xs
xsm
sm
md
lg

อินโดหนุนมาบตาพุดญี่ปุ่นย้ำไม่ย้ายฐาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปิโตรเคมีอินโดฯ พบมาร์ค การันตี ลงทุนในมาบตาพุดไม่มีปัญหา ด้านประธาน JCC แถลงนักธุรกิจญี่ปุ่น 395 บริษัท ส่วนใหญ่ยังมั่นใจเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น เผย 177 บริษัท จะขยายต่อไม่มีย้ายฐาน ส่วน162 บริษัท ย้ำขยายธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น

วานนี้(5 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้อนรับ นายสถาพร กวิตานนท์ ประธานบริษัท อินโดรามา ปิโตรเคมี จำกัด ที่นำผู้บริหารของบริษัทฯ The Indorama Group ของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมต่อเนื่องของโพลีเอสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก และได้เข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2537 และมีผลการดำเนินการดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยล่าสุดเพิ่งมีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2553
นายอภิสิทธิ์ ได้สอบถามถึง การดำเนินการผลิตสินค้าในโรงงานของบริษัทฯที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมในมาบตาพุต ว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคหรือไม่ ซึ่งผู้บริหารบริษัท Indorama กล่าวว่า ขณะนี้ ทางบริษัทฯกำลังจัดทำมาตรการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และจะมีการนำมาใช้เร็วๆนี้ ซึ่งไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัท โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความพอใจและกล่าวขอบคุณที่บริษัทฯให้ความไว้วางใจมาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทั้งยังปฏิบัติตามกฎระเบียบ และขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ด้านนาย SP Lohia ประธานกรรมการบริษัท Indorama Venture Public Company Limited ได้กล่าวชื่นชมการทำงานของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการบริหารงานด้านเศรษฐกิจและการสนับสนุนการลงทุนของนักลงทุนชาวต่างชาติ ซึ่งแม้ว่าบริษัทฯ จะมีสาขาอยู่ในหลายประเทศ ทั้งยุโรป เอเชียและสหรัฐฯ แต่ทางบริษัทฯเลือกที่จะจดทะเบียนในประเทศไทยและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตใหญ่ เนื่องจากมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน และเห็นว่าไทยสามารถเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้
นายมุเนโนริ ยามาดะ ประธานคณะกรรมการวิจัยทางเศรษฐกิจ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) แถลงผลสำรวจแนวโน้มเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยระบุว่า 395 บริษัท ส่วนใหญ่ยังมั่นใจว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังไม่ดีเหมือนปี 2550 โดยทุกอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น แต่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง
ทั้งนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ มองตรงกันว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน โดยจากการสำรวจพบว่านักลงทุนญี่ปุ่น 48% หรือจำนวน 177 บริษัท จะขยายธุรกิจในประเทศไทย โดยไม่มีการย้ายฐานของธุรกิจ ส่วนที่เหลืออีก 44% หรือจำนวน 162 บริษัท จะขยายธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น
สำหรับผลกระทบจากปัญหามาบตาพุด นักลงทุนก็กังวลถึงผลกระทบทางตรงในหลายอุตสาหกรรม เช่น เคมี ก่อสร้าง งานวิศวกรรม เหล็ก และพบว่า มีเพียง 4 บริษัท หรือคิดเป็น 1% ที่อาจทบทวนแผนการลงทุน ส่วนแนวโน้มการส่งออก กลุ่มตัวอย่าง 51% มีความเชื่อว่า จะปรับดีขึ้นในครึ่งปีแรกของปีนี้ แต่ยังไม่ฟื้นกลับไปถึงระดับเดิมในปี 2550
กำลังโหลดความคิดเห็น