ASTVผู้จัดการรายวัน – “สีเบเยอร์” เชื่ออานิสงส์โครงการไทยเข้มแข็ง – แนวโน้มอสังหาฯขยายตัว หนุนตลาดสีโต 10% คาดทั้งปีตลาดรวม 12,000 ล้านบาท ขอชิงส่วนแบ่งตลาด 10% หวั่นปัญหาการเมืองกระทบ
นาย วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานกรรมการ บริษัท เบเยอร์ ผู้ผลิตสีทาอาคาร ภายใต้แบรนด์ สีเบเยอร์ เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2553 ว่า บริษัทยังคงเน้นทำตลาดสีทาอาคารภายใต้แนวคิดอีโค สมาร์ทหรือ นวัตกรรมใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติของกลิ่นไม่ทำลายโอโซน สารระเหยที่น้อยลง ขณะเดียวกันมุ่งตอกย้ำสินค้าเพื่อความเย็นสบาย ภายใต้สินค้าเบเยอร์คูล ซึ่งบริษัทถือเป็นรายแรกๆในตลาดที่ชูจุดเด่นเรื่องดังกล่าวต่อเนื่องกันเป็น 3-4 ปีแล้ว
นอกจากนี้ ได้ทุ่มงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อทำตลาดสีตลอดทั้งปี และภายใน 5 ปีหรือปี 2558 บริษัทวางเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมให้อยู่ที่ 75% จากปัจจุบันมีอยู่เพียง 25% เท่านั้น ซึ่งจากนี้ไปจะทำการปรับปรุงสินค้าอีกหลายรายการเพื่อให้เป็นสินค้าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มตลาดสีในปี 2553 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 12,000 ล้านบาท คาดการณ์จะเติบโตมากขึ้น 10% เทียบกับปี 2552 ที่ตลาดสีอยู่ในภาวะทรงตัวหรืออาจเติบโตในอัตราติดลบถึง 5% โดยเฉพาะในตลาดสีอุตสาหกรรมและสีพ่นรถยนต์ การที่ตลาดสีปีนี้จะขยายตัวได้ดังกล่าว มีปัจจัยบวกจากมาตรการไทยเข้มแข็ง(SP2)ของรัฐบาล ที่จะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบแสนล้านบาท และส่วนหนึ่งจะนำมาใช้ในโครงการก่อสร้างต่างๆ นอกจากนี้แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะขยายตัวในทิศทางที่ดี เป็นสัญญาณบวกต่อภาพรวมตลาดสี
“ปัจจัยบวกสำหรับตลาดสีปีนี้ เป็นผลจากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง แต่ปัจจัยทางการเมืองป็นสิ่งที่น่ากังวลอยู่ เพราะยังมีคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะเกิดกระแสต่างๆได้อย่าง รวดเร็ว” นายวรวัฒน์ กล่าว
ส่วนนโยบายเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ที่ลดภาษีเหลือ 0% ทำให้บริษัทวางแผนจะส่งออกสินค้าบุกตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้นด้วย จากปัจจุบันส่งออกไปแล้ว 5 ประเทศ อาทิ ลาว พม่าและมาเลเซียฯลฯ มีสัดส่วนส่งออกราว 10% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม จากแผนธุรกิจดังกล่าว คาดว่าจะผลักดันยอดขายรวมสิ้นปี 2553 เติบโตอัตรา 2 หลัก จากปี 2552 ปิดยอดขายรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโต 5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้
นาย วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานกรรมการ บริษัท เบเยอร์ ผู้ผลิตสีทาอาคาร ภายใต้แบรนด์ สีเบเยอร์ เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2553 ว่า บริษัทยังคงเน้นทำตลาดสีทาอาคารภายใต้แนวคิดอีโค สมาร์ทหรือ นวัตกรรมใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติของกลิ่นไม่ทำลายโอโซน สารระเหยที่น้อยลง ขณะเดียวกันมุ่งตอกย้ำสินค้าเพื่อความเย็นสบาย ภายใต้สินค้าเบเยอร์คูล ซึ่งบริษัทถือเป็นรายแรกๆในตลาดที่ชูจุดเด่นเรื่องดังกล่าวต่อเนื่องกันเป็น 3-4 ปีแล้ว
นอกจากนี้ ได้ทุ่มงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อทำตลาดสีตลอดทั้งปี และภายใน 5 ปีหรือปี 2558 บริษัทวางเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมให้อยู่ที่ 75% จากปัจจุบันมีอยู่เพียง 25% เท่านั้น ซึ่งจากนี้ไปจะทำการปรับปรุงสินค้าอีกหลายรายการเพื่อให้เป็นสินค้าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มตลาดสีในปี 2553 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 12,000 ล้านบาท คาดการณ์จะเติบโตมากขึ้น 10% เทียบกับปี 2552 ที่ตลาดสีอยู่ในภาวะทรงตัวหรืออาจเติบโตในอัตราติดลบถึง 5% โดยเฉพาะในตลาดสีอุตสาหกรรมและสีพ่นรถยนต์ การที่ตลาดสีปีนี้จะขยายตัวได้ดังกล่าว มีปัจจัยบวกจากมาตรการไทยเข้มแข็ง(SP2)ของรัฐบาล ที่จะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบแสนล้านบาท และส่วนหนึ่งจะนำมาใช้ในโครงการก่อสร้างต่างๆ นอกจากนี้แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะขยายตัวในทิศทางที่ดี เป็นสัญญาณบวกต่อภาพรวมตลาดสี
“ปัจจัยบวกสำหรับตลาดสีปีนี้ เป็นผลจากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง แต่ปัจจัยทางการเมืองป็นสิ่งที่น่ากังวลอยู่ เพราะยังมีคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะเกิดกระแสต่างๆได้อย่าง รวดเร็ว” นายวรวัฒน์ กล่าว
ส่วนนโยบายเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ที่ลดภาษีเหลือ 0% ทำให้บริษัทวางแผนจะส่งออกสินค้าบุกตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้นด้วย จากปัจจุบันส่งออกไปแล้ว 5 ประเทศ อาทิ ลาว พม่าและมาเลเซียฯลฯ มีสัดส่วนส่งออกราว 10% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม จากแผนธุรกิจดังกล่าว คาดว่าจะผลักดันยอดขายรวมสิ้นปี 2553 เติบโตอัตรา 2 หลัก จากปี 2552 ปิดยอดขายรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโต 5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้
