xs
xsm
sm
md
lg

นช.แม้วฅนแขมร์ สื่อเขมรตีข่าว โอนสัญชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
"แม้ว" เลิกเป็นคนไทย โอนสัญชาติเป็นเขมรแล้ว "มาร์ค"ยันหากจะถือสัญชาติเขมร ต้องคืนสัญชาติไทย เชื่อ"ฮุนเซน" มาเขาพระวิหารไม่มีปัญหา แต่ต้องแจ้งฝ่ายไทยก่อน "บัวแก้ว" เผยมาเยือน 4 จุด ย้ำเข้าได้แต่อ้างสิทธิ์ไม่ได้ ด้าน"แม้ว"โวยถูกปล่อยข่าว อ้างอยู่ดูไบ เตรียมเดินทางไปเหมืองทอง ไม่ได้มาเขมร "วีระ"นัดประชาชนผู้รักชาติร่วมตัวเสาร์นี้ที่กันทรลักษณ์

เมื่อวานนี้ ( 5 ก.พ.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดแถลงข่าวว่าได้มีการตีพิมพ์ข่าวในหนังสือพิมพ์ "เขมรอินเทอรีเจนท์นิวส์" (KHMER INTELLIGENCE NEWS) เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับสัญชาติเขมร เมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณได้รับพาสปอร์ตในการเดินทาง และทางพรรคได้นำหลักฐานดังกล่าวส่งมอบให้มอบเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบในข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการมอบสัญชาติเขมรให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะคนหนึ่งคนสามารถถือได้สัญชาติเดียว จะเกิดปัญหาหรือไม่ เพราะไม่ใช่คนไทยแล้ว นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะเรื่องดังกล่าวไทยพึ่งได้รับรายงานมา และอยู่ในขั้นตอนของการยืนยันอยู่ ส่วนสถานะจะเป็นหนึ่งหรือสองสัญชาตินั้น ก็ต้องดูในข้อกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว ทีมโฆษกพรรคได้นำเอกสารซึ่งเป็นการรายงานข่าวของหนังสื่อพิมพ์ “KHMER INTELLIGENCE NEWS” ของประเทศกัมพูชา มาแจกให้กับผู้สื่อข่าว โดยในเอกสารได้มีการแปลเป็นภาษาไทย พร้อมทั้งได้ระบุว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการรายงานไปเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเนื้อหา ระบุว่า ทางรัฐบาลกัมพูชาได้มอบหมายให้นายเจีย ซิม ประธานวุฒิสภา และในฐานะประมุขแห่งรัฐ ประกาศมอบสัญชาติเขมรให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีอยู่ในขณะนี้ และในการรายงานข่าวยังได้ระบุอีกว่า กษัตริย์นโรดม สีหมุนี ที่อยู่ระหว่างการเดินทางไปเยือนประเทศฝรั่งเศส ได้กำชับกับทางรัฐบาลกัมพูชาว่า ให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นความลับ ทั้งนี้ ยังได้ระบุถึงที่มาของข้อมูลจากเว็บไซต์ http://groups.yahoo.com/group/khmerintelligence/message/720 ด้วย

"ทะเตริฟ" ถีบทรัพย์สมบัติทิ้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ โอนสัญญชาติเป็นเขมร ชื่อทักษิณ ตามการออกเสียงนั้น หากเป็นภาษาเขมร จะออกเสียงว่า "ทะเตริฟ" ซึ่ง ทะ แปลว่า ถีบ ส่วน เตริฟ แปลว่า ทรัพย์สิน ชื่อทักษิณ เมื่อออกเสียงเป็นภาษาเขมร จึงแปลว่า ถีบทรัพย์ สมบัติทิ้ง

ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาให้สัญชาติเขมร กับพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเคยรับรายงานในเรื่องดังกล่าว และมีการตรวจสอบไปยังสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย และได้รับคำตอบว่า ยังไม่ทราบ และไม่เคยได้รับการรายงานจากรัฐบาลกลางของประเทศกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศ จะตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวให้มีความเข้มขี้นมากยิ่งขึ้น เพื่อทำความกระจ่างให้กับสาธารณชน

"มาร์ค"ยันต้องคืนสัญชาติไทย

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนยังไม่ทราบ แต่ตามหลักกฎหมายของไทย อนุญาตให้ถือสัญชาติเดียว ดังนั้นก็จะต้องมาสละสัญชาติไทยก่อน

ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและคณะ จะเดินทางมาเยือนเขาพระวิหาร และพื้นที่พิพาทหรือทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) ชายแดนไทย-กัมพูชา และมีข่าวระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาด้วยนั้น ทางพล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 ก็ได้ให้ข่าวไปแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร

เมื่อถามว่ารัฐบาลมีแนวทางในการรับมืออย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นการปฏิบัติงานตามปกติกับบุคคลที่จะเข้ามาในพื้นที่ของประเทศ ซึ่งก็มีทั้งแม่ทัพ และผู้ว่าราชการจังหวัด ช่วยดูแลประสานงานอยู่แล้ว

เมื่อถามต่อว่าหากมีการเข้าไปในจุดที่มีความละเอียดอ่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากจะเข้ามาในพื้นที่ คงจะต้องมีการหารือกันก่อน คงจะไม่เข้ามาโดยไม่แจ้ง และไม่ประสานมา ซึ่งขณะนี้ในระดับของการปฏิบัติเชื่อว่ากำลังติดตามเรื่องนี้อยู่

เมื่อถามย้ำว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ปล่อยให้ภริยาของสมเด็จฮุนเซน เข้ามาในพื้นที่โดยไม่ได้แจ้งมายังประเทศไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าขณะนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน และเรามีบุคคลากรตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มักจะมีปัญหา ก็จะมีการดูและอยู่

เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะมีการเข้ามาเหยียบพื้นที่ทับซ้อน และจะแสดงว่าอยู่เหนืออธิปไตยในพื้นที่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็ต้องแสดงสิทธิของเราให้ชัด

ส่วนความเคลื่อนไหวต่างๆในขณะนี้ จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนก็ยังมั่นใจว่าสามารถดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อยได้ อีกทั้งจากการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา หรือจากการติดตามสถานการณ์ต่างๆ ก็ยิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้น

"ฮุนเซน"เยือนชายแดน 4 จุด

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เตรียมเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่เขตชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาว่า ไทยได้รับการรายงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ว่า สมเด็จฮุนเซน จะเดินทางไป 4 จุด คือ สามเหลี่ยมมรกต ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม และบริเวณปราสาทพระวิหาร

ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลคือถ้าสมเด็จฮุนเซน หรือประชาชนชาวกัมพูชา จะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา เราก็คงไม่ไปก้าวก่าย แต่ถ้าหากเข้ามาในพื้นที่ของเรา ไทยก็คงไม่สามารถอนุญาติได้ เพราะบางจุดเป็นที่ปรากฏชัดเจนว่าอยู่ในการครอบครองของคนไทย และมีทหารไทยคอยควบคุมพื้นที่อยู่ เช่น ปราสาทตาเมือนธม

ส่วนพื้นที่ที่มีการอ้างสิทธิ์ร่วมกันบริเวณ 4.6 ตร.กม. บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร ก็ชัดเจนว่า จะมีการเดินทางเข้าออกอย่างไร ต้องมีการแจ้งให้ทราบ เพราะเรามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ที่ประจำดูแลสถานการณ์อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เพราะฉะนั้น การเดินทางเข้าออกอย่างไร จะอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ไทย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเท้า การมาด้วยรถยนต์ หรือเอาเฮลิคอปเตอร์มาจอดลง

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะต้องอยู่ในความยอมรับร่วมกันของ 2 ประเทศ และเราได้เตรียมเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปต้อนรับสมเด็จฮุนเซน หรือดูสถานการณ์ในพื้นที่ทั้งหมด 4 จุด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายพลเรือน ฝ่ายปกครอง ส่วนในกระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งผู้แทนของกระทรวงไปประจำตามจุดต่างๆ ตามแนวชายแดน เพื่อรองรับการมาเยือน และยืนยันว่า การเดินทางมาของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง รัฐบาลคงเดินไปตามกรอบกฎหมายที่มีอยู่แล้ว และจะไม่มีการนำเหตุการณ์บริเวณตะเข็บชายแดน มาผูกกับสถานการณ์ในประเทศ เพื่อสร้างความวุ่นวายสับสนให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย

มาได้แต่ไม่สามารถอ้างสิทธิ์

นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าการที่สมเด็จฮุนเซน จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมทหารกัมพูชา บริเวณพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร และบริเวณปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยของไทย เพราะการมาไม่สามารถอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนได้

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะแย่ลงไปกว่าเดิมหรือไม่นั้น อย่าเพิ่งไปคิดขนาดนั้น แต่ให้รู้ว่า ไม่มีใครอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ได้เด็ดขาด และหากวันใดนายกรัฐมนตรีของไทยจะไปในพื้นที่นั้นบ้าง ก็สามารถทำได้เหมือนกับสมเด็จฮุนเซน เช่นกัน

"เทือก"จัดจนท.ในพื้นที่ต้อนรับ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน เข้ามาตรวจเยี่ยมชายแดนด้านที่ติดกับประเทศไทยว่า จำเป็นต้องให้ สมช.ทราบ และต้องดูแล ถ้าดูแลไม่ดีจะทำให้สถานการณ์มีปัญหา เหมือนเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ภายในประเทศของเรา ในชั้นนี้ได้มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่อยู่บริเวณชายแดน และแม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลให้การต้อนรับตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ถูกต้อง ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า รัฐบาลสามารถดูแลแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้

อย่างไรก็ตาม เราแจ้งไปยังกัมพูชาว่า เราไม่ต้องการให้เกิดปัญหาขึ้นตามแนวชายแดน ขอให้ใช้ความระมัดระวัง ไทยมีจุดยืนตั้งแต่ต้นแล้ว แม้ว่าจะมีเรื่องที่ไม่ลงรอย ไม่เข้าใจกัน แต่ไม่ทำอะไรให้เกิดปัญหากับประชาชนที่หากินตามแนวชายแดน

เมื่อถามว่าการเปิดโอกาสให้ผู้นำกัมพูชา ตรวจเยี่ยมกำลังพลพื้นที่แนวชายแดนอาจทำให้รู้สึกว่า เขามาแสดงสิทธิเหนือปัญหาอยู่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า นั่นคือเหตุผลที่ต้องเตรียมการดูแลต้อนรับ ยอมรับว่าพื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่กรณีพิพาท แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมาอ้างว่าเป็นพื้นที่ของตนเองเท่าที่ยังไม่ตกลงให้เรียบร้อยไม่ได้ ซึ่งได้เตือนทางฝ่ายกัมพูชาไปแล้ว

เมื่อถามว่าทางการข่าวมีรายงานหรือไม่ว่าสมเด็จฮุนเซน จะพา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่ด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่มีรายงาน เมื่อถามว่าจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาของคณะกรรมการปักปันเขตแดน (เจบีซี) หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เวลาที่มีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน ก็มีผลกระทบด้วยกันทั้งนั้น ต้องค่อยๆแก้

เมื่อถามว่านายกฯฮุนเซน เดินทางมาจะไปต้อนรับหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้อนรับตามปกติ มีระเบียบปฏิบัติกันอยู่ แต่ตนคงไม่ลงไป ยกเว้นว่านายกฯจะสั่ง เมื่อถามว่าจะอธิบายคนไทยอย่างไร ในขณะที่คนไทยรู้ว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่ทางกัมพูชากลับเดินทางมาเหมือนจะอ้างสิทธิ์ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าเราอย่าไปกระพือเรื่อง เดี๋ยวจะเกิดความรู้สึกร้าวฉานระหว่างประชาชน บางทีเขามีสิทธิ์ตรวจเยี่ยมทหารที่ชายแดน และเราก็มีสิทธิตรวจเยี่ยมทหารตามแนวชายแดนเหมือนกัน แต่ไปคนละเวลาก็แล้วกัน

เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่านายกฯฮุนเซน จะลงพื้นที่กี่วัน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ข่าวระบุว่าวันที่ 6-7 ก.พ. เนื่องจากเราไม่ได้เป็นคนออกกำหนดการให้เขา ไม่ได้ประสานกัน แต่พูดจาให้ทราบ

พร้อมลงพื้นที่แทน"มาร์ค"

เมื่อถามว่ามีโอกาสหรือไม่ที่นายกฯอภิสิทธิ์ จะลงไปเยี่ยมพื้นที่เช่นเดียวกับสมเด็จฮุนเซน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ถ้าผู้สื่อข่าวอยากลงไปเดี๋ยวตนจะพาไป ทหารของเราขวัญกำลังใจดี

เมื่อถามว่า เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำจะให้นายกฯ ลงพื้นที่เยี่ยมทหารในเขตพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวปฏิเสธว่า ตนไปเองดีกว่า

"แม้ว"อ้างอยู่ดูไบ ไม่ได้มาเขมร

ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ดอทคอม ถึงเรื่องที่มีข่าวว่าจะเดินทางไปที่เขาพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อน พร้อมกับสมเด็จฮุนเซน ว่า

"แกนนำพันธมิตรฯบอกว่า ผมจะไปทัวร์ชายแดน และไปเขาพระวิหารร่วมกับนายกฯฮุนเซน โถยังไม่เลิกข่าวมั่ว และโกหกอีกหรือ ผมอยู่ดูไบไกลกัน 7 ชม. ไร้ความคิด ? บางทีคนที่โกหกอยู่เป็นประจำ มักจะเป็นโรคจิต ในที่สุดคิดว่าสิ่งที่ตนโกหกเป็นเรื่องจริง และเชื่อเองตามนั้น สำคัญคนฟังอย่าหลงเชื่อไปด้วย เรื่องเล็กๆ ทำเป็นเรื่องใหญ่ สร้างข่าว เพราะไม่มีผลงาน แต่ละเรื่องเพิ่มความแตกแยกได้ทุกมิติ ไหนบอกว่าจะสร้างความปรองดองไง ตกภาษาไทยมั๊ง"

ทั้งนี้ มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้พยายามคาดคั้นให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดให้ชัดเจนว่าไม่ได้สนิทสนมกับสมเด็จฯฮุนเซน และจะไม่เดินทางไปที่เขาพระวิหารด้วย ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวิตข้อความโต้ตอบกลับไปว่า

" สนิทครับ แต่ไม่ไป ชัดแล้วยัง ให้ชัดอีกหน่อยก็ได้ อยู่ดูไบ และกำลังจะไปเป็นประธานเปิดธุรกิจที่อูกานดา พร้อมกับไปดูการสำรวจทำเหมืองทอง"

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้โพสข้อความตอบโต้กับผู้เล่นรายหนึ่ง ถึงกระบวนการยุติธรรม และการต่อสู้คดียึดทรัพย์ว่า

" ความเป็นธรรมต่อผมมันถูกยุติไปแล้ว มันเหลือแต่อคติ ที่มีแต่คอยกลั่นแกล้ง ถ้าเป็นฝ่ายเขาล่ะก็ ผิดก็บอกไม่ผิด ดึงบ้าง ถอนฟ้องบ้าง ผมไม่มีเท็จแน่ครับ เพราะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน ตั้งแต่ปี 2534 โดยไม่มีกฎหมายบังคับ แต่พรรคพลังธรรม ซึ่งเชิญไปเป็น รมว.ต่างประเทศ ให้ประกาศ จุดธูปรอความยุติธรรมอยู่ครับ เพี้ยง! ขอให้มีจริงเถอะ สาธุ สาธุ สาธุ"

"แม้ว" ทวิตตัดพ้อหลวงตาบัว

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ดอทคอมอีกว่า "วันที่ 7 ก.พ.นี้หลวงตาบัวจะมีการทำบุญตักบาตรข้าวเปลือก ที่วัดบ้านตาด อุดรฯ ขอเชิญชวนชาวอุดรฯร่วมทำบุญด้วยครับ หลายคนอาจงงว่าทำไมผมมาเชิญชวน หลวงตาฯเคยมีบุญคุณ มีเมตตากับผม ผมถือว่าบุญคุณต้องใช้ไม่หมด ไม่มีการโกรธผู้มีพระคุณ ได้แค่น้อยใจ เพราะท่านห้อมล้อมด้วยคนที่เกลียดผม ก็ต้องห่าง" 

พื้นที่ทับซ้อนเข้าได้แต่ต้องแจ้งก่อน

พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซ็น ลงพื้นที่เขาพระวิหาร มีนัยยะทางหารเมืองหรือไม่ว่า นายกรัฐมนตรีตอบชัดเจนไปแล้ว ส่วนนัยยะสำคัญ คงไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ว่า เกี่ยวพันกันอย่างไร ให้ถือเป็นเรื่องของกัมพูชา แต่ในฐานะพื้นที่ชายแดนมีหลักปฏิบัติวิธีการทูตอยู่แล้ว ส่วนการทหารดูแลเฉพาะพื้นที่ที่ประสานกับกระทรวงต่างประเทศว่า ต้องดูแลอย่างไร ซึ่งความสัมพันธ์ของเรากับกัมพูชายังดีอยู่ สามารถพูดคุยกันรู้เรื่อง ไม่ใช่ว่าที่แค่นี้จะมาเหยียบกันไม่ได้ เพราะมีหลักการกำหนดไว้แล้วไม่มีปัญหา ส่วนในพื้นที่และระดับสูงเรามีการพูดกันต่อเนื่อง การแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร กองทัพทำตามหลักสากล ไม่มีอะไรพิเศษ เมื่อมีแขกมาก็ต้องประสานงาน และต้อนรับ สิ่งใดไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ก็ต้องทำให้ถูกต้อง

เมื่อถามว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ยืดหยุ่นให้เข้ามาได้แค่ไหน พล.อ.พิรุณ กล่าวว่า เป็นเรื่องระดับสูงต้องพูดคุยกัน ส่วนพื้นที่ปัญหาอยู่ก็สามารถใช้ร่วมกันได้ ไม่ใช่ว่าพื้นที่นี้ใครก็ห้ามเขา แต่เหมือนกับว่าใครทำอะไรต้องบอกกัน ซึ่งต่างฝ่ายไม่ทราบว่า ตรงนั้นที่ใครจึงมีปัญหา เขาสามารถเข้ามาได้ และเราจะไปก็ต้องบอกเขา ส่วนพื้นที่ตาเมือนธม เป็นพื้นที่ของไทย หากจะเข้ามา ก็ต้องขออนุญาต เพราะเรายืนยันว่าเป็นพื้นที่ของไทย ซึ่งเขาทำเรื่องขออนุญาตมาแล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะให้เข้ามามากน้อยเพียงใด

เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศขอให้ทหารจัดกำลังไปต้อนรับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา พล.อ.พิรุณ กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นการจัดกำลัง เพราะกำลังในพื้นที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเขาจะมาก็แจ้งให้ทราบแล้วจัดผู้แทนไปต้อนรับ เหมือนมีแขกบ้านแขกเมืองมา

ทหารไทยตรึงกำลังเข้มรับ“ฮุน เซน”

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษว่า ภายหลังจากที่มีข่าวว่าสมเด็จฮุนเซน จะเดินทางมาตรวจพื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อนบริเวณรอบเขาพระวิหารชายแดนกัมพูชา-ไทย ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 6-7 ก.พ.นี้
ปรากฏว่าบรรยากาศรอบเขาพระวิหารเป็นไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากทหารไทยที่ตรึงกำลังอยู่รอบบริเวณเขาพระวิหารได้มีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ โดยมีการระดมกำลังจากทุกหน่วยมาประจำในเขตพื้นที่ล่อแหลมที่อาจเกิดการเผชิญหน้ากันขึ้นมาได้

ขณะเดียวกันทางกองกำลังสุรนารี ได้แจ้งให้ทหารไทยที่ลาพักทุกนายได้กลับเข้ามาประจำที่ฐานปฏิบัติการตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และที่บริเวณเขาพระวิหาร เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมและป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชามาตรวจพื้นที่บริเวณเขาพระวิหารดังกล่าว

ขณะเดียวกันที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ทหารไทยได้มีการตั้งด่านตรวจเข้มและไม่ยอมให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด โดยแจ้งว่า เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา อีกทั้งเพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยและรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณเขาพระวิหาร

ทั้งนี้ เนื่องจากเกรงว่าหากอนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนเขาพระวิหารเกรงจะได้รับอันตรายจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

“ฮุนเซน”เตรียมเปิดหมู่บ้านจ่อเขตไทย

มีรายงานข่าวด้านความมั่นคงแจ้งว่า ในช่วงที่สมเด็จฮุนเซน เดินทางมาเยือนในครั้งนี้ ได้มีกำหนดที่จะเดินทางมายังพื้นที่พิพาทชายแดนกัมพูชา–ไทย ด้านปราสาทตาเมือนธม บ.หนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ด้วย ซึ่งอาจเป็นในวันที่ 6 ก.พ.หรือวันที่ 7 ก.พ.นี้

ทั้งนี้ เพื่อเป็นประธานเปิดใช้ถนนเส้นทางจากบ้านกู่ อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ระยะทาง 13 กิโลเมตร มุ่งหน้าตรงมายังปราสาทตาเมือนธม ชายแดนไทย ซึ่งบุตรสาวของสมเด็จฮุนเซน เป็นผู้ร่วมรณรงค์หาเงินสนับสนุนค่าก่อสร้าง โดยขณะนี้ได้ดำเนินก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นถนนดินผสมลูกรัง พร้อมทั้งได้ทำการก่อสร้างบ้านเรือนให้ประชาชนและทหารกัมพูชา เข้ามาอาศัยใกล้กับชายแดนไทย 400 หลังคาเรือน ซึ่งทั้งถนน และหมู่บ้านแห่งใหม่ดังกล่าวอยู่ห่างจากชายแดนไทยเพียง 100 เมตรเท่านั้น และมีกระแสข่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ สมเด็จฮุนเซน จะเข้ามาใกล้ชายแดนไทยให้มากที่สุด เพื่อชมปราสาทตาเมือนธมด้วย

ทหารพรานคุมเข้ม“ตาเมือนธม”

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีทหารกัมพูชาเข้ามาประจำการอยู่ห่างจากตัวปราสาทตาเมือนธม ออกไปเพียง 50 เมตร พร้อมส่งทหารนอกเครื่องแบบไม่ติดอาวุธ เข้ามาที่ปราสาทตาเมือนธมเป็นประจำทุกวัน ภายใต้ข้อตกลงร่วมกับกองกำลังสุรนารี และทหารพราน กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 961 ของไทยที่ระบุให้ทหารกัมพูชาไม่แต่งกายเครื่องแบบทหารและไม่ติดอาวุธ เข้ามาท่องเที่ยวในเฉพาะบริเวณปราสาทตาเมือนธมได้

ส่วนบรรดาทหารกัมพูชา ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการส่วนหน้าอยู่ห่างจากชายแดนไทยไปประมาณ 100 เมตรได้มีการเตรียมกำลังพลพร้อมอาวุธ อย่างเต็มที่สำหรับการอารักขานายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่จะเดินทางมาในครั้งนี้ พร้อมทั้งได้หาข่าวความเคลื่อนไหวของทหารไทย ที่ปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 961 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ของไทยได้สั่งการให้กำลังทหารเข้มงวดในการลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการลุกล้ำเขตแดนของกองกำลังติดอาวุธและเตรียมพร้อมเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

จับตา“ฮุนเซน”เหยียบ“เขาวิหาร”

ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) กล่าวว่า ยังไม่มีการเพิ่มเติมกำลังทหารของฝ่ายไทยในพื้นที่ชายแดนขณะนี้กำลังพลยังประจำการอยู่ตามปกติ

" ล่าสุดได้รับการประสานงานจากทหารฝ่ายกัมพูชา เมื่อเช้าวันนี้ (5 ก.พ.) แจ้งว่าอยากจะพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับมาตรการในการช่วยกันดูแลความปลอดภัยให้กับสมเด็จฮุนเซน ซึ่งผมตกลงว่าในช่วงบ่ายจะเดินทางไปพบปะพูดคุยกับ พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชา ที่บริเวณผามออีแดง เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติร่วมกันในช่วงที่สมเด็จฮุนเซน เดินทางมาเยือนเขาพระวิหาร

ทั้งนี้ เพื่อจะได้ทราบว่าการปฏิบัติของทางฝ่ายกัมพูชามีอะไรบ้าง และเราจะได้ทำอะไรอย่างไร เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี เกิดความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนให้มากที่สุด"

พล.ท.วีร์วลิต กล่าวต่อว่าในเบื้องต้นการเดินทางมาของสมเด็จฮุนเซน ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ลึกๆ อะไรเรายังไม่ทราบ แต่วัตถุประสงค์หลักที่ทราบคือ ต้องการเดินทางมาเปิดหมู่บ้านธรรมชาติสีหะราชเดโช สมเด็จฮุนเซน ที่บริเวณใกล้บ้านโกมุย ใต้เขาพระวิหารในเขตประเทศกัมพูชา และมาเปิดหน่วยกองพลน้อยสนับสนุนที่ 3 พร้อมเยี่ยมเยียนให้กำลังใจบำรุงขวัญทหารของกัมพูชา ที่ปฏิบัติตามแนวชายแดนในฐานะที่สมเด็จฮุนเซน เป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เรายังไม่ทราบกำหนดการที่ชัดเจนเพียงแต่ได้รับมอบหมายจากทางรัฐบาล และทางกองทัพบก โดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้มอบหมายให้ตนดำเนินการ และจะมีเจ้าหน้าที่บางส่วนของกระทรวงที่เกี่ยวข้องอาจเข้ามาร่วมในการให้การต้อนรับ ซึ่งในรายละเอียดในช่วงบ่ายของวันนี้คงได้หารือกันชัดเจนขึ้น

เชื่อ"นช.แม้ว"ไม่กล้าโผล่หัว

กรณีที่พ.ต.ท..ทักษิณ ชินวัตร อาจร่วมเดินทางมาด้วย ได้ติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างไร พล.ท.วีร์วลิต กล่าวว่า จากฐานการข่าวที่มีอยู่ไม่ปรากฏว่า อดีตนายกฯทักษิณ อยู่ในประเทศกัมพูชา ฉะนั้นตรงนี้เรายังวิเคราะห์ว่า น่าจะไม่ได้เดินทางร่วมมาด้วย เป็นเพียงการปฏิบัติภารกิจของผู้นำทางกัมพูชาเท่านั้น

ต่อข้อถามที่ว่าหากพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาพร้อมกับสมเด็จฮุนเซน ในพื้นที่ทับซ้อนจริง จะทำอย่างไรและหนักใจหรือไม่ พล.ท.วีร์วลิต กล่าวว่า ไม่น่าหนักใจ แต่ถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาในฐานะอะไร เราคงต้องถามกันตรงนั้นก่อน อย่าเพิ่งไปคิดว่าท่านจะมา ตนเชื่อมั่นว่าอดีตนายกฯทักษิณคงไม่มาโดยไม่มีการแจ้งเตือน หรือไม่มีอะไรทั้งนั้น เพราะขณะนี้ก็ไม่ได้ปรากฏข่าวว่าท่านอยู่ในกัมพูชาด้วยซ้ำไป

"ถ้าหากท่านมาแล้วเราเจอตัวอยู่ในเขตกัมพูชาคงทำอะไรไม่ได้ เพราะของเราเป็นเพียงแต่ได้รับภารกิจในการดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน"

ยัน"ฮุนเซน" มาเขาวิหารไม่น่าห่วง

ต่อข้อถามที่ว่าหากสมเด็จฮุนเซน พร้อมกองกำลังคุ้มครองความปลอดภัยข้ามเข้ามายังพื้นที่ทับซ้อนที่ทหารไทยลาดตระเวนอยู่ ได้เตรียมการไว้อย่างไร พล.ท.วีร์วลิต กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องขอดูกันก่อนว่าการที่จะข้ามเข้ามาเข้ามาอย่างไร แต่ถ้าหากติดอาวุธเข้ามาในเขตที่ไทยเรารับผิดชอบ หรือเป็นพื้นที่ของเรา เราคงยอมไม่ได้ เราอาจต้องมีการปลดอาวุธเหล่านี้

ส่วนการเดินทางมาเยือนเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาครั้งนี้เหมือนกับเป็นการมาแสดงความเป็นเจ้าของหรือไม่นั้น พล.ท.วีร์วลิต กล่าวว่า ก็ไม่เชิงในการที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ เพราะขณะนี้เพียงแต่เขายื่นความประสงค์ว่า อยากขึ้นมาที่ปราสาทพระวิหาร มาเยี่ยมกำลังพลของเขา และอาจมีโอกาสขึ้นมาเยี่ยมเยียนทางปราสาทตาเมือนธม ด้านจ.สุรินทร์ รวมถึง อาคารตรีมุก ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ด้วย

"จากการข่าวขณะนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง และไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงอะไร เพราะท่าที่ต่างๆ ที่ฝ่ายกัมพูชาได้โทรศัพท์ติดต่อประสานมา เขาก็อยากให้เหตุการณ์ต่างๆ มีความสงบเรียบร้อย มีความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้นำของเขา"
พล.ท.วีร์วลิต กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนในพื้นที่ชายแดนเขาพระวิหารนั้นขณะนี้ทหารเราได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยทหารต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ได้ออกประชาสัมพันธ์ว่าไม่ต้องไปตื่นตระหนก หรือวิตกกังวลในสถานการณ์ต่างๆนี้ ตนคิดว่าไม่น่าจะขยายวงหรือก่อให้เหตุการณ์ใด ทางกองทัพภาคที่ 2 เราพร้อมที่จะรับสถานการณ์ แต่ขณะเดียวกันอยากจะให้มีความสงบเรียบร้อยที่สุด จะไม่ให้กระทบต่อประชาชนของทั้ง 2 ฝั่ง

"วีระ"ชี้"ฮุนเซน"หวังตบตาชาวโลก

นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน และภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีเขาพระวิหาร เปิดเผยผ่านรายการทางสถานีวิทยุคลื่น FM 103.00 MHz ว่า สมเด็จฮุนเซน จะมีกำหนดการจะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องดินแดนตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ที่กำลังมีข้อพิพาทอยู่ในขณะนี้ สืบเนื่องมาจากการที่ประเทศกัมพูชา ไม่สามารถได้รับรองให้บริเวณประสาทเขาพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ 4.6 ตารางกิโลเมตร ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมานั้นเอง ซึ่งหากไม่คัดค้านไม่มีการนำข้อมูลไปเปิดเผยต่อสังคมชาวโลกได้รับทราบกัน ป่านนี้ก็คงจะเดินหน้าและประกาศพื้นที่เข้าพระวิหารให้เป็นมรดกโลกไปแล้ว

"แต่จากการที่ประชาชนผู้รักชาติได้นำข้อมูลออกมาเปิดเผยข้อมูลนี้ทำให้ สมเด็จฮุน เซน ไม่สมารถขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารได้ ตอนนี้ทางการกัมพูชาก็พยายามอีกครั้งหนึ่ง โดยการลงพื้นที่มาตรวจพื้นที่บริเวณภูมะเขือ โดยจะทำการขึ้นเฮลิปคอบเตอร์มาลงที่บ้านโพนมุยแล้วก็จะเดินขึ้นมา นั้นหมายความว่าพื้นที่ที่เดินขึ้นมาทั้งหมด หากทางการไทยไม่ผลักดันเขาออกไปเขาจะประกาศเลยว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นแผ่นดินของเขา ซึ่งจากการที่เราเคยเปิดเผยข้อมูลไปแล้วนั้นว่าทางการกัมพูชาได้มีการทำถนนตัดผ่านขึ้นมายังเขาพระวิหารมาแล้วนั้น และนี้จะเป็นสิ่งที่ทางการกัมพูชาจะใช้ยืนยันกับทางยุเนสโกว่าเป็นแผ่นดินของกัมพูชา เพราะหากทางประเทศหรือทหารไทยไม่ออกไปคัดค้านเค้าก็จะนำสิ่งนี้ไปเป็นหลักฐานได้"

นัดผู้รักชาติรวมตัวกันทรลักษณ์เสาร์นี้

นายวีระ กล่าวต่อว่า การเข้ามาในครั้งนี้ของสมเด็จฮุน เซน จะไม่มีการผ่านระบบตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจะแสดงว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของกัมพูชา จุดนี้เองที่จะต้องตำหนิรัฐบาลไทยและทหารไทย ซึ่งทหารเองรับรู้รับทราบเรื่องนี้มานานกว่า 2 สัปดาห์แล้วแต่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้กับคนไทยด้วยกัน รัฐบาลก็รับทราบแต่ก็ไม่พูดเรื่องนี้ให้คนไทยรับรู้เลย ซึ่งในวันเสาร์ที่ 6 ก.พ.นี้สมเด็จฮุน เซน จะมาทำอย่างที่พูดแน่นอน

"ในวันนี้ (6ก.พ.) เวลา 08.00 น. กลุ่มเราจะไปรวมตัวกันที่บริเวณศาลหลักเมือง อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีษะเกษ การไปครั้งนี้เราจะไปแสดงจุดยืนของประเทศไทย ซึ่งเราจะอยู่ตรงที่เราปลอดภัย เป็นจุดที่ทางการไทยสามารถรักษาความปลอกภัยเราได้ จึงอยากฝากบอกถึงคนไทยที่รักประเทศชาติ อยากตอบแทนคุณแผ่นดิน และมีความพร้อมขอเชิญร่วมชุมนุม" นายวีระ กล่าว

เขตแดนไม่ชัดขึ้นมรดกโลกไม่ได้

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการมรดกโลก กรณีปราสาทพระวิหาร มีความคืบหน้าอย่างไรบ้างว่า ในส่วนของคณะกรรมการฯ จะมีการประชุมในเดือนก.ค.-ส.ค. ที่ บราซิล เวลาในเรื่องกระบวนการส่งเอกสารก็ได้ดำเนินการตามปกติ แต่เนื่องจากว่า การกำหนดขอบเขตในเรื่องของพื้นที่มรดกโลกในเรื่อง ปราสาทพระวิหารนั้น มีประเด็นที่จะต้องเจรจากันในคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา ( JBC ) ที่ยังไม่มีการประชุมกันลงในพื้นที่ เพื่อปักปันเขตแดนที่ชัดเจน

ฉะนั้นตรงนี้ต้องรอจนกว่าเรื่องเขตแดนจะชัดเจนก่อน จากนั้นคณะกรรมการมรดกโลกก็คงจะพิจารณาได้ เพราะในเงื่อนไขข้อบังคับของคณะกรรมการมรดกโลก เขียนไว้ชัดเจนว่า ขอบเขตของพื้นที่ที่จะประกาศเป็นพื้นที่มรดกโลกนั้น ต้องมีขอบเขตที่ชัดเจน ดังนั้นการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของปราสาทพระวิหาร จึงยังไม่สมบูรณ์ เพราะขอบเขตยังไม่ชัดเจน

จี้"มาร์ค"รักษาอธิปไตยของไทย

มล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ แกนนำเครือข่ายผู้ติตดามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร เข้ายื่นหนังสือผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลดำเนินการใดๆให้เป็นไปตามหลักการและกฎหมาย เพื่อรักษาอธิปไตย และดินแดน กรณีนายกฯฮุนเซน และนช.ทักษิณ จะเดินทางเข้ามาที่ปราสาทเขาพระวิหาร และพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรของไทย ในวันที่ 6 ก.พ.นี้
เครือข่ายฯเห็นว่า การเดินทางมาของอดีตผู้นำไทยและผู้นำกัมพูชา อยู่ในห้วงเวลาที่เป็นเส้นตายของการดำเนินการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ตามมติของคณะกรรมการมรดกโลก และตามเงื่อนไขขององค์การ UNESCO ทั้งๆ ที่รัฐบาลไทยได้ตอบประชาชนชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชา และทั้งๆ ที่ประชาชนไทยได้คัดค้าน ไม่เฉพาะเรื่องการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงนัยเดียวเท่านั้น

หากแต่ยังคัดค้านเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน 4.6 ตร.กม. เป็นพื้นที่อนุรักษ์ และ/หรือ พื้นที่พัฒนาร่วมก็ตาม และนอกจากนี้ประชาชนไทยยังคัดค้านต่อการดำเนินการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ขององค์การ UNESCO พร้อมกับขอให้องค์การ UNESCO ยึดหลักธรรมภิบาล และการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ ความสงบสุข และการใช้เหตุผลมา 3 ครั้งแล้ว

ทั้งนี้ ยังเห็นว่า อยู่ในห้วงเวลาที่สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย มีความสับสนวุ่นวายเนื่องมาจากใกล้ถึงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของนช.ทักษิณ จึงทำให้เหตุการณ์ปัญหาชายแดนมีความซ้ำซ้อนยิ่งขึ้น

เครือข่ายฯ ตั้งคำถามว่า ประชาชนไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และมีหน้าที่พลเมืองตามรัฐธรรมนูญ จะไปช่วยกันตรวจสอบว่ามีการการรุกล้ำอธิปไตยและดินแดนไทยจากกัมพูชา ในวันดังกล่าวได้หรือไม่ การดำเนินการของรัฐบาลกัมพูชา ยังยึดนโยบายสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้อง มีอำนาจเป็นผู้บริหารประเทศอยู่หรือไม่ ทั้งๆที่คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง และศาลอาญาคดีการเมืองออกมาชัดเจนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.52 และ1 ก.พ.53 ตามลำดับ

ทั้งนี้ ประชาชนประสงค์ขอให้รัฐบาลกำชับเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันปกป้องรักษาอธิปไตย และดินแดนไทยร่วมมือและเอื้ออำนวยให้ภาคประชาชนได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายดำเนินการใดๆให้เป็นไปตามหลักการและกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อธำรงให้ราชอาณาจักรเป็นอันหนึ่งอันเดียว และไม่อาจแบ่งแยกได้
กำลังโหลดความคิดเห็น