้ตั้งแต่ก่อนประกาศใช้กฎหมายฉบับดังกล่าวเมื่อ พ.ค. 52 ทางสมาคมโรงแรมไทย ได้ผลักดันให้มีการแก้ไขกฎข้อบังคับในเรื่องของรูปแบบโรงแรม เพื่อเปิดทางให้เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ห้องเช่ารายวัน และ รีสอร์ท สามารถเข้ามาจดทะเบียนได้ ซึ่งรัฐจะได้ประโยชน์ในเรื่องของการจัดเก็บภาษี นักท่องเที่ยวก็ได้รับการบริการที่ปลอดภัยเป็นมาตรฐาน แต่ยื่นเรื่องไปกี่ครั้งก็เงียบหาย ไม่มีหน่วยงานใดสนใจ โดยเฉพาะ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวโดยตรง
“ตามข้อบังคับใน พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 ระบุว่า โรงแรม ต้องเป็นอาคารปลูกสร้างที่แข็งแรง มีทางหนีไฟ เป็นต้น แต่ในความเป็นจริง หากเป็นรีสอร์ทในต่างจังหวัด ที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น กำแพงเป็นเปลือกไม้ หลังคามุงหญ้าแฝก หรือมุงจาก หรือ เป็นบังกาโลว์ชั้นเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องมีข้อบังคับเหล่านั้นได้ ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าพนักงานนายทะเบียน เป็นผู้วินิจฉัย หากเห็นว่ามีความแข็งแรงและปลอดภัย ก็น่าจะอนุโลมให้จดทะเบียนออกใบอนุญาตได้เช่นกัน เพราะเทรนรีสอร์ทในต่างจังหวัด นิยมสร้างรูปแบบนี้ เนื่องจากเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว แต่เมื่อขอใบอนุญาติไม่ได้ก็เท่ากับเป้ฯโรงแรมเถื่อน เกิดความเลื่อมล้ำกันในเรื่องของต้นทุนประกอบการ เพราะ ไม่ต้องเสียภาษีสูงเท่ากับโรงแรม สมาคมก็ไม่สามารถเข้าไปดูแลได้ และ ยังเป็นช่องว่างให้เกิดการคอรัปชั่นของข้าราชการได้อีกด้วย”
ทางด้าน น.ส.ศิริรัตน์ เด่นวรพงษาสุข นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผู้ช่วยประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฝ่ายที่พัก สทท. ซึ่งมีนางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ เป็นประธาน เตรียมเสนอ ต่อที่ประชุมบอร์ด สทท. ให้นำความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นดังกล่าวข้างต้นเสนอต่อคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ให้ช่วยผลักดันต่อไปยังรัฐบาล ช่วยแก้ไข ซึ่งมี 2 ประเด้นหลัก
ได้แก่ 1. ขอให้เข้มงวดเรื่องการจัดระเบียบสถานประกอบการโรงแรม โดยผู้ประกอบการต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้องตามกฎหมาย และ 2.ขอให้ยกเลิกระบบเหมาจ่ายโดยไม่ต้องมีใบเสร็จของข้าราชการในเรื่องของค่าที่พัก และเข้มงวดเรื่องการออกใบเสร็จของสถานประกอบการโรงแรมที่ข้าราชการไปใช้ ให้เขียนตามความเป็นจริง เพื่อให้ข้าราชการหรือหน่วยงานราชการเข้ามาใช้บริการโรงที่มีใบอนุญาติถูกกฎหมาย ไม่ใช่ไปใช้เซอร์วิสอพาร์ทเม้น หรือ ห้องเช่ารายวัน เพื่อเหลือเงินส่วนต่างไว้เอง อีกทั้งเพื่อความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรมที่ปฎิบัติตัวถูกกฎหมายด้วย
นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ ที่ปรึกษากิติมศักดิ์สมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลความเดือดร้อนและปัญหาของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโรงแรม ที่เป็นผลจากความล่าช้าของหน่วยงานภาครัฐในเรื่องของการตัดสินใจช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมที่ไม่สามารถนำโรงแรมเข้าจดทะเบียนขอใบอนุญาติประกอบการ เพื่อดำเนินการใน 2 ประเด็น คือ
1.ยื่นเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ภายในเดือน มี.ค.53 ให้ช่วยแก้ไขโดยด่วน และ 2.นำข้อมูลทั้งหมใดเข้าพบกับพรรคการเมือง ที่สามารถนำเสนอการแก้ไขกฎหมายได้ให้ช่วยดำเนินการแก้ไขกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547
ทั้งนี้ตั้งแต่ก่อนประกาศใช้กฎหมายฉบับดังกล่าวเมื่อ พ.ค. 52 ทางสมาคมโรงแรมไทย ได้ผลักดันให้มีการแก้ไขกฎข้อบังคับในเรื่องของรูปแบบโรงแรม เพื่อเปิดทางให้เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ห้องเช่ารายวัน และ รีสอร์ท สามารถเข้ามาจดทะเบียนได้ ซึ่งรัฐจะได้ประโยชน์ในเรื่องของการจัดเก็บภาษี นักท่องเที่ยวก็ได้รับการบริการที่ปลอดภัยเป็นมาตรฐาน แต่ยื่นเรื่องไปกี่ครั้งก็เงียบหาย ไม่มีหน่วยงานใดสนใจ โดยเฉพาะ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวโดยตรง
“ตามข้อบังคับใน พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 ระบุว่า โรงแรม ต้องเป็นอาคารปลูกสร้างที่แข็งแรง มีทางหนีไฟ เป็นต้น แต่ในความเป็นจริง หากเป็นรีสอร์ทในต่างจังหวัด ที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น กำแพงเป็นเปลือกไม้ หลังคามุงหญ้าแฝก หรือมุงจาก หรือ เป็นบังกาโลว์ชั้นเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องมีข้อบังคับเหล่านั้นได้ ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าพนักงานนายทะเบียน เป็นผู้วินิจฉัย หากเห็นว่ามีความแข็งแรงและปลอดภัย ก็น่าจะอนุโลมให้จดทะเบียนออกใบอนุญาตได้เช่นกัน เพราะเทรนรีสอร์ทในต่างจังหวัด นิยมสร้างรูปแบบนี้ เนื่องจากเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว แต่เมื่อขอใบอนุญาติไม่ได้ก็เท่ากับเป้ฯโรงแรมเถื่อน เกิดความเลื่อมล้ำกันในเรื่องของต้นทุนประกอบการ เพราะ ไม่ต้องเสียภาษีสูงเท่ากับโรงแรม สมาคมก็ไม่สามารถเข้าไปดูแลได้ และ ยังเป็นช่องว่างให้เกิดการคอรัปชั่นของข้าราชการได้อีกด้วย”
ทางด้าน น.ส.ศิริรัตน์ เด่นวรพงษาสุข นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผู้ช่วยประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฝ่ายที่พัก สทท. ซึ่งมีนางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ เป็นประธาน เตรียมเสนอ ต่อที่ประชุมบอร์ด สทท. ให้นำความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นดังกล่าวข้างต้นเสนอต่อคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ให้ช่วยผลักดันต่อไปยังรัฐบาล ช่วยแก้ไข ซึ่งมี 2 ประเด้นหลัก
ได้แก่ 1. ขอให้เข้มงวดเรื่องการจัดระเบียบสถานประกอบการโรงแรม โดยผู้ประกอบการต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้องตามกฎหมาย และ 2.ขอให้ยกเลิกระบบเหมาจ่ายโดยไม่ต้องมีใบเสร็จของข้าราชการในเรื่องของค่าที่พัก และเข้มงวดเรื่องการออกใบเสร็จของสถานประกอบการโรงแรมที่ข้าราชการไปใช้ ให้เขียนตามความเป็นจริง เพื่อให้ข้าราชการหรือหน่วยงานราชการเข้ามาใช้บริการโรงที่มีใบอนุญาติถูกกฎหมาย ไม่ใช่ไปใช้เซอร์วิสอพาร์ทเม้น หรือ ห้องเช่ารายวัน เพื่อเหลือเงินส่วนต่างไว้เอง อีกทั้งเพื่อความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรมที่ปฎิบัติตัวถูกกฎหมายด้วย
