แดงกัดกันทั้งแผ่นดิน !

ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

สัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์ที่ผ่านมาข่าวที่ปรากฏได้ทำให้กระแสคนเสื้อแดงสั่นคลอนแบบไม่น่าเชื่อ

เป็นการกัดกร่อนที่เกิดจากคนเสื้อแดงกันเอง ที่ต้องขัดขากันเองจนต้องหกคะเมนตีลังกาแบบหมดรูป

ความขัดแย้งตรงนี้เกิดจากความคิดที่ยังไม่ตกผลึกระหว่าง กลุ่มหนึ่งที่ต้องการเคลื่อนไหวแบบสันติวิธี กับ อีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการใช้กองทัพประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ

กลุ่มที่ต้องการแนวทางสันติวิธีนั้นก็เพราะว่า เห็นว่าการเคลื่อนไหวต่อเนื่องอย่างน้อยก็เชื่อว่ามีโอกาสกดดันทำให้เกิดการยุบสภา และถือเป็นการรณรงค์เพื่อเตรียมการเลือกตั้งได้อย่างต่อเนื่อง

การเคลื่อนไหวในแนวสันติวิธีนั้นจะได้ประโยชน์อยู่หลายกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือแดงสู้แล้วรวยเพราะยิ่งชุมนุมขัดแย้งอยู่นานก็ยิ่งรวย กลุ่มหนึ่งคือนักเลือกตั้งเพื่อเตรียมเข้าสู่อำนาจรัฐหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป กลุ่มเหล่านี้พยายามแย่งซีนกันแสดงบทบาทเอาหน้าเอาตากับนักโทษชายทักษิณที่อยู่ต่างประเทศ

ส่วนการเคลื่อนไหวในแนวการใช้กองทัพประชาชน ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งต้องการสร้างความวุ่นวาย ความหวาดกลัว เพื่อสร้างสถานการณ์ร้ายแรง เพื่อนำไปสู่การยั่วยุรัฐบาลและทหารจนถึงที่สุด การปราบปรามจากฝ่ายรัฐบาลและการรัฐประหารเป็นความหวังสูงสุด เพราะกลุ่มนี้มีความคาดหวังใช้ความรุนแรงเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นำไปสู่การเจรจาต่อรองในอนาคต ทั้งต่อรองกับรัฐบาลพลัดถิ่น ต่อรงกับกองทัพประชาชนที่สร้างสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงการต่อรองคดีความส่วนตัวของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรด้วย

ด้วยเหตุนี้ “ฝ่ายสันติวิธี” กับ “ฝ่ายกองทัพประชาชน” ต่างมีประโยชน์ที่ต่างกัน โดยเฉพาะตามข่าวที่ปรากฏโดย นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า “รัฐบาลกำลังติดตามดูกรณีที่มีเงินจำนวนมากไหลเข้ามาในกลุ่มคนดังกล่าว ตั้งแต่ 2-3 เดือนที่ผ่านมา เพราะได้พบข้อมูลเส้นทางการโอนเงินและขนเงินจากต่างประเทศ 2-3 เส้นทาง มากระจุกอยู่คนกลุ่มหนึ่งที่เป็นนักการเงินซึ่งจะเป็นตัวประสานสำหรับเตรียมการ”
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าจะมีการช่วงชิงการนำกันหลายกลุ่ม และถึงขั้นด่ากันสาดเสียเทเสียเพื่อแย่งความสำคัญกันระหว่าง “ฝ่ายสันติวิธี” กับ “ฝ่ายกองทัพประชาชน” และในแต่ละฝ่ายก็ทะเลาะเบาะแว้งกันเองเสียอีก

ประการสำคัญก็คือ “ฝ่ายแดงสู้แล้วรวย” ก็ยังอยากมีชีวิตใช้เงินทองที่ได้ขุดมาจากการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ในขณะที่ “ฝ่ายกองทัพประชาชน” ต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศ

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดกลับอยู่ที่การตัดสินใจของ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ว่าจริงๆแล้วคิดจะใช้แนวทาง “สันติวิธี” หรือ ยืนข้าง “ฝ่ายกองทัพประชาชน”?

“ฝ่ายกองทัพประชาชน” นั้น มีคนอย่าง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เป็นผู้แสดงบทบาทนี้ และมักจะให้สัมภาษณ์จนทำให้ขบวนการแดงต้องสั่นคลอนไปทั้งแผ่นดิน

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) กล่าวว่า หลังจากนี้จะหยุดตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนให้เข้าร่วมในกองทัพประชาชนในส่วนของ กทม. แต่จะมีการตั้งโต๊ะในต่างจังหวัด ซึ่งทำกันอยู่แล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่ากองทัพประชาชนยังมีอยู่ ไม่ได้ยกเลิก เพราะการตั้งกองทัพประชาชนเป็นไปตามแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้เข้ามาช่วยเสริมกำลังการเคลื่อนไหวของ นปช.

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามนายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่า พล.ต.ขัตติยะยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ:

นายจตุพรตอบว่า “เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ เพราะถ้าพูดไปแล้วจะกลายเป็นผู้ถูกกระทำ บางครั้งคำให้สัมภาษณ์อาจจะไม่เป็นผลดีกับการเคลื่อนไหวจนเกิดช่องให้ถูกโจมตี คนเราสามารถที่จะคิดได้ แต่ไม่ใช่พูดทุกเรื่อง”

แปลว่าเรื่อง “กองทัพประชาชน” บัดนี้แกนนำของ นปช. ได้รับรู้แล้ว และนายจตุพร ก็ได้กล่าวคำขอโทษกับ พล.อ.พัลลภแล้วด้วย ส่วนประชาชนคนเสื้อแดงทั่วไปจะรับรู้เรื่องนี้และเป็นเหยื่อในเรื่องนี้หรือไม่ ก็ไม่มีใครทราบได้

สัญญาณนี้แสดงให้เห็นว่า นักโทษชายทักษิณไม่เคยปฏิเสธการจัดตั้งกองทัพประชาชนที่มีการอ้างโดย เสธ.แดงว่า นักโทษชายทักษิณเป็นผู้สนับสนุนแนวคิดนี้อย่างชัดเจน

เพราะฉะนั้น การที่นักโทษชายทักษิณ พยายามส่งสัญญาณผ่านการทวิตเตอร์ และวีดีโอลิงค์ และโฟนอินหลายครั้งว่าตัวเองนั้นยึดแนวทางสันติวิธี นั้นหลายคนอาจสงสัยว่าเป็นการกระทำที่เสมือนปากว่าตาขยิบหรือไม่?

เพราะในขณะที่อ้างว่าสันติวิธี แต่เหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ไม่มีใครในโลกเขาเรียกเหตุการณ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่ง ทำร้ายประเทศชาติ เผารถเมล์ เปิดวาล์วรถแก๊ส ฆ่าคนตาย ไล่ทุบรถนายกรัฐมนตรี ทำร้ายเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่าสันติวิธี

ไม่มีใครเรียกการกระทำอันป่าเถื่อนของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เชียงใหม่ที่ทำร้ายและทำลายทรัพย์สินของคณะของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ที่ไปจัดการสัมมนาที่จังหวัดเชียงใหม่ว่าสันติวิธี

ไม่มีใครเรียกการเตรียมขวดใส่น้ำมันก๊าด พร้อมจุดว่าเป็นการเตรียมการในการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่าสันติวิธี

นักโทษชายทักษิณ พยายามกลับลำเมื่อกระแสตีกลับ ไม่สามารถยอมรับได้เรื่องกองทัพประชาชน จึงต้องให้ทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง พล.อ.พัลลภ และเสธ.แดงออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า กองทัพประชาชน จะเป็นแนวทางสันติวิธี

แม้แต่นักโทษชายทักษิณ ก็ได้ส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์มาแก้ตัวในเรื่องนี้ว่า “เราหมายถึงพี่น้องประชาชนที่เข้ามาต่อสู้ด้วยสันติวิธีปราศจากอาวุธครับ คุณจำลองเคยใช้คำว่ากองทัพธรรม ก็ไม่เห็นต้องตกใจครับ”

ไม่น่าเชื่อว่านักโทษชายทักษิณ ที่กำลังอ้างเรื่องกองทัพประชาชนที่นำโดย พล.อ.พัลลภ หรือ เสธ.แดง ที่คอยให้สัมภาษณ์แต่เรื่องความรุนแรงนั้นไปเปรียบเทียบกับคำว่า “กองทัพธรรม” หรือ “กองทัพธรรมมูลนิธิ”

เพราะคำว่า กองทัพ ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน นั้นแปลว่า “หน่วยทหารที่ประกอบไปด้วย ทหาร 3 กองพล และมีทหารหน่วยอื่นๆ เช่น หน่วยทหารช่าง หน่วยทหารสื่อสาร หน่วยทหารรถถัง หน่วยทหารปืนใหญ่ เป็นส่วนประกอบ มีแม่ทัพเป็นผู้บังคับบัญชา”

แต่คำว่า “ธรรม” นั้นหมายถึง คุณความดี เช่น เป็นคนดีมีธรรมะ เป็นคนมีศีลมีธรรม คำสั่งสอนในศาสนา เช่นแสดงธรรม ฟังธรรม ธรรมะของพระพุทธเจ้า หลักประพฤติปฏิบัติในศาสนา เช่น ปฏิบัติธรรม ประพฤติธรรม ความจริงเช่น ได้ดวงตาเห็นธรรม ความยุติธรรม ความถูกต้อง เช่น ความเป็นธรรมในสังคม กฎ กฎเกณฑ์ เช่น ธรรมแห่งหมู่คณะ กฎหมาย เช่น ธรรมะระหว่างประเทศ

เพราะฉะนั้น คำว่า “กองทัพธรรม” จึงไม่เคยสร้างความหวาดวิตกให้กับประชาชน ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับ “กองทัพประชาชน” ที่นำโดย พล.อ.พัลลภ หรือ เสธ.แดง ซึ่งเสมือนคนที่นิยมความรุนแรงอยู่บ่อยครั้ง

ส่วนเรื่องการกัดกันทะเลาะกันของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นเรื่องธรรมดา แค่นักโทษชายทักษิณ โยนขนมให้กินกันถ้วนหน้า ความสงบในหมู่คนเสื้อแดงก็จะกลับมาอีกครั้งหนึ่งเป็นแน่ !