นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KS) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาด(มาร์เกตแชร์) ที่ระดับ 4% เพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในระดับ 2.68% หรืออันดับ17 นับเป็นการปรับตัวที่ก้าวกระโดดมากจากปี 51 ซึ่งอยู่ในอันดับ 26 และมีมาร์เกตแชร์ 1.63%
" ปีนี้เราตั้งเป้าจะต้องผลักดันให้บริษัทขึ้นไปติด 1 ใน 10 บล.ที่มีมาร์เกตแชร์สูงสุด ดังนั้นเราจึงต้องเดินหน้าเพิ่มมาร์เกตแชร์ขึ้นอีก 100% ด้วยการพัฒนานักลงทุนรายใหม่ขึ้นมาเอง เพราะกลุ่มดังกล่าวยังมีอยู่อีกมาก เห็นได้จากบัญชีหลักทรัพย์ทั้งตลาดที่มีกว่า 5 แสนบัญชี แต่มีบัญชีที่
แอคทีฟจริงแค่ 1.2 แสนบัญชี เราจะไม่แข่งด้านราคาคอมมิชชั่นและซื้อตัวมาร์เก็ตติ้งเพื่อช่วยขยายกิจการ "
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนควบคู่กัน บล.กสิกรไทย จะให้ความสำคัญกับการเดินหน้าสร้างนักลงทุนรายใหม่มากขึ้น หลังที่ผ่านมาพบว่าช่วงปี 49 -52 มีนักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาในตาดหุ้นเฉลี่ย 25,000 บัญชี ซึ่งบริษัทเองมีนักลงทุนรายใหม่เพิ่มเข้ามาปีละ 3,000 บัญชี และภายใน 2 ปีจากนี้ตั้งเป้าเพิ่มนักลงทุนรายใหม่ขึ้นอีก 10,000 บัญชี
ขณะเดียวกัน เพื่อรองรับปริมาณลูกค้าที่จะเพิ่มอีก 5 ปีข้างหน้า ตามคอนเซปต์ " KS Jump Forward 2010 " บริษัทจะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่การตลาดขึ้นอีก 150 คน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 98 คน รวมเป็น 248 คน โดยจะคัดเลือกและจัดกลุ่มเจ้าหน้าที่การตลาดให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของลูกค้า พร้อมกับเพิ่มสาขาใหม่อีก 23 สาขา จากเดิมที่มีอยู่เพียง 2 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 21 สาขา และต่างจังหวัดในภาคเหนือ 1 สาขา ภาคตะวันออกอีก 1 สาขา ทั้งในรูปสาขาเต็มตัว หรือแบบสาขาย่อยที่ร่วมไปกับสาขาของธนาคารกสิกรไทยรวมทั้ง จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ออกมาตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ส่วนทางด้านบริการ จะนำเสนอระบบ่อินเทอร์เนตเทรดิ้งแบบใหม่ที่ได้ลงทุนพัฒนาไว้ในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ ซึ่งลูกค้าจะสามารถเบิก ถอน โอน เงินจากบัญชีเงินฝากของธนาคาร กสิกรไทย ได้ในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับลูกค้ารายเดิม ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะมีมากขึ้น เช่น กิจกรรมด้านความรู้ ข้อมูลด้านการลงทุน ผ่านบทวิเคราะห์ที่เพิ่มความหลากหลาย กิจกรรมด้านไลฟ์สไตล์เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์และความพึงพอใจมากกว่าแค่การเป็นบริษัทหลักทรัพย์
ด้านนายวรวัจน์ สุวคนธ์ กรรมการผู้จัดการสายงานวาณิชธนกิจ (IB) บล. กสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่รายได้ IB 190 ล้านบาท เนื่องจากดีล M&A และ IPO มีขนาดใหญ่ขึ้นและจำนวนมากขึ้น โดยยังให้ความสำคัญกับงานM&A ที่เชื่อว่าจะมีมากขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีดีลหุ้นไอพีโอเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอีก 2- 3 ราย
" ปีนี้เราตั้งเป้าจะต้องผลักดันให้บริษัทขึ้นไปติด 1 ใน 10 บล.ที่มีมาร์เกตแชร์สูงสุด ดังนั้นเราจึงต้องเดินหน้าเพิ่มมาร์เกตแชร์ขึ้นอีก 100% ด้วยการพัฒนานักลงทุนรายใหม่ขึ้นมาเอง เพราะกลุ่มดังกล่าวยังมีอยู่อีกมาก เห็นได้จากบัญชีหลักทรัพย์ทั้งตลาดที่มีกว่า 5 แสนบัญชี แต่มีบัญชีที่
แอคทีฟจริงแค่ 1.2 แสนบัญชี เราจะไม่แข่งด้านราคาคอมมิชชั่นและซื้อตัวมาร์เก็ตติ้งเพื่อช่วยขยายกิจการ "
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนควบคู่กัน บล.กสิกรไทย จะให้ความสำคัญกับการเดินหน้าสร้างนักลงทุนรายใหม่มากขึ้น หลังที่ผ่านมาพบว่าช่วงปี 49 -52 มีนักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาในตาดหุ้นเฉลี่ย 25,000 บัญชี ซึ่งบริษัทเองมีนักลงทุนรายใหม่เพิ่มเข้ามาปีละ 3,000 บัญชี และภายใน 2 ปีจากนี้ตั้งเป้าเพิ่มนักลงทุนรายใหม่ขึ้นอีก 10,000 บัญชี
ขณะเดียวกัน เพื่อรองรับปริมาณลูกค้าที่จะเพิ่มอีก 5 ปีข้างหน้า ตามคอนเซปต์ " KS Jump Forward 2010 " บริษัทจะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่การตลาดขึ้นอีก 150 คน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 98 คน รวมเป็น 248 คน โดยจะคัดเลือกและจัดกลุ่มเจ้าหน้าที่การตลาดให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของลูกค้า พร้อมกับเพิ่มสาขาใหม่อีก 23 สาขา จากเดิมที่มีอยู่เพียง 2 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 21 สาขา และต่างจังหวัดในภาคเหนือ 1 สาขา ภาคตะวันออกอีก 1 สาขา ทั้งในรูปสาขาเต็มตัว หรือแบบสาขาย่อยที่ร่วมไปกับสาขาของธนาคารกสิกรไทยรวมทั้ง จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ออกมาตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ส่วนทางด้านบริการ จะนำเสนอระบบ่อินเทอร์เนตเทรดิ้งแบบใหม่ที่ได้ลงทุนพัฒนาไว้ในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ ซึ่งลูกค้าจะสามารถเบิก ถอน โอน เงินจากบัญชีเงินฝากของธนาคาร กสิกรไทย ได้ในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับลูกค้ารายเดิม ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะมีมากขึ้น เช่น กิจกรรมด้านความรู้ ข้อมูลด้านการลงทุน ผ่านบทวิเคราะห์ที่เพิ่มความหลากหลาย กิจกรรมด้านไลฟ์สไตล์เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์และความพึงพอใจมากกว่าแค่การเป็นบริษัทหลักทรัพย์
ด้านนายวรวัจน์ สุวคนธ์ กรรมการผู้จัดการสายงานวาณิชธนกิจ (IB) บล. กสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่รายได้ IB 190 ล้านบาท เนื่องจากดีล M&A และ IPO มีขนาดใหญ่ขึ้นและจำนวนมากขึ้น โดยยังให้ความสำคัญกับงานM&A ที่เชื่อว่าจะมีมากขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีดีลหุ้นไอพีโอเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอีก 2- 3 ราย
