xs
xsm
sm
md
lg

ราชภัฏเชียงรายยอมถอย-งดให้แดงถ่อยจัดเวที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชียงราย – ราชภัฏเชียงรายยอมถอยหลังถูกวิจารณ์หนัก งดให้ “หางแดง” ใช้สถานที่เปิดเวทีปราศรัยชั่วคราว ทำให้กลุ่มเสื้อแดงหันไปใช้พื้นที่หน้าโรงแรมกลุ่มทุนเครือข่ายพรรคเพื่อไทย–ถนนสาธารณะ บริเวณกลางเมืองเหมือนที่เคยทำก่อนหน้านี้ ขณะที่พ่อตา ส.ส.พท.เชียงราย เปิดโรงแรมอบรมนักเรียน นปช.14 ก.พ.นี้ ด้านสมาชิกบ้านเลขที่ 111 พ่อ ส.ส.เชียงราย เตรียมหาที่เปิดเกมปลุกระดมคนเช่นกัน

รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ในพื้นที่ จ.เชียงราย นำโดยนายจิรโชติ อุ่นนะ และนายณรงค์ ทิพย์นวล จากกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 ได้จัดประชุมร่วมกับบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงทั่วเชียงราย ภายในร้าน RED SHOP ซึ่งเป็นร้านอาหารของทั้งสองคน และปัจจุบันถูกใช้ศูนย์ประสานงานเสื้อแดงเชียงราย ตั้งอยู่ข้างโรงแรมวังคำ ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อปรึกษาหารือในการจัดวเทีปราศรัยใหญ่และจัดอบรมโรงเรียน นปช.

โดยครั้งนี้มีแกนนำเข้าร่วมเกือบทุกกลุ่มรวมทั้งหมดประมาณ 30 คน เช่น นายธนิต บุญญนสินีเกษม จากกลุ่มพลังมวลชนเชียงราย ,นายวีระ ชมภูวิเศษ แกนนำกลุ่มคนเจียงฮายฮักประชาธิปไตย และมีรายงานด้วยว่านายสมควร สุตะวงค์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านแซว อ.เชียงแสน เดินทางไปร่วมในการประชุมด้วย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การประชุมดังกล่าวได้ข้อสรุปว่าจะมีการจัดอบรมโรงเรียน นปช.เชียงรายขึ้น วันที่ 14 ก.พ.นี้ ณ โรงแรมวังทอง ต.แม่สาย อ.แม่สาย ติดพรมแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย และเป็นกิจการในเครือญาติ (พ่อตา) ของนายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย เขต 3 พรรคเพื่อไทย โดยกำหนดเริ่มอบรมตั้งแต่เช้า-เย็น และให้ลงทะเบียนในเวลา 07.00 น.เป็นต้นไป ตั้งเป้าจะให้มีผู้เข้ารับการอบรมประมาณ 700 คน โดยจัดเก็บค่าลงทะเบียนคนละ 130 บาทเป็นฉากบังหน้า แต่ที่จริงมีรายงานว่ามี ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นคนเสียค่าใช้จ่ายในรายการนี้ให้แล้ว

วันเดียวกัน (14 ก.พ.) ยังกำหนดให้มีการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป โดยผู้เข้ารับการอบรมจะยกขบวนกันไปร่วมเวทีบริเวณท่าเรือล้านช้าง ต.เวียง อ.เชียงแสน ติดกับสามเหลี่ยมทองคำและแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว โดยอาจจะมีแกนนำจากแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) เชียงราย 52 เช่น นายวีระ มุสิกพงษ์, นายแพทย์เหวง โตจิราการ ฯลฯ เดินทางไปร่วมเวทีด้วย
ด้านสภาแดงล้านนาก็มีความพยายามจะจัดกิจกรรมเช่นกัน หลังจากก่อนหน้านี้ได้เคยประสานขอใช้สนามของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรช.) และสถานที่ราชการอื่นๆ มาแล้วแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะถูกขอร้องให้ไปจัดที่อื่นก่อน ทำให้ทางกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย ซึ่งเป็นสมาชิกของสภาแดงล้านนานำโดยนายบุญเลิศ บุญศรี หันมาใช้สถานที่บริเวณด้านหน้าโรงแรมแสนภูเพลส ถนนบรรพปราการ บริเวณสี่แยกสะพานดำ ภายในเขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย โดยกำหนดจัดเวทีในวันที่ 7 ก.พ.นี้

นายบุญเลิศ กล่าวว่า สภาแดงล้านนาได้ประสานกับแกนนำ นปช.แล้ว คาดว่าจะมีแกนนำไปร่วมปราศรัยปลุกเร้ามวลชน ซึ่งคาดว่าจะไปร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก เช่น นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ, นายอดิศร เพียงเกศ ฯลฯ ส่วนกรณีที่สถานที่ดังกล่าวเคยมีการชุมนุมกันเมื่อประมาณ 1 ปีก่อนและทำให้แกนนำหลายคนถูกตำรวจดำเนินคดี เพราะติดกับถนนสาธารณะนั้น ตนเห็นว่าจะขอใช้ในส่วนที่เป็นสาธารณะก่อน แต่เมื่อมวลชนไปกันมากก็จะเป็นธรรมชาติที่จะลงไปบนถนน ซึ่งก็จะขอทางตำรวจจราจรช่วยจัดระเบียบการจราจรให้เหมาะสมต่อไป

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าขณะเดียวกันนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีตกรรมการพรรคไทยรักไทย ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี บิดาของ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย เขต 2 พรรคเพื่อไทย กำลังจัดหาเวทีเพื่อจะเปิดเวทีปราศรัยในท้องที่ อ.ป่าแดด จ.เชียงราย ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของเขต 2 เช่นกันโดยอาจจะมีการจัดเวทีในลักษณะเดียวกันขึ้นในวันที่ 15 ก.พ.ด้วย

ทั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงรายส่วนใหญ่ เคยถูกตำรวจดำเนินคดีหลังเหตุการณ์เดือน เม.ย.52 ที่ผ่านมา ในข้อหา "ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาโดยวิธีปิดกั้นถนนจราจรอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และข้อหาจอดรถในลักษณะกีดขวางการจราจร" หลังปิดถนนหลายจุดใน อ.เมือง ควบคู่ไปกับการชุมนุมป่วนเมืองที่กรุงเทพฯ

โดยในภาพรวมของกลุ่มคนเสื้อแดงพบว่า ก่อนหน้านี้มีการเรียกแกนนำจากทุกจังหวัดให้เดินทางไปร่วมการประชุมที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด เพื่อกำหนดยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.นี้เป็นต้นไป เบื้องต้น กำหนดการเคลื่อนไหวโดยเน้นไปยังกลุ่มมวลชนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศโดยเฉพาะภาคเหนือ - ตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก โดยพื้นที่เคลื่อนไหวให้อยู่ใกล้ศาลากลางจังหวัด แทนการระดมคนส่วนใหญ่ไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ซึ่งสิ้นเปลืองและควบคุมได้ยากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น