เอเอฟพี – ตำรวจสากลระบุเมื่อวันพุธ (27) ว่าได้ยึดยาปลอมหรือผิดกฎหมายจำนวน 20 ล้านชุดในระหว่างการปฏิบัติการร่วมของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทยด้วย ทั้งนี้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 30 คน และปิดร้านจำหน่ายยาผิดกฎหมายกว่า 100 แห่ง
“โอเปอเรชัน สตอร์ม ทู” เป็นชื่อปฏิบัติการร่วมดังกล่าวที่ดำเนินการในกัมพูชา จีน อินโดนีเซีย ลาว พม่า สิงคโปร์ ไทย และเวียดนามในระหว่างเดือนกรกฏาคมถึงพฤศจิกายนปีที่แล้ว ภายใต้กรอบของคณะทำงานต่อต้านการปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ในสังกัดขององค์การอนามัยโลก
ยาที่ยึดได้ในครั้งนี้มีทั้งยาปฏิชีวนะ ยาต้านมาเลเรีย ยาคุมกำเนิด เซรุ่มต้านบาดทะยัก แอสไพริน และยารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ในจำนวนนี้ มียาปลอม 12 ล้านชุด และยาหมดอายุหรือเป็นยาที่เลิกใช้ในทางการแพทย์ไปแล้วอีก 8 ล้านชุด
โรนัลด์ โนเบิล เลขาธิการองค์การตำรวจสากลกล่าวว่า จะมีการจัดตั้งเครือข่ายปฏิบัติการสตอร์มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อจัดการและปรับปรุงมาตรการปราบปรามยาปลอมต่อไป
“ปฏิบัติการร่วมดังกล่าวนี้มีความสำคัญมากในยุคโลกาภิวัตน์และเมื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ถูกนำมาใช้ในการผลิตและจัดจำหน่ายยาปลอมข้ามประเทศ และกำลังมีพัฒนาการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพและชีวิตของผู้คนมากขึ้น”
“โอเปอเรชัน สตอร์ม ทู” เป็นชื่อปฏิบัติการร่วมดังกล่าวที่ดำเนินการในกัมพูชา จีน อินโดนีเซีย ลาว พม่า สิงคโปร์ ไทย และเวียดนามในระหว่างเดือนกรกฏาคมถึงพฤศจิกายนปีที่แล้ว ภายใต้กรอบของคณะทำงานต่อต้านการปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ในสังกัดขององค์การอนามัยโลก
ยาที่ยึดได้ในครั้งนี้มีทั้งยาปฏิชีวนะ ยาต้านมาเลเรีย ยาคุมกำเนิด เซรุ่มต้านบาดทะยัก แอสไพริน และยารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ในจำนวนนี้ มียาปลอม 12 ล้านชุด และยาหมดอายุหรือเป็นยาที่เลิกใช้ในทางการแพทย์ไปแล้วอีก 8 ล้านชุด
โรนัลด์ โนเบิล เลขาธิการองค์การตำรวจสากลกล่าวว่า จะมีการจัดตั้งเครือข่ายปฏิบัติการสตอร์มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อจัดการและปรับปรุงมาตรการปราบปรามยาปลอมต่อไป
“ปฏิบัติการร่วมดังกล่าวนี้มีความสำคัญมากในยุคโลกาภิวัตน์และเมื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ถูกนำมาใช้ในการผลิตและจัดจำหน่ายยาปลอมข้ามประเทศ และกำลังมีพัฒนาการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพและชีวิตของผู้คนมากขึ้น”