นายสัญชัย เจนจรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือDCC เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานบริษัทและบริษัทย่อยประจำปี มีกำไรสุทธิ 996.25 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.44 บาท/หุ้น ซึ่งมากขึ้นถึง50% จากปี 2551 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 664.32 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 1.63 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรเฉพาะการงวดปี2552 อยู่ที่780.53 ล้านบาท หรือ 1.91 บาทต่อหุ้น สูงขึ้นกว่าปี 2551 ซึ่งอยู่ที่ 568.33 ล้านบาท หรือ1.39 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ เนื่องจากยอดขายสินค้าในปีที่ผ่านมามีถึง 5,884 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี 2551 ซึ่งอยู่ที่ 794 ล้านบาทหรือ%16 อีกทั้งต้นทุนการผลิตลดลงก็จากปีก่อน เนื่องจากราคาพลังงานปรับตัวลดลง 27% และผลจากการใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มจาก 38.6% ในปี 2551 เป็น 42.5% ในปี 2552
รวมทั้งบริษัทมีกำไรจากการขายสินทรัพย์ถาวร (อาคารส่วนที่เป็นของบริษัทย่อย) จำนวน 14 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มจากปีก่อน 1% จากราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นต้นทุนค่าขนส่งปรับตัวลดลงกว่าปีก่อน 21% แต่ปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นจากปีก่อน22% จากการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนต้นทุนทางการเงินลดลง 81% จากปีก่อน เนื่องจากใช้คืนหนี้เงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวหมด จึงไม่มีหนี้สินคงเหลือ
ปัจจุบัน สินทรัพย์รวมของบริษัทฯและบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 มีจำนวน 3,633 ล้านบาทลดลงจากสิ้นปี 2551 เท่ากับ 260 ล้านบาท เนื่องจากสินค้าคงเหลือลดลง 219 ล้านบาทหรือ 16%จากปริมาณขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งจากกลุ่มสินทรัพย์ถาวร ที่ลดลงจากการตัดค่าเสื่อมราคา กว่า116 ล้านบาทหรือ 6% และเริ่มมีการลงทุนขยายกำลังการผลิตของบริษัทย่อยในช่วงปลายปี 2552
นอกจากนี้ บริษัท ขอแจ้งมติจากการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานประจำปี งวด มกราคม - ธันวาคม 2552 โดยมีรายได้รวมเครือสุทธิ 5,904.6 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2551 ซึ่งมีรายได้รวม5,359.8 ล้านบาท จึงมีมติอนุมัติงบประมาณโครงการขยายกำลังการผลิตกระเบื้องเซรามิคของโรงงานบริษัท ไทล์ท้อป อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ในวงเงิน 180 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนทั้งหมดจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ซึ่งจะมีผลให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 270,000 ตารางเมตร ในต้นปี 2554 และกำลังการผลิตรวมทั้งหมดจะเพิ่มเป็น 4.9 ล้านตารางเมตรต่อเดือนหรือรวมทั้งปีประมาณ 58 ล้านตารางเมตร
ดังนั้นที่ประชุม จึงมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2553 ขออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2552 ในอัตราหุ้นละ 2.08 บาท เป็นจำนวนเงินปันผลรวมทั้งปี 848.64 ล้านบาท โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในปี 2552 หุ้นละ 1.53 บาท คงเหลือจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกหุ้นละ0.55 บาท เป็นจำนวนเงินที่จ่ายในงวดสุดท้ายรวม 224.4 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อในวันปิดสมุดทะเบียนหุ้น ณ.วันที่ 9 เมษายน 2553 และกำหนดจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในวันที่ 6 พฤษภาคม 2553(การให้สิทธิรับเงินปันผลดังกล่าว ยังมีความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2553 ในวันอังคารที่ 27 เมษายน 2553 )
โดยกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2553 ในวันอังคารที่ 27 เมษายน 2553 เวลา 15.30น .ณ.ห้องประชุมใหญ่ อาคารสำนักงานของบริษัทฯ ชั้น 4 เลขที่ 37/7 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร และ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2553 และสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 8 เมษายน 2553
ทั้งนี้ เนื่องจากยอดขายสินค้าในปีที่ผ่านมามีถึง 5,884 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี 2551 ซึ่งอยู่ที่ 794 ล้านบาทหรือ%16 อีกทั้งต้นทุนการผลิตลดลงก็จากปีก่อน เนื่องจากราคาพลังงานปรับตัวลดลง 27% และผลจากการใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มจาก 38.6% ในปี 2551 เป็น 42.5% ในปี 2552
รวมทั้งบริษัทมีกำไรจากการขายสินทรัพย์ถาวร (อาคารส่วนที่เป็นของบริษัทย่อย) จำนวน 14 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มจากปีก่อน 1% จากราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นต้นทุนค่าขนส่งปรับตัวลดลงกว่าปีก่อน 21% แต่ปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นจากปีก่อน22% จากการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนต้นทุนทางการเงินลดลง 81% จากปีก่อน เนื่องจากใช้คืนหนี้เงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวหมด จึงไม่มีหนี้สินคงเหลือ
ปัจจุบัน สินทรัพย์รวมของบริษัทฯและบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 มีจำนวน 3,633 ล้านบาทลดลงจากสิ้นปี 2551 เท่ากับ 260 ล้านบาท เนื่องจากสินค้าคงเหลือลดลง 219 ล้านบาทหรือ 16%จากปริมาณขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งจากกลุ่มสินทรัพย์ถาวร ที่ลดลงจากการตัดค่าเสื่อมราคา กว่า116 ล้านบาทหรือ 6% และเริ่มมีการลงทุนขยายกำลังการผลิตของบริษัทย่อยในช่วงปลายปี 2552
นอกจากนี้ บริษัท ขอแจ้งมติจากการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานประจำปี งวด มกราคม - ธันวาคม 2552 โดยมีรายได้รวมเครือสุทธิ 5,904.6 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2551 ซึ่งมีรายได้รวม5,359.8 ล้านบาท จึงมีมติอนุมัติงบประมาณโครงการขยายกำลังการผลิตกระเบื้องเซรามิคของโรงงานบริษัท ไทล์ท้อป อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ในวงเงิน 180 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนทั้งหมดจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ซึ่งจะมีผลให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 270,000 ตารางเมตร ในต้นปี 2554 และกำลังการผลิตรวมทั้งหมดจะเพิ่มเป็น 4.9 ล้านตารางเมตรต่อเดือนหรือรวมทั้งปีประมาณ 58 ล้านตารางเมตร
ดังนั้นที่ประชุม จึงมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2553 ขออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2552 ในอัตราหุ้นละ 2.08 บาท เป็นจำนวนเงินปันผลรวมทั้งปี 848.64 ล้านบาท โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในปี 2552 หุ้นละ 1.53 บาท คงเหลือจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกหุ้นละ0.55 บาท เป็นจำนวนเงินที่จ่ายในงวดสุดท้ายรวม 224.4 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อในวันปิดสมุดทะเบียนหุ้น ณ.วันที่ 9 เมษายน 2553 และกำหนดจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในวันที่ 6 พฤษภาคม 2553(การให้สิทธิรับเงินปันผลดังกล่าว ยังมีความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2553 ในวันอังคารที่ 27 เมษายน 2553 )
โดยกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2553 ในวันอังคารที่ 27 เมษายน 2553 เวลา 15.30น .ณ.ห้องประชุมใหญ่ อาคารสำนักงานของบริษัทฯ ชั้น 4 เลขที่ 37/7 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร และ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2553 และสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 8 เมษายน 2553