-1-
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ทาง ASTV เมื่อวาน (9 ก.พ. 2553) น่าสนใจมากๆ เพราะสามารถเชิญ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “จำลอง–สนธิ–พิภพ –สมศักดิ์–สมเกียรติ” กับผู้ประสานงาน “สุริยะใส” ไปออกรายการพร้อมกันได้..
แต่ก็น่าเสียดายที่เนื้อเวลาจริงๆ ของรายการน้อยไปหน่อย ยังไม่จุใจมิตรรักแฟนคลับและผู้ชมทั่วไป
วันที่ 9 ก.พ. 2549 หรือเมื่อ 4 ปีก่อนเป็นวันเปิดตัวก่อตั้งพันธมิตรฯ จัดแถลงข่าวกันที่อนุสรณ์สถาน สี่แยกคอกวัว ผมไปร่วมงานในวันนั้นด้วย
แต่ก่อนหน้านั้น-วันที่ 4 ก.พ. 2549 มีการชุมนุมใหญ่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นการชุมนุมที่สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศขอนำเดี่ยวเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
การชุมนุมวันที่ 4 ก.พ. 2549 ผมถูกวางตัวให้เป็นโฆษกบนเวที ก่อนชุมนุมหนึ่งวัน ขณะเดินอยู่หน้าตึกบ้านพระอาทิตย์คุณสนธิเดินมาจับมือบีบแน่น แล้วบอกผมด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า“ขอบใจมากเพื่อน เป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้สู้ร่วมกัน จริงๆ นะโว้ย”
ผมยกมือไหว้“ขอบคุณพี่ เต็มที่ครับ” แต่หลังแยกกันได้แค่ 2-3 นาที ผมก็ฟันธงกับตัวเองว่า...หลัง 4 ก.พ. 2549 ชีวิตมึงเปลี่ยนแน่ไอ้สำราญ...คิดอีกทีซิว่าจะขึ้นเวทีใหญ่หรือเปล่า เพราะงานนี้ยาวแน่..!?
แล้วความรู้สึกที่ว่าจะโผล่มาแวบเดียวก่อนจากไป...แต่ต้องยอมรับว่าเป็นแวบเดียวที่ทำนายอนาคตผมได้แม่นยำยิ่ง...และผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่อย่างใด..
ธรรมะจัดสรร...สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม...ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว...เป็นในสิ่งที่เราเป็น ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด...
-2-
วันที่ 4 ก.พ. 2549 การชุมนุมที่นำเดี่ยวโดยสนธิจบลงด้วยความยิ่งใหญ่สวยงาม
วันที่ 11 ก.พ. 2549 จึงเป็นการชุมนุมใหญ่ที่นำโดยพันธมิตรฯ เป็นครั้งแรก
วันที่ 19 ก.ย. 2549 เกิดการรัฐประหาร ยึดอำนาจ ทักษิณ ชินวัตร ตัดหน้าการนัดชุมนุมใหญ่ไล่ทักษิณครั้งสุดท้ายในวันที่ 20 ก.ย. 2549
หลังรัฐประหารได้รัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ขึ้นมาพร้อมกับการเร่งวันเร่งคืนให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเป็นหลักแทนที่จะใช้เวลาสะสางกวาดล้างสิ่งเลวร้ายของระบอบทักษิณ..
23 ธ.ค. 2550 เลือกตั้งทั่วไป พรรคของทักษิณชนะเลือกตั้ง สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ พันธมิตรฯ ตัดสินใจชุมนุมใหญ่ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดให้ทักษิณตั้งแต่ 25 พ.ค. 2551 กระทั่งต่อมาสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากคดีชิมไปบ่นไป สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนใหม่แต่ต้องตกเก้าอี้ในวันที่ 2 ธ.ค. 2551 วันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน...
จาก 25 พ.ค.-2 ธ.ค. 2551 รวม 193 วัน นายกฯ หลุดจากตำแหน่งไป 2 คน แม้จะมิใช่หลุดเพราะลาออกเพราะถูกพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่โดยตรง แต่มิอาจปฏิเสธได้ว่าพลังบริสุทธิ์ของผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์เป็นส่วนสำคัญที่ส่งแรงสั่นสะเทือนให้ 2 นายกฯ มีอันเป็นไป...
เดือนธ.ค. 2551 เราได้รัฐบาลใหม่..รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะที่พันธมิตรฯตั้งพรรคการเมืองเป็นของตัวเองชื่อ “พรรคการเมืองใหม่” เมื่อเดือนมิ.ย. 2552 หลังสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกลอบสังหารโหดเมื่อ 17 เม.ย. 2552 แต่เกิดปาฏิหาริย์ รอดตายมาได้...
มีผู้พยายามกล่าวว่า การก่อเกิดพรรคการเมืองใหม่ ทำให้พันธมิตรฯ อ่อนแอลง จริงๆ แล้วผมว่าไม่ใช่..พันธมิตรฯ มีเท่าไหร่ก็เท่านั้น เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ปัญหาในช่วงนี้น่าจะเป็นการปรับขบวน จัดความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรฯ กับพรรคการเมืองใหม่ที่ยังทับซ้อนหรือไม่ลงตัวกันในพื้นที่ต่างๆ เท่านั้น..ซึ่งปัญหานี้ไม่ยากที่จะฝ่าข้ามไปได้
-3-
ในรายการเมื่อวานนี้...ด้านหนึ่งพันธมิตรฯ เป็น “นามธรรม” อย่างที่คุณสนธิว่า กล่าวคือใครก็ได้เป็นพันธมิตรฯ หากมีจิตวิญญาณในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์, ต่อต้านการคอร์รัปชัน, หวงแหนอธิปไตยของชาติ, มีความซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ..ฯลฯ..
ด้านหนึ่งพันธมิตรฯ เป็นพลังทางศีลธรรม พลังบริสุทธิ์ของแผ่นดินที่จะลุกขึ้นมาปกบ้านป้องเมืองไม่รู้จบอย่างที่ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ให้นิยาม...
ครบรอบ 4 ปีพันธมิตรฯ ผมต้องยืนยันว่าพันธกิจถาวรของพันธมิตรฯ ยังไม่เปลี่ยนนั่นคือ ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในขณะที่เฉพาะหน้านี้พันธมิตรฯ ก็น่าจะสรุปบทเรียนพันธกิจของตัวเองให้ได้ว่า
1) การสร้าง “การเมืองใหม่” เป็นเรื่องหลักที่จะต้องระดมสมอง ระดมแรง ระดมทุนร่วมกัน การเมืองใหม่จะต้องเข้าไปแทนที่หรือทดแทนการเมืองเก่าให้ได้มากที่สุด ถ้าพรรคการเมืองใหม่ล้มเหลวหรือไปไม่ถึงไหนตั้งแต่ปีแรกๆ แม้พันธมิตรฯ อาจจะยังอยู่และอยู่ในนิยามใดก็ตาม แต่จะเป็นฝันร้ายของการเมืองภาคประชาชนครั้งสำคัญ
2) การจัดการสะสางระบอบทักษิณก็ยังเป็นภารกิจสำคัญ แต่พันธมิตรฯ ต้องไม่ผูกขาดภารกิจนี้ไว้แต่ผู้เดียว เนื่องจากระบอบทักษิณได้กลายเป็นปัญหาส่วนรวมของประเทศไปแล้ว
3) ติดอาวุธทางปัญญาให้แก่กันอย่างไม่หยุดนิ่ง พร้อมกระชับความรักความสามัคคีให้แน่นเหนียว
พันธมิตรฯ ทุกทิศทั่วไทยและในต่างแดนเสียสละกันมามากแล้วในรูปแบบต่างๆ ล้วนน่าชื่นชมคารวะ เช่นเดียวกับแกนนำพันธมิตรฯ และองค์กรเครือข่ายต่างๆ
แต่ใช่หรือไม่ว่าผู้ที่เสียสละมากกว่า หรือเสียสละที่แท้จริงได้ตายไปแล้ว!!
พวกเราผู้อยู่หลัง เราลืมพวกเขาหรือยัง !?
samr_rod@hotmail.com
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ทาง ASTV เมื่อวาน (9 ก.พ. 2553) น่าสนใจมากๆ เพราะสามารถเชิญ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “จำลอง–สนธิ–พิภพ –สมศักดิ์–สมเกียรติ” กับผู้ประสานงาน “สุริยะใส” ไปออกรายการพร้อมกันได้..
แต่ก็น่าเสียดายที่เนื้อเวลาจริงๆ ของรายการน้อยไปหน่อย ยังไม่จุใจมิตรรักแฟนคลับและผู้ชมทั่วไป
วันที่ 9 ก.พ. 2549 หรือเมื่อ 4 ปีก่อนเป็นวันเปิดตัวก่อตั้งพันธมิตรฯ จัดแถลงข่าวกันที่อนุสรณ์สถาน สี่แยกคอกวัว ผมไปร่วมงานในวันนั้นด้วย
แต่ก่อนหน้านั้น-วันที่ 4 ก.พ. 2549 มีการชุมนุมใหญ่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นการชุมนุมที่สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศขอนำเดี่ยวเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
การชุมนุมวันที่ 4 ก.พ. 2549 ผมถูกวางตัวให้เป็นโฆษกบนเวที ก่อนชุมนุมหนึ่งวัน ขณะเดินอยู่หน้าตึกบ้านพระอาทิตย์คุณสนธิเดินมาจับมือบีบแน่น แล้วบอกผมด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า“ขอบใจมากเพื่อน เป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้สู้ร่วมกัน จริงๆ นะโว้ย”
ผมยกมือไหว้“ขอบคุณพี่ เต็มที่ครับ” แต่หลังแยกกันได้แค่ 2-3 นาที ผมก็ฟันธงกับตัวเองว่า...หลัง 4 ก.พ. 2549 ชีวิตมึงเปลี่ยนแน่ไอ้สำราญ...คิดอีกทีซิว่าจะขึ้นเวทีใหญ่หรือเปล่า เพราะงานนี้ยาวแน่..!?
แล้วความรู้สึกที่ว่าจะโผล่มาแวบเดียวก่อนจากไป...แต่ต้องยอมรับว่าเป็นแวบเดียวที่ทำนายอนาคตผมได้แม่นยำยิ่ง...และผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่อย่างใด..
ธรรมะจัดสรร...สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม...ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว...เป็นในสิ่งที่เราเป็น ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด...
-2-
วันที่ 4 ก.พ. 2549 การชุมนุมที่นำเดี่ยวโดยสนธิจบลงด้วยความยิ่งใหญ่สวยงาม
วันที่ 11 ก.พ. 2549 จึงเป็นการชุมนุมใหญ่ที่นำโดยพันธมิตรฯ เป็นครั้งแรก
วันที่ 19 ก.ย. 2549 เกิดการรัฐประหาร ยึดอำนาจ ทักษิณ ชินวัตร ตัดหน้าการนัดชุมนุมใหญ่ไล่ทักษิณครั้งสุดท้ายในวันที่ 20 ก.ย. 2549
หลังรัฐประหารได้รัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ขึ้นมาพร้อมกับการเร่งวันเร่งคืนให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเป็นหลักแทนที่จะใช้เวลาสะสางกวาดล้างสิ่งเลวร้ายของระบอบทักษิณ..
23 ธ.ค. 2550 เลือกตั้งทั่วไป พรรคของทักษิณชนะเลือกตั้ง สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ พันธมิตรฯ ตัดสินใจชุมนุมใหญ่ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดให้ทักษิณตั้งแต่ 25 พ.ค. 2551 กระทั่งต่อมาสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากคดีชิมไปบ่นไป สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนใหม่แต่ต้องตกเก้าอี้ในวันที่ 2 ธ.ค. 2551 วันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน...
จาก 25 พ.ค.-2 ธ.ค. 2551 รวม 193 วัน นายกฯ หลุดจากตำแหน่งไป 2 คน แม้จะมิใช่หลุดเพราะลาออกเพราะถูกพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่โดยตรง แต่มิอาจปฏิเสธได้ว่าพลังบริสุทธิ์ของผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์เป็นส่วนสำคัญที่ส่งแรงสั่นสะเทือนให้ 2 นายกฯ มีอันเป็นไป...
เดือนธ.ค. 2551 เราได้รัฐบาลใหม่..รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะที่พันธมิตรฯตั้งพรรคการเมืองเป็นของตัวเองชื่อ “พรรคการเมืองใหม่” เมื่อเดือนมิ.ย. 2552 หลังสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกลอบสังหารโหดเมื่อ 17 เม.ย. 2552 แต่เกิดปาฏิหาริย์ รอดตายมาได้...
มีผู้พยายามกล่าวว่า การก่อเกิดพรรคการเมืองใหม่ ทำให้พันธมิตรฯ อ่อนแอลง จริงๆ แล้วผมว่าไม่ใช่..พันธมิตรฯ มีเท่าไหร่ก็เท่านั้น เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ปัญหาในช่วงนี้น่าจะเป็นการปรับขบวน จัดความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรฯ กับพรรคการเมืองใหม่ที่ยังทับซ้อนหรือไม่ลงตัวกันในพื้นที่ต่างๆ เท่านั้น..ซึ่งปัญหานี้ไม่ยากที่จะฝ่าข้ามไปได้
-3-
ในรายการเมื่อวานนี้...ด้านหนึ่งพันธมิตรฯ เป็น “นามธรรม” อย่างที่คุณสนธิว่า กล่าวคือใครก็ได้เป็นพันธมิตรฯ หากมีจิตวิญญาณในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์, ต่อต้านการคอร์รัปชัน, หวงแหนอธิปไตยของชาติ, มีความซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ..ฯลฯ..
ด้านหนึ่งพันธมิตรฯ เป็นพลังทางศีลธรรม พลังบริสุทธิ์ของแผ่นดินที่จะลุกขึ้นมาปกบ้านป้องเมืองไม่รู้จบอย่างที่ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ให้นิยาม...
ครบรอบ 4 ปีพันธมิตรฯ ผมต้องยืนยันว่าพันธกิจถาวรของพันธมิตรฯ ยังไม่เปลี่ยนนั่นคือ ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในขณะที่เฉพาะหน้านี้พันธมิตรฯ ก็น่าจะสรุปบทเรียนพันธกิจของตัวเองให้ได้ว่า
1) การสร้าง “การเมืองใหม่” เป็นเรื่องหลักที่จะต้องระดมสมอง ระดมแรง ระดมทุนร่วมกัน การเมืองใหม่จะต้องเข้าไปแทนที่หรือทดแทนการเมืองเก่าให้ได้มากที่สุด ถ้าพรรคการเมืองใหม่ล้มเหลวหรือไปไม่ถึงไหนตั้งแต่ปีแรกๆ แม้พันธมิตรฯ อาจจะยังอยู่และอยู่ในนิยามใดก็ตาม แต่จะเป็นฝันร้ายของการเมืองภาคประชาชนครั้งสำคัญ
2) การจัดการสะสางระบอบทักษิณก็ยังเป็นภารกิจสำคัญ แต่พันธมิตรฯ ต้องไม่ผูกขาดภารกิจนี้ไว้แต่ผู้เดียว เนื่องจากระบอบทักษิณได้กลายเป็นปัญหาส่วนรวมของประเทศไปแล้ว
3) ติดอาวุธทางปัญญาให้แก่กันอย่างไม่หยุดนิ่ง พร้อมกระชับความรักความสามัคคีให้แน่นเหนียว
พันธมิตรฯ ทุกทิศทั่วไทยและในต่างแดนเสียสละกันมามากแล้วในรูปแบบต่างๆ ล้วนน่าชื่นชมคารวะ เช่นเดียวกับแกนนำพันธมิตรฯ และองค์กรเครือข่ายต่างๆ
แต่ใช่หรือไม่ว่าผู้ที่เสียสละมากกว่า หรือเสียสละที่แท้จริงได้ตายไปแล้ว!!
พวกเราผู้อยู่หลัง เราลืมพวกเขาหรือยัง !?
samr_rod@hotmail.com