xs
xsm
sm
md
lg

ความแข็งแกร่งของอภิสิทธิ์ คือ Leading Edge สำหรับการเมืองใหม่

เผยแพร่:   โดย: ว.ร. ฤทธาคนี

Leading Edge คือ ส่วนสำคัญของเครื่องบินที่เรียกว่าชายหน้าปีกเครื่องบิน ที่แหวกอากาศให้ไหลผ่านปีกส่วนบนและล่าง ซึ่งเกิดความต่างของความเร็วอากาศผ่านผิวบนและล่าง ตามหลักอากาศพลศาสตร์ เมื่อความเร็วอากาศผ่านด้านบนเร็วกว่าด้านล่าง แต่มีแรงดันอากาศน้อยกว่าแรงดันอากาศด้านล่างของปีก และแรงดันอากาศนี้เองที่ทำให้เกิดพลังมหาศาลเรียกว่าแรงยก ทำให้เครื่องบินหรือเครื่องร่อนบินไปในอากาศได้

จึงอยากจะอุปมาอุปไมยให้เห็นว่าพลังความแข็งแกร่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่เหมือนกับ Leading Edge ก็คือการแยกแยะ ดี ชั่วนักการเมือง ประโยชน์สูงสุดของชาติกับเรื่องส่วนตัวหรือประโยชน์ของคนส่วนย่อย หรือความหายนะของชาติ ซึ่งท้าทายภาวะผู้นำ และในฐานะนายกรัฐมนตรีคณะรัฐบาลที่มาจากหลายพรรค ซึ่งมีผลประโยชน์เฉพาะต่างกัน นายทุนพรรคมีความปรารถนาและอุดมการณ์ต่างกัน ทำให้ยากแก่การสร้างเอกภาพในการบริหารประเทศ เพราะต่างคนต่างมองต่างมุม ยกเว้นนายกรัฐมนตรีมีความเฉียบขาดและมั่นคง

อย่างไรก็ดี ด้วยความมีเหตุผลและพลังความจริงใจ ซึ่งประชาชนส่วนหนึ่งได้ลงความเห็นผ่านโพลต่างๆ ว่านายอภิสิทธิ์ ได้รับความนิยมมากกว่าทักษิณ ย่อมแสดงให้เห็นว่าความชอบธรรมและความสุจริตยังมีน้ำหนักในวิจารณญาณของปัญญาชน ที่มองเห็นดำ ขาว ประกอบกับความสามารถในการประสานความคิด ความอดทน และความสามารถในการระงับอารมณ์ของนายอภิสิทธิ์ เป็นที่ยอมรับของสังคมปัญญาชนสากลในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการดำรงรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งยังรับใส่เกล้าพระราชดำรัสอันเป็นแสงสว่างในการบริหารประเทศ คือ ความซื่อสัตย์สุจริต

หากวิเคราะห์ช่วงเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น สั้น และอุปสรรคขวากหนาม รวมทั้งแรงต้านมากมายมหาศาล ตลอดจนศัตรูทางการเมืองที่ใช้พลังหลายรูปแบบ ทั้งอ่อนและรุนแรงในการทำลายความแข็งแกร่งของเขา โดยเฉพาะเหตุการณ์ช่วงสงกรานต์เดือด 2552 ที่ตัวนายอภิสิทธิ์ และครอบครัวตกอยู่ภายใต้ความกดดันและการข่มขู่ แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์แห่งอำนาจพระสยามเทวาธิราชที่มีจริง ทำให้นายอภิสิทธิ์ รอดจากการถูกจับตัวที่กระทรวงมหาดไทยในวันที่ 12 เมษายน 2552โดยพฤติกรรมของนายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่แสดงความอาฆาตมาดร้ายหมายเอาชีวิตนายอภิสิทธิ์แต่นายทหาร รปภ.รับเคราะห์และถูกประจานแทน ส่วนนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์และคนขับรถถูกทำร้ายและหยามความเป็นมนุษย์

วันนั้นถ้านายกรัฐมนตรีถูกอุ้มตัวไปที่ชุมนุมหลักของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณทำเนียบรัฐบาล และถูกบังคับให้ลาออก อะไรจะเกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง รวมทั้งการข่มขู่ครอบครัวของนายอภิสิทธิ์ ที่บ้านพักย่านสุขุมวิท สิ่งเหล่านี้บั่นทอนความมุ่งมั่นของนายอภิสิทธิ์ หรือไม่นั้น ประชาชนคงจะเห็นพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีว่า มิได้แสดงความหวาดหวั่น แต่ยังคงยืนยันต่อต้านขบวนการความรุนแรงของคนเสื้อแดง ที่หวังผลให้นายกรัฐมนตรีหมดความอดทน เกิดความกลัวหรือใช้ความรุนแรงในการปราบปรามประชาชน แต่กลับกล้าใช้กำลังทหารตามกฎหมายสลายฝูงชน ด้วยการใช้กระสุนหลอกภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาลอย่างชัดเจน ทำให้ทหารสามารถใช้กลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ทางองค์การสิทธิมนุษยชนสากลพยายามที่จะจุดชนวนให้เกิดการต่อต้านรัฐบาล ด้วยการยืนยันว่าทหารใช้อาวุธกระสุนจริงยิงใส่ฝูงชน แต่ถ้าเป็นจริงคงจะมีคนเสียชีวิตนับสิบ นับร้อย ซึ่งในวันที่ 11 กันยายน 2552 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐสภา สรุปรายงานว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สงกรานต์เดือดแต่อย่างใด

องค์การสิทธิมนุษยชนสากล ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในการประชุมสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 ซึ่งอาจจะเป็นผลโดยตรงจากกรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยพรรคนาซีในห้วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นับล้านๆ คน ความเป็นจริงแล้วมนุษย์ละเมิดความเป็นมนุษย์ของคนอื่นมาแต่โบราณกาล รวมทั้งเมื่อพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษละเมิดกฎกษัตริย์ที่ต้องยึดถือมาแต่โบราณ ครั้นเมื่อพระเจ้าจอห์นละเมิดความชอบธรรม เอาเปรียบพสกนิกรของตนเอง จึงถูกขุนนางและอัศวินบังคับให้ลงพระนามใน Magna Carta กฎบัตรใหญ่แห่งอังกฤษตั้งแต่ปี ค.ศ. 1215 และเป็นต้นตำรับของกฎหมายคอมมอนลอว์ของอังกฤษ และรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ

แน่นอนองค์การนี้เป็นองค์การที่สร้างความเสมอภาคและสมดุลในหมู่มวลมนุษยชาติ ซึ่งมีผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แม้ในรูปแบบของระบบประชาธิปไตย เพราะเผด็จการรัฐสภาก็สามารถละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ ดังนั้น องค์การนี้เป็นองค์การที่ประเสริฐหากบริสุทธิ์ใจ และมุ่งมั่นอย่างแท้จริง

เนื่องจากลักษณะองค์การสิทธิมนุษยชน เป็นองค์กรอิสระมาแต่เดิม การเข้าร่วมจึงอิสระ และแต่ละกลุ่มก็สามารถแสวงประโยชน์ได้ไม่ยากนัก ทำให้มีกลุ่มนิยมสิทธิมนุษยชนจอมปลอมสมัครเป็นสมาชิกสากลได้ง่ายมาก และไม่ยากที่ใครจะจ้างให้เคลื่อนไหวต่อต้านนโยบายการเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่งให้เห็นประเด็นร้อน เช่น ในประเทศไทย รัฐบาลอภิสิทธิ์ ถูก NGO ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มเฝ้าดูสิทธิมนุษยชน ซึ่งบอกว่ารัฐบาลนี้เลือกปฏิบัติ หรือมีสองมาตรฐาน แต่ทุกชาติมีกฎมายป้องปรามและปกป้องการล่มสลายของชาติภายใต้ธรรมะ ประชาชนควรใช้วิจารณญาณในแต่ละเรื่องอย่างรอบคอบมิฉะนั้นก็ตกเป็นเหยื่อคนโกงที่ใช้เงินซื้อคนได้

อยากจะให้ NGO ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนกลุ่มที่วิจารณ์รัฐบาลไทยไปวิจารณ์และกดดันรัฐบาลพม่า หรือรัฐบาลฮุนเซน ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและฝ่ายค้าน โดยเฉพาะในพม่ามีความชัดเจนมาก ซึ่ง NGO กลุ่มนี้จะต้องเอาจริง หากลยุทธ์สูงสุดในการปลดปล่อยประชาชนทั้งสองประเทศนี้ให้ได้ จะดีกว่าที่จะมาวิจารณ์รัฐบาลไทยที่กำลังถูกละเมิดด้วยคนโกงเพียงคนเดียว แต่มีสมุนสามานย์มากหลาย

ภายใต้ภาวะกดดันหลายด้าน รวมทั้งสงครามสารสนเทศที่ชี้นำว่าจะมีการปฏิวัติรัฐประหารโดยกองทัพหรือมีใครพยายามให้เกิดความไม่ไว้ว่างใจ หรือใครคนหนึ่งสร้างภาพให้เห็นว่ากองทัพบกไร้สมรรถภาพ เพราะใครก็ได้สามารถยิงอาวุธร้ายแรงทำลายที่ตั้งสำนักงานผู้บังคับบัญชากองทัพบกได้ การแสดงความไม่ยำเกรงผู้บังคับบัญชา ซ้ำร้ายยังกล่าวคำอาฆาตมาดร้ายหลายวาระของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่กำลังเผชิญเคราะห์กรรมจากนายทหารรุ่นน้อง ซึ่งรวมตัวกันอย่างหนาแน่นที่จะต่อต้าน เสธ.แดง และประกาศเป็นสัตยาบันเชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และกองทัพบก ด้วยการแสดงความจงรักภักดีต่อผู้บังคับบัญชา อันเป็นหัวใจหนึ่งของการเป็นทหารที่ดี แต่ทหารที่ขาดวินัยก็คือโจรดีๆ นี่เองดังพระราชดำรัสของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราชที่พระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

การลงโทษพล.ต.ขัตติยะ ตามระเบียบทหารซึ่งมีกฎหมายรองรับอย่างดีจะทำให้กองทัพบกมีมาตรฐานการปกครองชัดเจน และจะเป็นแบบอย่างเฉียบขาดในการทำโทษทหารที่กล้ากล่าวร้ายผู้บังคับบัญชา หากไม่กระทำเป็นตัวอย่างแล้วจะทำให้ปกครองทหารไม่ได้และจะเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด

การปฏิวัติรัฐประหารในศักราชนี้กระทำได้ยากมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อระบอบการปกครองของไทย เพราะผู้ที่จะกระทำการปฏิวัติต้องหาเงื่อนไขใหม่ๆ ให้พบ และเงื่อนไขนั้นต้องชัดเจน ประชาชนต้องมองเห็นหายนะของชาติที่จะเกิดขึ้นหากไม่มีการตัดตอนเสียก่อนอย่างชัดเจน เงื่อนไขในอดีตถูกใช้ไปจนหมดสิ้นแล้ว เงื่อนไขใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น ต้องให้นักรัฐศาสตร์สร้างสมมติฐานขึ้นมาว่าเงื่อนไขอะไรทหารจึงจะปฏิวัติรัฐประหาร

การยุบสภาโดยนายกรัฐมนตรีย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการปฏิวัติรัฐประหารของกองทัพ เพราะว่าเงื่อนไขทางการเมืองอ่อนไหวและเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ทั้งยังมีตัวแปรทางการเมืองที่เป็นทางเลือกมากขึ้น รวมทั้งแรงกดดันว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้นายกรัฐมนตรียุบสภาได้

แต่ทว่าภายใต้ภาวะความเข้มแข็งและความแกร่งทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีคนนี้ที่มีความเด็ดขาดมากขึ้น เล็งเห็นประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมมากขึ้น และกล้าหาญที่จะต่อสู้กับแรงอธรรมทั้งหลายได้อย่างสง่าผ่าเผย นาวาลำนี้ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ไปรอดแน่นอน


                      nidd.riddhagni@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น