ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ห้างทุนท้องถิ่นเมืองหาดใหญ่ผนึกกำลังต้านห้างทุนยักษ์ข้ามชาติที่รายล้อมรอบทิศ ตบเท้าปรับกลยุทธ์รับมือปีขาล นำโดยหญิงเหล็กแห่ง “โอเดียนแฟชั่นมอลล์” ปรับลุคใหม่ขยายโซน เพิ่มแบรนด์สินค้าประกบการทำ CSR สร้างทราฟฟิกมากขึ้น ส่วน “ไดอาน่า” รักษาความเป็นห้างไทยคู่ท้องถิ่นขนกิจกรรมสอดรับเมมเบอร์การ์ดสร้างลอยัลตี ปิดท้ายด้วย “เค แอนด์ เค” งัดกลยุทธ์ขยายสาขาตีพื้นที่นอก พร้อมดึงซัปพลายเออร์เป็นดิสทริบิวเตอร์สู่ท้องถิ่น
ก้าวเข้าสู่เดือนศักราชใหม่แห่งปีเสือทอง เศรษฐกิจโดยรวมเมืองหาดใหญ่ส่อแววรุ่ง ทั้งตัวเลขการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวทั้งภาคการโรงแรมและสายการบินไต่สูงขึ้นเป็นลำดับ เนื่องมาจากนักท่องเที่ยวทั้งไทย-มาเลย์-สิงคโปร์ให้ความไว้วางใจกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง ส่งผลให้ห้างท้องถิ่น ประกอบด้วย ห้างโอเดียนแฟชั่นมอลล์,ไดอาน่า คอมเพล็กซ์ ช้อปปิ้ง เซนเตอร์ และเค แอนด์ เค ซุปเปอร์ค้าส่ง ต่างงัดกลยุทธ์ที่หลากหลายสู้ศึกระบบทุนข้ามชาติที่ยึดหัวหาดรอบเมืองหาดใหญ่
นางนฤมล อมรรัตน์วิทยา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเดียนเซาท์เทิร์นเซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอย่าง “โอเดียนแฟชั่นมอลล์” ซึ่งเพิ่งผ่านอุบัติเหตุเพลิงไหม้ห้างโอเดียนช็อปปิ้งมอลล์เดิม เมื่อปี 2552 จนต้องปิดให้บริการไประยะหนึ่ง และถือโอกาสปรับปรุงพื้นที่อาคารและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ โดยใช้งบประมาณไปกว่า 10 ล้านบาท เปิดเผยว่า นับจากเวลานี้จะเป็นช่วงขาขึ้น เพราะห้างมีนโยบายปรับปรุงลุคใหม่ของห้าง โดยปรับปรุงทัศนวิสัยของพื้นที่ และขยายพื้นที่การวางสินค้า เช่น โซนซูเปอร์ที่มีการเพิ่มสัดส่วนพื้นที่ถึง 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีโปรเจกต์ในการนำสินค้าแบรนด์ระดับกลางมาลงมากขึ้น เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่กลุ่มผู้ซื้อ คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 20%
สำหรับพื้นที่ในซูเปอร์มาร์เกตที่มีการขยายขึ้นมานั้น โอเดียนฯพุ่งเป้าไปถึงกลุ่มใส่ใจสุขภาพ โดยการนำอาหารเพื่อสุขภาพขึ้นมาชู ที่แม้จะเป็นการสนองต่อกลุ่มนีชมาเก็ตแต่ด้วยเล็งเห็นว่า เป็นตลาดกลุ่มใหม่สำหรับลูกค้าระดับกลางขึ้นไป สามารถเพิ่มทราฟฟิกให้แก่ห้างได้ และมีโอกาสการเติบโตสูงสำหรับตลาดกลุ่มนี้
ส่วนทางด้านโฆษณา รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ทางห้างมองไม่เห็นประโยชน์ในการนำเม็ดเงินไปทุ่มผ่านทางสื่อต่างๆ มากนัก ในทางตรงกันข้าม จะมุ่งเน้นในการสร้างฐานสายสัมพันธ์ระหว่างคนในพื้นที่ในรูปแบบของ การร่วมรับผิดชอบและสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม หรือที่เรียกว่า Corporate Social Responsibility (CSR) ซึ่งที่ผ่านมาทางห้างโอเดียนได้ร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ในการช่วยเหลือทั้งทางด้านเงินทุนและการประสานงาน
“การสร้างพื้นฐานที่ดีให้แก่เยาวชนหรือหน่วยงานที่ต้องการความช่วยเหลือต่างๆ ในสังคม นอกจากจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ห้างแล้ว ยังถือเป็นการคืนกำไรสู่สังคม อันเป็นการสร้างประโยชน์ได้ทั้งสองทาง” นางนฤมล กล่าวทิ้งท้าย
ด้านห้างไดอาน่า คอมเพล็กซ์ ช้อปปิ้ง เซนเตอร์ นายศรายุทธ์ จินตนาวสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กล่าวว่า ในปีนี้ได้เน้นวางคอนเซ็ปต์ที่เป็นของตัวเอง การย้ำเตือนความเป็นห้างไทยเอาไว้ ทั้งในรูปแบบสอดแทรกกิจกรรมความเป็นไทยไว้ในกิจกรรมการขายในแต่ละช่วงเดือน นอกจากนี้ ห้างจะไม่ทิ้งในเรื่องการร่วมบริจาคให้แก่มูลนิธิ ในนามของคุณเนตร จันทรัศมี (ผู้จัดการบริษัทศูนย์การค้าไดอาน่าฯ) ซึ่งที่ผ่านมาห้างเพิ่งบริจาคทุนการศึกษาไปยังโรงเรียนต่างๆ โดยมี ดาราชั้นนำเช่น ซี- ศิวัฒน์ โดม-ปกรณ์ ลัม มาร่วมทำกิจกรรม
นอกจากนี้ มีการพุ่งเป้าไปที่การรักษากลุ่มลูกค้าเดิมในลักษณะ Brand loyalty ด้วยการเปลี่ยนโฉมใหม่ของเมมเบอร์การ์ด ภายใต้ชื่อ D Card ให้มีรูปลักษณ์แปลกตาน่าใช้ ที่ได้จับมือร่วมกับ 6 พันธมิตรทางการค้า ทั้งผู้ค้าภายในห้างและร้านค้าชั้นนำภายในตัวเมืองหาดใหญ่ ซึ่งผู้ใช้บัตรสามารถรับส่วนลดและสะสมแต้มจากการจับจ่ายผ่านบัตรสมาชิกจากร้านค้าภายในห้าง เช่น KFC, S&P, Swensens, Pizza Hut, Pizza Company และจากร้านค้าที่เป็นพันธมิตรของห้างที่อยู่ในจังหวัด
บัตร D-card ไม่เพียงแต่นำเสนอส่วนลดทางการค้า แต่นำมาซึ่งกิจกรรมที่สืบเนื่องจากการใช้บัตร อาทิ การจัดกิจกรรม D – Workshop ที่สมาชิกได้สิทธิพิเศษเรียนรู้เทคนิคการแต่งหน้าร่วมกับ Make Up Artist ชื่อดัง โดยมีแบรนด์สินค้าที่วางขายเป็นผู้สนับสนุน กิจกรรม D - Trip @ เขาน้ำค้าง ที่ห้างจับมือกับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมทริปท่องเที่ยวสุดโรแมนติกสำหรับคู่รัก เป็นการเข็นกิจกรรมในการสร้าง Brand Reminding เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ลูกค้าจดจำตราสินค้า
นอกจากไดอาน่าฯจะเดินหน้าอัดโปรโมชันลดราคาในแบบเปอร์เซ็นต์ เพื่อกระตุ้นการขายแล้ว ห้างยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยการเชิญดาราชั้นนำมาร่วมทำกิจกรรมการกุศลร่วมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นการจัดกิจกรรมในเชิง CSR ที่ได้ประโยชน์ทั้งยอดขายและคืนกำไรสู่สังคม
ด้านเค แอนด์ เค ซุปเปอร์ค้าส่ง ซึ่งมีการดำเนินกิจการในรูปแบบของซูเปอร์สโตร์มีจุดแข็งด้านแบรนด์ เค แอนด์ เค เป็นที่ติดตลาดในกลุ่มผู้บริโภคชาวหาดใหญ่เป็นทุนเดิม ดังนั้น เคแอนด์ เค จึงใช้กลยุทธ์การตอกย้ำการตลาดแบบเชิงรุก โดยการแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งจากเดิมเคแอนด์เคมีสาขาอยู่ 7 สาขา ได้แก่ สาขา ถ.สามชัย, เขต8, เพชรเกษม, ป.ณัฐพล, สนามกีฬากลาง ท่าเคียน และหัวรั้ว เพิ่มไปยังพื้นที่รอบนอก อีก 3 สาขา คือ ต. คลองแห, คลองหวะ และบ้านพรุ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความหนาแน่นของประชากร อีกทั้งมีความเป็นไปได้ในด้านศักยภาพในการบริโภคอยู่มาก
นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการผู้จัดการ หจก. เค แอนด์ เค ซุปเปอร์ค้าส่ง เผยถึงเหตุผลในการขยายสาขาไปยัง 3 พื้นที่ว่า การขยายสาขาไปยังพื้นที่รอบนอกนั้น ส่งผลดีต่อการประหยัดต้นทุนในการขนส่ง ช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางในการขนถ่ายสินค้า ซึ่งนอกจากกลยุทธ์กระจายไปพื้นที่โดยรอบแล้ว เค แอนด์ เค ฯ ยังบุกการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยเร่งทำอีเวนต์ ยังพื้นที่ต่างๆ ผ่านคอนเซ็ปต์ธงฟ้าสัญจรอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2553 เค แอนด์ เค ฯ ได้เตรียมนโยบายในการ เพิ่มไลน์ธุรกิจ ดึงซัปพลายเออร์ เป็นตัวแทนในฐานะดิสทริบิวเตอร์เสียเอง ซึ่งมีแผนเจรจาร่วมกับ บริษัทผู้ผลิต เช่น เครือสหพัฒน์, ยูนิลีเวอร์ นำสินค้ามากระจายในท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังปรับแผนแบ่งเซกเมนต์การวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เกตไว้อย่างชัดเจน คือ สินค้าประเภทบริโภค 65% เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายสู่มือผู้บริโภคสูง สินค้าอุปโภคจึงวางสัดส่วนที่ 35% เท่านั้น