00 สมัยก่อนคำเปรียบเทียบมีแต่ “ผีเน่า”กับ“โลงผุ” แต่มายุคนี้ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ก็ต้องเรียกว่า“หมาเน่า” กับ“หัวขวด” ถึงจะเหมาะเจาะที่สุด ก็ต้องเห็นด้วยกับคำเปรียบเปรย พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ “ตีกัน” ไม่ให้เข้ามาแย่ง “ชามข้าว” แย่งความสำคัญของกลุ่ม “3 เกลอ” เป็นอันขาด ยิ่งในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังจะมีงานสำคัญอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะให้ใครบังอาจมาเสนอ “โปรเจกต์” ซ้ำซ้อน หรือมาแย่งซีน แย่งความสำคัญจาก “ทั่นเศรษฐี” หน้ามืดจากดูไบไม่ได้เป็นอันขาด
00 ก็ต้องยอมรับความจริงว่าที่ผ่านมา 3 เกลอ ได้เคลื่อนไหวในนามคนเสื้อแดงมาอย่างต่อเนื่อง ภาพภายนอกทำให้สังคมได้เห็นว่า สามารถต่อสายกับ ทักษิณ ได้โดยตรง การเคลื่อนไหวในเมืองกรุงหลายครั้ง ดูเผินๆ เหมือนกับว่าเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเข้าร่วมได้นับหมื่น เมื่อหลายครั้งเข้า มันก็ทำให้บางคนเกิดอาการ “หลง” ได้เหมือนกัน ดังที่ “เป็ดเหลิม” ได้เปรียบเปรยเอาไว้ว่า “แมวที่กินจนอ้วน ลายขยายใหญ่ จนมองดูกระจกแล้วนึกว่าตัวเองเป็นเสือ” นั่นแหละ เห็นภาพที่สุด
00 ต้องไม่ลืมว่า การตั้งกองทัพประชาชนอะไรนั่นตามโปรเจกต์ ของ พัลลภ-เสธ.แดง นั้นในความเป็นจริงย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าประสานงาน จิปาถะ พอหลับตาก็คงเห็นเงินก้อนโตลอยอยู่ตรงหน้า อีกทั้งจะต้องมีความสำคัญตามมาอีก แล้วอย่างนี้เป็นใครก็ยอมไม่ได้เป็นอันขาด นี่แหละถึงว่า เป็นเรื่องของ “หมาเน่า” กับ “หัวขวด” ยังไงละ
00 แม้บางคนยังให้เครดิตว่า นี่อาจเป็นแผนลวงตบตาว่า “แดงแตก” ให้ตายใจ ก็อาจมองแบบนั้นได้ แต่ต้องถามกลับไปว่า หากมีการวางแผนแบบนี้จริง คิดว่า ไอ้ “ตักขี้” มันจะได้ประโยชน์ตรงไหน เพราะต้องทำให้มวลชนผู้สนับสนุนต้องละล้า ละลัง เสื่อมศรัทธา และต้องไม่ลืมว่า ชาวบ้านเขาไม่ได้มองอะไรซับซ้อนหลายชั้น เขาแค่มองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น และกรณี “เป็ดเหลิม” ฟัดกับ “เจ๊หน่อย” เละเทะก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่วางใจรัฐบาลไม่กี่วัน ถามว่า ถ้าเป็นแผนลวงจริงแล้วมันส่งผลบวกอย่างไร และคนที่คิดแผนแบบนี้ออกมา ไม่รู้ว่ามันบ้า หรือเมากันแน่
00 เมื่อวานนี้ ( 8 ก.พ.) เห็นคนเสื้อแดงไปเย้วๆ อยู่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด เรียกร้องให้เร่งรัดดำเนินคดี อย่าสองมาตรฐาน ทางที่ดี ใหนๆไปแล้วน่าจะทำให้เป็นมาตรฐานเดียว คือเรียกร้องให้อัยการฝ่ายต่างประเทศ เร่งรัดติดตามจับกุม คนขี้โกงที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยโดยเร็วด้วยล่ะ
00 ขณะที่ชายแดนตะวันออก ที่บอกว่า ฮุนเซน-ทักษิณ กำลังรุกเข้ามามองเผินๆ อาจจะใช่ แต่สังเกตให้ดี ฮุนเซน ไม่ได้เหยียบพื้นที่ที่มีปัญหาแม้แต่ตารางนิ้วเดียว อีกทั้งเมื่อสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ มันก็ย่อมไม่ส่งผลดีต่อการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะวัตถุประสงค์หลักของยูเนสโก เน้นสันติภาพและความร่วมมือ ดังนั้นหากยังตึงเครียด หรือประกาศรับรองขึ้นมาแล้วเกิดรบราขึ้นมา มันก็ขัดหลักการชัดๆ
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่ “ฮุนเซน” อาจจะ“ได้” ประการเดียวก็คือสามารถสร้างกระแสชาตินิยมเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์ชายแดนด้าน เขมร-เวียดนาม ที่เพิ่งถูก “สม รังสี” ออกมาแฉหลักฐานว่าถูก “ฮุบ” ไปเรียบร้อยแล้วหลายตารางกิโลเมตร นั่นต่างหาก แต่สำหรับชายแดนตะวันออกติดกับไทย ไม่น่าจะได้เปรียบ และทำท่าว่าการขึ้นทะเบียนมรดกโลก จะต้องยุ่งยากขึ้นไปอีก หากไม่ยอมหันมาร่วมมือกับไทยแต่โดยดี !!
00 ล่าสุดก่อนเผ่นกลับพนมเปญ ผู้นำถ่อยเขมร ยังได้ไร้มารยาททางการทูตระหว่างประเทศด้วยการบริภาษผู้นำไทยอย่างหยาบคาย ซึ่งได้แสดงธาตุแท้ออกมา และสมควรแล้วที่ไทยไม่ไปคบค้ากับผู้นำแบบนี้ ก็คงปล่อยเป็นความโชคดีของ ทักษิณ คนเดียวก็แล้วกัน
00 นาทีต้องแสดงความเสียใจล่วงหน้ากับ ทักษิณ ชินวัตร ด้วยว่าอย่าพยายามดิ้นรนต่อไปอีกเลย ขอให้อยู่นิ่งๆ แล้วตั้งสติ ทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มาและมองไปถึงอนาคตตัวเองและครอบครัวในวันข้างหน้าจะดีกว่า และที่สำคัญขอให้เลือกคบหาแต่คนดี หรือที่โบราณบอกว่าให้คบ “บัณฑิต” เพราะจะพาไปหาผล หากไม่เชื่อก็ลองไล่เรียงดูภูมิหลังของแต่ละคนที่ตัวเองใกล้ชิดอยู่ล้วนประเภท “ขี้หมูไหลฯ” เถื่อนถ่อย หรือบ๊อง ไร้ราคา รวมไปถึง “แก่เพราะกินข้าว” แทบทั้งนั้น ถึงได้แต่เข้ารกเข้าพง !!
00 ก็ต้องยอมรับความจริงว่าที่ผ่านมา 3 เกลอ ได้เคลื่อนไหวในนามคนเสื้อแดงมาอย่างต่อเนื่อง ภาพภายนอกทำให้สังคมได้เห็นว่า สามารถต่อสายกับ ทักษิณ ได้โดยตรง การเคลื่อนไหวในเมืองกรุงหลายครั้ง ดูเผินๆ เหมือนกับว่าเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเข้าร่วมได้นับหมื่น เมื่อหลายครั้งเข้า มันก็ทำให้บางคนเกิดอาการ “หลง” ได้เหมือนกัน ดังที่ “เป็ดเหลิม” ได้เปรียบเปรยเอาไว้ว่า “แมวที่กินจนอ้วน ลายขยายใหญ่ จนมองดูกระจกแล้วนึกว่าตัวเองเป็นเสือ” นั่นแหละ เห็นภาพที่สุด
00 ต้องไม่ลืมว่า การตั้งกองทัพประชาชนอะไรนั่นตามโปรเจกต์ ของ พัลลภ-เสธ.แดง นั้นในความเป็นจริงย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าประสานงาน จิปาถะ พอหลับตาก็คงเห็นเงินก้อนโตลอยอยู่ตรงหน้า อีกทั้งจะต้องมีความสำคัญตามมาอีก แล้วอย่างนี้เป็นใครก็ยอมไม่ได้เป็นอันขาด นี่แหละถึงว่า เป็นเรื่องของ “หมาเน่า” กับ “หัวขวด” ยังไงละ
00 แม้บางคนยังให้เครดิตว่า นี่อาจเป็นแผนลวงตบตาว่า “แดงแตก” ให้ตายใจ ก็อาจมองแบบนั้นได้ แต่ต้องถามกลับไปว่า หากมีการวางแผนแบบนี้จริง คิดว่า ไอ้ “ตักขี้” มันจะได้ประโยชน์ตรงไหน เพราะต้องทำให้มวลชนผู้สนับสนุนต้องละล้า ละลัง เสื่อมศรัทธา และต้องไม่ลืมว่า ชาวบ้านเขาไม่ได้มองอะไรซับซ้อนหลายชั้น เขาแค่มองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น และกรณี “เป็ดเหลิม” ฟัดกับ “เจ๊หน่อย” เละเทะก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่วางใจรัฐบาลไม่กี่วัน ถามว่า ถ้าเป็นแผนลวงจริงแล้วมันส่งผลบวกอย่างไร และคนที่คิดแผนแบบนี้ออกมา ไม่รู้ว่ามันบ้า หรือเมากันแน่
00 เมื่อวานนี้ ( 8 ก.พ.) เห็นคนเสื้อแดงไปเย้วๆ อยู่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด เรียกร้องให้เร่งรัดดำเนินคดี อย่าสองมาตรฐาน ทางที่ดี ใหนๆไปแล้วน่าจะทำให้เป็นมาตรฐานเดียว คือเรียกร้องให้อัยการฝ่ายต่างประเทศ เร่งรัดติดตามจับกุม คนขี้โกงที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยโดยเร็วด้วยล่ะ
00 ขณะที่ชายแดนตะวันออก ที่บอกว่า ฮุนเซน-ทักษิณ กำลังรุกเข้ามามองเผินๆ อาจจะใช่ แต่สังเกตให้ดี ฮุนเซน ไม่ได้เหยียบพื้นที่ที่มีปัญหาแม้แต่ตารางนิ้วเดียว อีกทั้งเมื่อสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ มันก็ย่อมไม่ส่งผลดีต่อการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะวัตถุประสงค์หลักของยูเนสโก เน้นสันติภาพและความร่วมมือ ดังนั้นหากยังตึงเครียด หรือประกาศรับรองขึ้นมาแล้วเกิดรบราขึ้นมา มันก็ขัดหลักการชัดๆ
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่ “ฮุนเซน” อาจจะ“ได้” ประการเดียวก็คือสามารถสร้างกระแสชาตินิยมเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์ชายแดนด้าน เขมร-เวียดนาม ที่เพิ่งถูก “สม รังสี” ออกมาแฉหลักฐานว่าถูก “ฮุบ” ไปเรียบร้อยแล้วหลายตารางกิโลเมตร นั่นต่างหาก แต่สำหรับชายแดนตะวันออกติดกับไทย ไม่น่าจะได้เปรียบ และทำท่าว่าการขึ้นทะเบียนมรดกโลก จะต้องยุ่งยากขึ้นไปอีก หากไม่ยอมหันมาร่วมมือกับไทยแต่โดยดี !!
00 ล่าสุดก่อนเผ่นกลับพนมเปญ ผู้นำถ่อยเขมร ยังได้ไร้มารยาททางการทูตระหว่างประเทศด้วยการบริภาษผู้นำไทยอย่างหยาบคาย ซึ่งได้แสดงธาตุแท้ออกมา และสมควรแล้วที่ไทยไม่ไปคบค้ากับผู้นำแบบนี้ ก็คงปล่อยเป็นความโชคดีของ ทักษิณ คนเดียวก็แล้วกัน
00 นาทีต้องแสดงความเสียใจล่วงหน้ากับ ทักษิณ ชินวัตร ด้วยว่าอย่าพยายามดิ้นรนต่อไปอีกเลย ขอให้อยู่นิ่งๆ แล้วตั้งสติ ทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มาและมองไปถึงอนาคตตัวเองและครอบครัวในวันข้างหน้าจะดีกว่า และที่สำคัญขอให้เลือกคบหาแต่คนดี หรือที่โบราณบอกว่าให้คบ “บัณฑิต” เพราะจะพาไปหาผล หากไม่เชื่อก็ลองไล่เรียงดูภูมิหลังของแต่ละคนที่ตัวเองใกล้ชิดอยู่ล้วนประเภท “ขี้หมูไหลฯ” เถื่อนถ่อย หรือบ๊อง ไร้ราคา รวมไปถึง “แก่เพราะกินข้าว” แทบทั้งนั้น ถึงได้แต่เข้ารกเข้าพง !!
