ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความขัดแย้งกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ว่า เรื่องนี้จบลงในพรรคแล้ว และจะไม่ขอพูดเรื่องนี้อีก เมื่อที่ประชุมพรรคเห็นด้วยให้ตนทำหน้าที่ประธานส.ส. และเป็นหัวหน้าทีมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตนก็พร้อมจะทำหน้าที่
"ผมเป็นดาวฤกษ์ มีแสงในตัวเองแต่อาจไม่มาก ไม่เหมือนกับบางคนที่ทำตัวเป็นดาวเคราะห์ ที่ต้องคอยพึ่งแสงสว่างจากดาวอื่น แต่เรื่องนี้จบแล้ว และจะไม่มีการพูดกันอีก" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
**แบ่งกทม.3โซนแก้รวบอำนาจ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ตนได้เสนอให้พรรคเพื่อไทย จัดการบริหารเขตพื้นที่กทม.ใหม่ เพราะกทม.ใหญ่เกินกว่าที่คนๆเดียวจะดูแลได้ จึงเสนอให้แบ่งคนดูแลทั้งในฝั่งธนบุรี และฝั่งพระนคร ถ้าพรรคเห็นด้วยว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องที่พรรคจะมีความเห็น ทั้งนี้ที่ตนเสนอเพราะไม่อยากให้มีการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊วนกันในพรรค ใครอยากจะสมัครเป็นส.ส. ก็ควรให้ที่ประชุมผู้บริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับอำนาจของคนๆเดียว เช่น ถ้าตนเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่กทม.ฝั่งธนบุรี การคัดเลือกผู้สมัครส.ส.ในส่วนนี้ ตนก็ต้องเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา วันนี้พวกเราจะทำสงครามก็ไม่ควรที่จะมารบกันเอง ต้องจัดทัพ อย่าแตกแยก แบบนี้มันเสียของ แค่เรารบกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะตายอยู่แล้ว
**ไม่ให้ลูกหัวแก้วหัวแหวนลงส.ส.กทม.
สำหรับกรณีของบุตรชายตนนั้น ขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า จะไม่ให้ลงสู่สนามเลือกตั้งกทม.เด็ดขาด แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็เป็นอีกเรื่อง เพราะต้องอยู่ในภูมิลำเนาในพื้นที่นั้นๆ 5 ปี ถึงจะมีคุณสมบัติเป็นผู้สมัครส.ส.ได้ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับพรรคว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะตนไม่ใช่คนที่ต้องการสร้างความแตกแยก แม้ว่าจะมีคนๆ เดียวที่ไม่ต้องการให้ลงก็ตาม
**เมินต่อสายคุย"เจ๊หน่อย"
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการต่อสายพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนจะมีการต่อสายพูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ด้วยหรือไม่นั้นร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ใคร สุดารัตน์ไหน เป็นใครถึงต้องไปต่อสาย ไปคุยไม่ได้เดี๋ยวติดคุก เพราะเขาเล่นการเมืองไม่ได้
**ส.ส.ภาคกทม.ถกเคลียร์ปัญหา
เมื่อเวลา 14.00น. วานนี้ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ในฐานะประธานภาคกทม. ได้เรียกประชุม ส.ส.และสก. เพื่อหารือกรณี ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาโจมตี คุณหญิงสุดารัตน์ อดีตประธานภาคกทม. อย่างรุนแรง
นายวิชาญ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมขอแถลงการณ์ถึงจุดยืนภาค กทม.ว่า 1. สมาชิกภาคกทม. ต้องปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มความสามารถเพื่อประชาชน 2. ต้องปฏิบัติเป็นหนึ่งเดียวไม่มีการแบ่งแยก 3. การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องปฏิบัติหน้าที่บนพื้นฐานเพื่อประโยชน์กับประชาชน และไม่แสวงหาผลประโยชน์ 4. ภาคกทม.สนับสนุนให้ผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เราจะพิจารณาคนที่มีความรู้ สมาชิกไว้วางใจ โดยตรงนี้ จะปฏิบัติตามมติพรรค ส่วนจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม หรือไม่ก็ ต้องเป็นไปตามมติพรรค
ส่วนกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับภาคกทม. แต่เป็นคนที่เราเคารพนับถือ เคยทำงานร่วมกันมา ดังนั้นไม่สมควรอย่างยิ่งที่ใครๆจะไปต่อว่า ท่านไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวภาคกทม. ท่านทำหน้าที่ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย เพียงอย่างเดียว
**ให้"เหลิม"อภิปรายภาพรวม
ส่วนกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นหน้าที่ของพรรค และในการประชุมพรรคให้ร.ต.อ.เฉลิม อภิปรายในภาพรวม ภาค กทม.ก็ยอมรับ รวมทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ก็ต้องสร้างความสามัคคีให้กับมวลสมาชิกทำงานให้เต็มที่ พวกเราไม่เคยคิดสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้กับร.ต.อ.เฉลิม สำหรับกรณี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายอนุสรณ์ ปั้นทอง ส.ส.กทม. ที่ถูกพาดพิงว่าเคยให้สัมภาษณ์โจมตี ร.ต.อ.เฉลิมนั้น ได้มีการปรับความเข้าใจ และขอโทษกันไปแล้ว พวกเราก็จะยุติการให้สัมภาษณ์และจะทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจให้เต็มที่
ส่วนเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม เสนอให้แบ่งโซนกทม. นายวิชาญ กล่าวว่า ขอให้เป็นมติของที่ประชุมพรรค อย่างไรก็ดี พรรคให้ความเคารพร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะประธานภาค ส.ส.ไม่ได้โกรธและเกลียดท่าน
เมื่อถามว่าร.ต.อ.เฉลิม อาจน้อยใจ การเลือกตั้งครั้งที่แล้วลูกไม่ได้ลงสมัคร ส.ส นายวิชาญ กล่าวว่าไม่มี และร.ต.อ.เฉลิม แถลงแล้ว ไม่ได้ต้องการส่งลูกลงเลือกตั้ง หากจะส่งก็เป็นเอกสิทธิ์ มีกรรมการพิจารณาอยู่แล้ว
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้ากลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า ในส่วนของส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา ยังจงรักภักดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งพวกเราไม่เคยมีปัญหากับร.ต.อ.เฉลิม ตอนนี้อยากให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียว เพื่อต้องการให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมีความเข้มข้นจริงจัง ส่วนตัวเห็นว่าร.ต.อ.เฉลิม เหมาะสมเป็นผู้นำการอภิปราย การขัดแย้งมีขึ้นได้ หากเป็นความขัดแย้งในหลักการ
นายวัฒนา เซ่งไพเราะ อดีตส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่เคยแสดงออกว่ามีปัญหากับ ร.ต.อ.เฉลิม นี่คงเป็นครั้งแรกที่ ร.ต.อ.เฉลิมแสดงออกว่าไม่ แฮปปี้กับคุณหญิง เข้าใจว่า ร.ต.อ.เฉลิม อาจมีเรื่องน้อยใจบางเรื่องที่ต้องทำงานหนัก พอถึงเวลาเลยระเบิดออกมา แต่เป็นอย่างนี้ก็ดี ผู้บริหารในพรรคจะได้คิดปรับเปลี่ยนอะไรกันบ้างในพรรค หากคิดจะทำงานใหญ่ต่อไป
นายวัฒนา ยังกล่าวติดตลกถึงเหตุการณ์ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ตำหนิ น.อ.อนุดิษฐ์ อย่างรุนแรงว่า "เราก็อยู่ในเหตุการณ์ ยังคิดเลยว่า ถ้าป๊อบ (น.อ.อนุดิษฐ์) มันมีอารมณ์หน่อย คงได้ชกไปแล้ว นี่ยังดีไม่มีอะไร"
**"เทือก"ไม่ให้ราคา"เหลิม"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ก็รู้สึกไม่สบายใจ อยากเห็นพรรคการเมืองทุกพรรคเป็นปึกแผ่น ต่างคนต่างทำหน้าที่ "ผมรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเห็นเขาทะเลาะกัน"
เมื่อถามย้ำว่า ตรงนี้จะส่งผลไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่อาจจะทำให้รัฐบาลรู้สึกสบายใจขึ้นหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขาได้ เอาใจช่วย
ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม วิเคราะห์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ อยากให้พรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายเร็ว จะได้มีข้อต่อรองในเรื่องกระทรวง หากจะต้องมีการปรับครม. และประชาธิปัตย์อาจจะเอากระทรวงหลักกลับคืนจากพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ตนต้องขอบอกว่า ตนรู้จักร.ต.อ.เฉลิม มานาน และตนเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อถือร.ต.อ.เฉลิมเลย
ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องของลิ้นกับฟันก็ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง คิดว่าเขาคงเคลียร์กันได้
**อยากเป็นนายกฯต้องพิสูจน์ตัวเอง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความขัดแย้งของทั้งสองคน ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริง หรือเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมา แต่คิดว่าจากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยวันนี้เหมือนไก่ตรุษจีนที่อยู่เข่งเดียวกัน และกำลังจิกกันเอง รอเพียงเถ้าแก่จะเอาไปเชือดไหว้เจ้า ดังนั้นชะตากรรมของไก่ในเข่ง จึงอยู่ที่เถ้าแก่ว่าจะชุบเลี้ยงเพื่อขุนต่อ หรือจะรอให้ถูกเชือด ซึ่งที่น่าเห็นใจคือ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเป็นคนที่ทำงานให้พรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด น่าที่จะยอมรับได้ ดังนั้นร.ต.อ.เฉลิม ต้องพยายามทำความจริงกรณีนี้ใปรากฎขึ้นว่าตัวเองได้ทำงานจนเป็นที่ยอมรับของคนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ถ้าไม่สามารถทำให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยยอมรับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม ให้เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าได้รับความไว้วางใจจากส.ส.พรรคเพื่อไทยมากน้อยเพียงใด ซึ่งหาก ร.ต.อ.เฉลิม ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ ก็อย่าฝันที่จะไปนั่งตำแหน่งนายกฯ ที่เคยประกาศว่าจะขอเป็นแค่ 6 เดือนแล้วจะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย ตนขอเตือนว่า อย่าฝันตอนกลางวัน
"ผมเป็นดาวฤกษ์ มีแสงในตัวเองแต่อาจไม่มาก ไม่เหมือนกับบางคนที่ทำตัวเป็นดาวเคราะห์ ที่ต้องคอยพึ่งแสงสว่างจากดาวอื่น แต่เรื่องนี้จบแล้ว และจะไม่มีการพูดกันอีก" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
**แบ่งกทม.3โซนแก้รวบอำนาจ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ตนได้เสนอให้พรรคเพื่อไทย จัดการบริหารเขตพื้นที่กทม.ใหม่ เพราะกทม.ใหญ่เกินกว่าที่คนๆเดียวจะดูแลได้ จึงเสนอให้แบ่งคนดูแลทั้งในฝั่งธนบุรี และฝั่งพระนคร ถ้าพรรคเห็นด้วยว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องที่พรรคจะมีความเห็น ทั้งนี้ที่ตนเสนอเพราะไม่อยากให้มีการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊วนกันในพรรค ใครอยากจะสมัครเป็นส.ส. ก็ควรให้ที่ประชุมผู้บริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับอำนาจของคนๆเดียว เช่น ถ้าตนเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่กทม.ฝั่งธนบุรี การคัดเลือกผู้สมัครส.ส.ในส่วนนี้ ตนก็ต้องเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา วันนี้พวกเราจะทำสงครามก็ไม่ควรที่จะมารบกันเอง ต้องจัดทัพ อย่าแตกแยก แบบนี้มันเสียของ แค่เรารบกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะตายอยู่แล้ว
**ไม่ให้ลูกหัวแก้วหัวแหวนลงส.ส.กทม.
สำหรับกรณีของบุตรชายตนนั้น ขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า จะไม่ให้ลงสู่สนามเลือกตั้งกทม.เด็ดขาด แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็เป็นอีกเรื่อง เพราะต้องอยู่ในภูมิลำเนาในพื้นที่นั้นๆ 5 ปี ถึงจะมีคุณสมบัติเป็นผู้สมัครส.ส.ได้ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับพรรคว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะตนไม่ใช่คนที่ต้องการสร้างความแตกแยก แม้ว่าจะมีคนๆ เดียวที่ไม่ต้องการให้ลงก็ตาม
**เมินต่อสายคุย"เจ๊หน่อย"
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการต่อสายพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนจะมีการต่อสายพูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ด้วยหรือไม่นั้นร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ใคร สุดารัตน์ไหน เป็นใครถึงต้องไปต่อสาย ไปคุยไม่ได้เดี๋ยวติดคุก เพราะเขาเล่นการเมืองไม่ได้
**ส.ส.ภาคกทม.ถกเคลียร์ปัญหา
เมื่อเวลา 14.00น. วานนี้ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ในฐานะประธานภาคกทม. ได้เรียกประชุม ส.ส.และสก. เพื่อหารือกรณี ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาโจมตี คุณหญิงสุดารัตน์ อดีตประธานภาคกทม. อย่างรุนแรง
นายวิชาญ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมขอแถลงการณ์ถึงจุดยืนภาค กทม.ว่า 1. สมาชิกภาคกทม. ต้องปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มความสามารถเพื่อประชาชน 2. ต้องปฏิบัติเป็นหนึ่งเดียวไม่มีการแบ่งแยก 3. การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องปฏิบัติหน้าที่บนพื้นฐานเพื่อประโยชน์กับประชาชน และไม่แสวงหาผลประโยชน์ 4. ภาคกทม.สนับสนุนให้ผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เราจะพิจารณาคนที่มีความรู้ สมาชิกไว้วางใจ โดยตรงนี้ จะปฏิบัติตามมติพรรค ส่วนจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม หรือไม่ก็ ต้องเป็นไปตามมติพรรค
ส่วนกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับภาคกทม. แต่เป็นคนที่เราเคารพนับถือ เคยทำงานร่วมกันมา ดังนั้นไม่สมควรอย่างยิ่งที่ใครๆจะไปต่อว่า ท่านไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวภาคกทม. ท่านทำหน้าที่ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย เพียงอย่างเดียว
**ให้"เหลิม"อภิปรายภาพรวม
ส่วนกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นหน้าที่ของพรรค และในการประชุมพรรคให้ร.ต.อ.เฉลิม อภิปรายในภาพรวม ภาค กทม.ก็ยอมรับ รวมทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ก็ต้องสร้างความสามัคคีให้กับมวลสมาชิกทำงานให้เต็มที่ พวกเราไม่เคยคิดสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้กับร.ต.อ.เฉลิม สำหรับกรณี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายอนุสรณ์ ปั้นทอง ส.ส.กทม. ที่ถูกพาดพิงว่าเคยให้สัมภาษณ์โจมตี ร.ต.อ.เฉลิมนั้น ได้มีการปรับความเข้าใจ และขอโทษกันไปแล้ว พวกเราก็จะยุติการให้สัมภาษณ์และจะทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจให้เต็มที่
ส่วนเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม เสนอให้แบ่งโซนกทม. นายวิชาญ กล่าวว่า ขอให้เป็นมติของที่ประชุมพรรค อย่างไรก็ดี พรรคให้ความเคารพร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะประธานภาค ส.ส.ไม่ได้โกรธและเกลียดท่าน
เมื่อถามว่าร.ต.อ.เฉลิม อาจน้อยใจ การเลือกตั้งครั้งที่แล้วลูกไม่ได้ลงสมัคร ส.ส นายวิชาญ กล่าวว่าไม่มี และร.ต.อ.เฉลิม แถลงแล้ว ไม่ได้ต้องการส่งลูกลงเลือกตั้ง หากจะส่งก็เป็นเอกสิทธิ์ มีกรรมการพิจารณาอยู่แล้ว
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้ากลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า ในส่วนของส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา ยังจงรักภักดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งพวกเราไม่เคยมีปัญหากับร.ต.อ.เฉลิม ตอนนี้อยากให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียว เพื่อต้องการให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมีความเข้มข้นจริงจัง ส่วนตัวเห็นว่าร.ต.อ.เฉลิม เหมาะสมเป็นผู้นำการอภิปราย การขัดแย้งมีขึ้นได้ หากเป็นความขัดแย้งในหลักการ
นายวัฒนา เซ่งไพเราะ อดีตส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่เคยแสดงออกว่ามีปัญหากับ ร.ต.อ.เฉลิม นี่คงเป็นครั้งแรกที่ ร.ต.อ.เฉลิมแสดงออกว่าไม่ แฮปปี้กับคุณหญิง เข้าใจว่า ร.ต.อ.เฉลิม อาจมีเรื่องน้อยใจบางเรื่องที่ต้องทำงานหนัก พอถึงเวลาเลยระเบิดออกมา แต่เป็นอย่างนี้ก็ดี ผู้บริหารในพรรคจะได้คิดปรับเปลี่ยนอะไรกันบ้างในพรรค หากคิดจะทำงานใหญ่ต่อไป
นายวัฒนา ยังกล่าวติดตลกถึงเหตุการณ์ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ตำหนิ น.อ.อนุดิษฐ์ อย่างรุนแรงว่า "เราก็อยู่ในเหตุการณ์ ยังคิดเลยว่า ถ้าป๊อบ (น.อ.อนุดิษฐ์) มันมีอารมณ์หน่อย คงได้ชกไปแล้ว นี่ยังดีไม่มีอะไร"
**"เทือก"ไม่ให้ราคา"เหลิม"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ก็รู้สึกไม่สบายใจ อยากเห็นพรรคการเมืองทุกพรรคเป็นปึกแผ่น ต่างคนต่างทำหน้าที่ "ผมรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเห็นเขาทะเลาะกัน"
เมื่อถามย้ำว่า ตรงนี้จะส่งผลไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่อาจจะทำให้รัฐบาลรู้สึกสบายใจขึ้นหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขาได้ เอาใจช่วย
ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม วิเคราะห์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ อยากให้พรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายเร็ว จะได้มีข้อต่อรองในเรื่องกระทรวง หากจะต้องมีการปรับครม. และประชาธิปัตย์อาจจะเอากระทรวงหลักกลับคืนจากพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ตนต้องขอบอกว่า ตนรู้จักร.ต.อ.เฉลิม มานาน และตนเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อถือร.ต.อ.เฉลิมเลย
ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องของลิ้นกับฟันก็ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง คิดว่าเขาคงเคลียร์กันได้
**อยากเป็นนายกฯต้องพิสูจน์ตัวเอง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความขัดแย้งของทั้งสองคน ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริง หรือเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมา แต่คิดว่าจากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยวันนี้เหมือนไก่ตรุษจีนที่อยู่เข่งเดียวกัน และกำลังจิกกันเอง รอเพียงเถ้าแก่จะเอาไปเชือดไหว้เจ้า ดังนั้นชะตากรรมของไก่ในเข่ง จึงอยู่ที่เถ้าแก่ว่าจะชุบเลี้ยงเพื่อขุนต่อ หรือจะรอให้ถูกเชือด ซึ่งที่น่าเห็นใจคือ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเป็นคนที่ทำงานให้พรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด น่าที่จะยอมรับได้ ดังนั้นร.ต.อ.เฉลิม ต้องพยายามทำความจริงกรณีนี้ใปรากฎขึ้นว่าตัวเองได้ทำงานจนเป็นที่ยอมรับของคนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ถ้าไม่สามารถทำให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยยอมรับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม ให้เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าได้รับความไว้วางใจจากส.ส.พรรคเพื่อไทยมากน้อยเพียงใด ซึ่งหาก ร.ต.อ.เฉลิม ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ ก็อย่าฝันที่จะไปนั่งตำแหน่งนายกฯ ที่เคยประกาศว่าจะขอเป็นแค่ 6 เดือนแล้วจะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย ตนขอเตือนว่า อย่าฝันตอนกลางวัน