ที่รัฐสภาวันเดียวกัน คณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนฯ ที่มี พ.ต.ท. สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน มีการพิจารณาถึงกรณี สั่งพักราขการ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงวุฒิกองทัพบก โดยมี พ.อ.สุขสันต์ สิงหเดช ผู้อำนวยการสำนักพระธรรมนูญ เข้าชี้แจงแทน พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ. ปิยะพล วัฒนกุล เจ้ากรมพระธรรมนูญ และคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พล.อ. สุชีพ กิจวารี เจ้ากรมเสมียนตรา และ พ.อ.สุขสันต์ สิงหเดช ผู้อำนวยการสำนักพระธรรมนูญ
พล.อ.สุชีพ กล่าวว่า การกระทำของพล.ต.ขัตติยะ ถือเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ.2528 เพราะเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อกองทัพ อย่างไรก็ตาม เมื่อผลสอบสวนเสร็จสิ้น หากไม่มีความผิด ก็สามารถกลับเข้ารับราชการได้
ด้านพล.อ.ปิยะพล กล่าวว่า ในฐานะคณะกรรมการสอบสวนได้รับการประสานจาก พล.ต.ขัตติยะว่า ว่าจะเข้าไปชี้แจงในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ซึ่งถือเป็นการ สอบสวนนัดแรก ส่วนที่กรรมาธิการฯ เห็นว่าการสั่งพักราชการ พล.ต.ขัตติยะ ด้วยเหตุผลที่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่ถือว่าเข้าข่ายผิดวินัยทั้ง 9 ข้อ ของระเบียบการลงโทษทางวินัยนั้น ขอชี้แจงว่าข้าราชการทหารผู้ใด ที่ต้องหาคดีอาญา หรือผิดวินัยร้ายแรง หากผู้บังคับบัญชาเห็นว่าก่อให้เกิดความเสียงหาย ก็สามารถสั่งพักราชการได้
ขณะที่ พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า ตนไม่อยากเห็นกองทัพมี 2 มาตรฐาน เพราะหากเปรียบเทียบแล้วในอดีตมีนายทหารคนหนึ่งก็ขึ้นเวทีของกลุ่มผู้ชุมนุม ก็ไม่เห็นมีการสั่งพักราชการ ส่วนกรณีพล.ต.ขัตติยะ กลับมีการสั่งพักราชการ มีการค้นบ้าน เหมือนเป็นการยัดเยียดข้อหาให้บุคคลหนึ่งจนทำให้สังคมมองว่า พล.ต. ขัตติยะ เป็นตัวร้าย
พล.อ..ปิยะพล ชี้แจงว่า กรณีของพล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ที่ขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมนั้น ได้ว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งพล.อ.ปฐมพงศ์ก็ปฏิบัติตาม แต่กรณีของ พล.ต.ขัตติยะ เมื่อตักเตือน ก็ยังมีพฤติกรรมเช่นเดิม ออกมาให้ข่าว ทำให้เกิดความเสียหาย และขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ถือว่ามีความไม่เหมาะสม
พ.อ.สุขสันต์ ชี้แจงเรื่องการค้นบ้าน พล.ต.ขัตติยะ และออกหมายเรียกนั้น มูลเหตุของเรื่องนี้กองทัพบกตรวจสอบ และมีเหตุให้เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ขัตติยะ จึงต้องดำเนินการออกหมายเรียก
อย่างไรก็ตามในการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ในวันที่ 4 ก.พ. จะเชิญ พล.ต.ขัตติยะ มาชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
พล.อ.สุชีพ กล่าวว่า การกระทำของพล.ต.ขัตติยะ ถือเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ.2528 เพราะเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อกองทัพ อย่างไรก็ตาม เมื่อผลสอบสวนเสร็จสิ้น หากไม่มีความผิด ก็สามารถกลับเข้ารับราชการได้
ด้านพล.อ.ปิยะพล กล่าวว่า ในฐานะคณะกรรมการสอบสวนได้รับการประสานจาก พล.ต.ขัตติยะว่า ว่าจะเข้าไปชี้แจงในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ซึ่งถือเป็นการ สอบสวนนัดแรก ส่วนที่กรรมาธิการฯ เห็นว่าการสั่งพักราชการ พล.ต.ขัตติยะ ด้วยเหตุผลที่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่ถือว่าเข้าข่ายผิดวินัยทั้ง 9 ข้อ ของระเบียบการลงโทษทางวินัยนั้น ขอชี้แจงว่าข้าราชการทหารผู้ใด ที่ต้องหาคดีอาญา หรือผิดวินัยร้ายแรง หากผู้บังคับบัญชาเห็นว่าก่อให้เกิดความเสียงหาย ก็สามารถสั่งพักราชการได้
ขณะที่ พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า ตนไม่อยากเห็นกองทัพมี 2 มาตรฐาน เพราะหากเปรียบเทียบแล้วในอดีตมีนายทหารคนหนึ่งก็ขึ้นเวทีของกลุ่มผู้ชุมนุม ก็ไม่เห็นมีการสั่งพักราชการ ส่วนกรณีพล.ต.ขัตติยะ กลับมีการสั่งพักราชการ มีการค้นบ้าน เหมือนเป็นการยัดเยียดข้อหาให้บุคคลหนึ่งจนทำให้สังคมมองว่า พล.ต. ขัตติยะ เป็นตัวร้าย
พล.อ..ปิยะพล ชี้แจงว่า กรณีของพล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ที่ขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมนั้น ได้ว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งพล.อ.ปฐมพงศ์ก็ปฏิบัติตาม แต่กรณีของ พล.ต.ขัตติยะ เมื่อตักเตือน ก็ยังมีพฤติกรรมเช่นเดิม ออกมาให้ข่าว ทำให้เกิดความเสียหาย และขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ถือว่ามีความไม่เหมาะสม
พ.อ.สุขสันต์ ชี้แจงเรื่องการค้นบ้าน พล.ต.ขัตติยะ และออกหมายเรียกนั้น มูลเหตุของเรื่องนี้กองทัพบกตรวจสอบ และมีเหตุให้เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ขัตติยะ จึงต้องดำเนินการออกหมายเรียก
อย่างไรก็ตามในการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ในวันที่ 4 ก.พ. จะเชิญ พล.ต.ขัตติยะ มาชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
