ASTVผู้จัดการรายวัน – โครงการเงินกู้จากโครงการกองทุนสัตว์ป่าโลก WWF ไม่คืบ ผู้ประกอบการโรงแรมเริ่มเบื่อ ขณะที่ผลสำรวจอัตราเข้าพักเฉลี่ยโรงแรม ปีนี้กระเตื้องขึ้น แต่ราคาค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมในประเทศไทย วูบเพิ่มจากปีก่อนอีก 5% เหตุสงครามราคา
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า โครงการเงินกู้จาก กองทุนสัตว์ป่าโลก (เวิลด์ ไวด์ ไลฟส์ ฟันด์) หรือ WWF ของ UN ที่แจ้งความประสงค์มายังสมาคมโรงแรมไทย ว่า จะปล่อยวงเงินกู้รวม 40 ล้านยูโร หรือราว 1,900 ล้านบาท ล่าสุดยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก จากเดิมที่คาดว่าจะปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรมได้ประมาณเดือน ม.ค. 53 จะเปลี่ยนไปเป็น มี.ค.53
ทั้งนี้เพราะยังติดเรื่องการเจรจากับธนาคารกสิกรไทย ซึ่ง WWF จะปล่อยเงินกู้ผ่านธนาคารดังกล่าวนี้ ข้อมูลล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า อยู่ระหว่างการกำหนดเงื่อนไขการปล่อยกู้ อัตราดอกเบี้ย และคุณสมบัติของผู้กู้ โครงการนี้เริ่มเข้ามาติดต่อตั้งแต่ มิ.ย.52
ทีเอชเอ ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันการปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลให้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และ ธนาคารออมสิน เป็นผู้ปล่อยกู้ ได้คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี-3 หรือ MLR-3 ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกสิกรไทยจะคิด ก็ไม่ควรเกินกว่านี้ เพราะผู้ประกอบการจะไม่สนใจกู้
ขณะเดียวกัน ยอมรับว่าความสนใจกู้ของผู้ประกอบการโรงแรมในโครงการนี้เริ่มลดน้อยลง เพราะความล่าช้าของโครงการ และเงื่อนไขวัตถุประสงค์การปล่อยกู้ ที่เจาะจงให้กู้ เพื่อไปจัดสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย และ ารฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เป็นหลัก
“เบื้องต้น เงื่อนไขการของโครงการนี้ WWF ต้องการปล่อยกู้ให้แก้ผู้ประกอบการโรงแรม ที่ต้องการนำเงินไปลงทุนสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียในโรงแรม ก่อนปล่อยลงสู่ทะเล หรือ ผู้ประกอบการที่มีโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยพื้นที่ที่สนใจให้วงเงินกู้นี้ไปถึงเป็นพิเศษจะอยู่แถบอันดามัน อาทิ ภูเก็ต กระบี่ และ พังงา เพราะเป็นจังหวัด ที่นักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางเข้าไปจำนวนมาก”
นายประกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามพ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 มีกำหนดไว้ว่า โรงแรมที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป จะต้องสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ก่อนปล่อยลงสู่ธรรมชาติ ทำให้เป็นช่องว่างแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการประหยัดเงินลงทุน ด้วยการสร้างโรงแรมเพียง 79 ห้อง ก็ไม่ต้องลงทุนสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียได้ ประหยัดเงินทุนได้ 5-10 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ซึ่งโครงการนี้ จะเข้ามาเติมเต็มให้แก่ผู้ประกอบการที่มีจิตสำนึกแต่ขาดเงินทุน อีกทั้งเป็นกระแสที่คนเริ่มใส่ใจเพิ่มมากขึ้น จึงใช้เป็นจุดขายทางการตลาดได้
***ราคาโรงแรมไทยวูบอีก5%
สำหรับการประชุมสมาชิกสมาคมโรงแรมไทยวันนี้ จะมีการรายงานตัวเลขผลการวิจัยเรื่องแนวโน้มอัตราเข้าพักโรงแรมในภาพรวมของตลาดโลก และ ในภูมิภาคเอเชียตะวันเฉียงใต้ ซึ่งระบุว่า ในปีก่อน ภาพรวมอัตราเข้าพักโรงแรมทั่วโลกลดลงไปในทิศทางเดียวกัน และ จะขยับตัวดีขึ้นในปีนี้ แต่สำหรับประเทศไทย กลับพบว่าค่าเฉลี่ยราคาห้องพัก ลดลงไปมากกว่าปีก่อน อีก 5% เพราะสาเหตุจากการตัดราคาขายห้องพัก เพื่อป้องกันความเสี่ยงในปีนี้ จึงเซ็นสัญญาซื้อห้องพักล่วงหน้า เพื่อเข้ามาพักในปีนี้ที่ถูกลง
“จากตัวเลขรายงาน ระบุว่า อัตราเข้าพักโรงแรม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่สำหรับประเทศไทย รายงานระบุว่า อัตราเข้าพักสูง แต่ราคาถูกว่าปีก่อนอีก 5% โดยในปี 2552 ราคาห้องพักเฉลี่ยถูกกว่าปี 2551 ราว 18% แต่ในปี 2553 กลับลดลงกว่าปี 2552อีก 5% สะท้องให้เห็นความผิดพลาดที่เกิดจากการแข่งขันตัดราคาค่าห้องพักโดยไม่จำเป็น ซึ่งปีนี้คงทำอะไรได้ไม่มาก แต่ก็ต้องการบอกให้สมาชิกรับทราบเพื่อเป็นแนวทางการกำหนดราคาขายในปีต่อไป” นายประกิจกล่าว
อย่างไรก็ตามสมาคมโรงแรมไทยประเมินว่าในปีนี้ อัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 60-65% เพิ่มจากปีก่อนที่อัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีที่ 54% แต่ทั้งนี้การขยายตัวทางธุรกิจจะเป็นไปตามนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองเป็นหลัก เพราะเศรษฐกิจโลกฟื้นแล้ว
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า โครงการเงินกู้จาก กองทุนสัตว์ป่าโลก (เวิลด์ ไวด์ ไลฟส์ ฟันด์) หรือ WWF ของ UN ที่แจ้งความประสงค์มายังสมาคมโรงแรมไทย ว่า จะปล่อยวงเงินกู้รวม 40 ล้านยูโร หรือราว 1,900 ล้านบาท ล่าสุดยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก จากเดิมที่คาดว่าจะปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรมได้ประมาณเดือน ม.ค. 53 จะเปลี่ยนไปเป็น มี.ค.53
ทั้งนี้เพราะยังติดเรื่องการเจรจากับธนาคารกสิกรไทย ซึ่ง WWF จะปล่อยเงินกู้ผ่านธนาคารดังกล่าวนี้ ข้อมูลล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า อยู่ระหว่างการกำหนดเงื่อนไขการปล่อยกู้ อัตราดอกเบี้ย และคุณสมบัติของผู้กู้ โครงการนี้เริ่มเข้ามาติดต่อตั้งแต่ มิ.ย.52
ทีเอชเอ ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันการปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลให้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และ ธนาคารออมสิน เป็นผู้ปล่อยกู้ ได้คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี-3 หรือ MLR-3 ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกสิกรไทยจะคิด ก็ไม่ควรเกินกว่านี้ เพราะผู้ประกอบการจะไม่สนใจกู้
ขณะเดียวกัน ยอมรับว่าความสนใจกู้ของผู้ประกอบการโรงแรมในโครงการนี้เริ่มลดน้อยลง เพราะความล่าช้าของโครงการ และเงื่อนไขวัตถุประสงค์การปล่อยกู้ ที่เจาะจงให้กู้ เพื่อไปจัดสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย และ ารฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เป็นหลัก
“เบื้องต้น เงื่อนไขการของโครงการนี้ WWF ต้องการปล่อยกู้ให้แก้ผู้ประกอบการโรงแรม ที่ต้องการนำเงินไปลงทุนสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียในโรงแรม ก่อนปล่อยลงสู่ทะเล หรือ ผู้ประกอบการที่มีโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยพื้นที่ที่สนใจให้วงเงินกู้นี้ไปถึงเป็นพิเศษจะอยู่แถบอันดามัน อาทิ ภูเก็ต กระบี่ และ พังงา เพราะเป็นจังหวัด ที่นักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางเข้าไปจำนวนมาก”
นายประกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามพ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 มีกำหนดไว้ว่า โรงแรมที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป จะต้องสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ก่อนปล่อยลงสู่ธรรมชาติ ทำให้เป็นช่องว่างแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการประหยัดเงินลงทุน ด้วยการสร้างโรงแรมเพียง 79 ห้อง ก็ไม่ต้องลงทุนสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียได้ ประหยัดเงินทุนได้ 5-10 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ซึ่งโครงการนี้ จะเข้ามาเติมเต็มให้แก่ผู้ประกอบการที่มีจิตสำนึกแต่ขาดเงินทุน อีกทั้งเป็นกระแสที่คนเริ่มใส่ใจเพิ่มมากขึ้น จึงใช้เป็นจุดขายทางการตลาดได้
***ราคาโรงแรมไทยวูบอีก5%
สำหรับการประชุมสมาชิกสมาคมโรงแรมไทยวันนี้ จะมีการรายงานตัวเลขผลการวิจัยเรื่องแนวโน้มอัตราเข้าพักโรงแรมในภาพรวมของตลาดโลก และ ในภูมิภาคเอเชียตะวันเฉียงใต้ ซึ่งระบุว่า ในปีก่อน ภาพรวมอัตราเข้าพักโรงแรมทั่วโลกลดลงไปในทิศทางเดียวกัน และ จะขยับตัวดีขึ้นในปีนี้ แต่สำหรับประเทศไทย กลับพบว่าค่าเฉลี่ยราคาห้องพัก ลดลงไปมากกว่าปีก่อน อีก 5% เพราะสาเหตุจากการตัดราคาขายห้องพัก เพื่อป้องกันความเสี่ยงในปีนี้ จึงเซ็นสัญญาซื้อห้องพักล่วงหน้า เพื่อเข้ามาพักในปีนี้ที่ถูกลง
“จากตัวเลขรายงาน ระบุว่า อัตราเข้าพักโรงแรม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่สำหรับประเทศไทย รายงานระบุว่า อัตราเข้าพักสูง แต่ราคาถูกว่าปีก่อนอีก 5% โดยในปี 2552 ราคาห้องพักเฉลี่ยถูกกว่าปี 2551 ราว 18% แต่ในปี 2553 กลับลดลงกว่าปี 2552อีก 5% สะท้องให้เห็นความผิดพลาดที่เกิดจากการแข่งขันตัดราคาค่าห้องพักโดยไม่จำเป็น ซึ่งปีนี้คงทำอะไรได้ไม่มาก แต่ก็ต้องการบอกให้สมาชิกรับทราบเพื่อเป็นแนวทางการกำหนดราคาขายในปีต่อไป” นายประกิจกล่าว
อย่างไรก็ตามสมาคมโรงแรมไทยประเมินว่าในปีนี้ อัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 60-65% เพิ่มจากปีก่อนที่อัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีที่ 54% แต่ทั้งนี้การขยายตัวทางธุรกิจจะเป็นไปตามนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองเป็นหลัก เพราะเศรษฐกิจโลกฟื้นแล้ว