บริษัทแม่ของแอมเวย์ ไฟเขียวแอมเวย์ไทยผุดสำนักงานใหญ่ ร่วม 1.1 พันล้านบาท สวนวิกฤติเศรษฐกิจ มั่นใจตลาดไทยยังโตต่อเนื่อง “ปรีชา” ยัน ธุรกิจนี้มีน้ำดีมากกว่าน้ำเสียแน่นอน ตั้งเป้าหมายรายได้สู่ 20,000 ล้านบาทในปี 2555
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจขายตรงในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก คาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเติบโตได้ 10% เพิ่มจากปีที่แล้วเติบโต 7% โดยแอมเวย์เป็นผู้นำมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 27% จากมูลค่าตลาดรวมที่มีประมาณ 45,000 ล้านบาท ขณะที่ ตลาดขายตรงมีสัดส่วนประมาณ 1% จากมูลค่าตลาดค้าปลีกโดยรวมในไทยที่มีประมาณ 3 ล้านล้านบาท เท่านั้นเอง
แม้ว่าตลาดรวมขายตรงยังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ของธุรกิจมาโดยตลอด แต่ก็ยังเชื่อว่าธุรกิจที่เป็นน้ำดียังมีมากกว่าน้ำเสีย จึงทำให้ธุรกิจขายตรงยังอยู่ได้ ซึ่งบริษัทที่ทำธุรกิจแอบแฝงนั้นมีปรากฎขึ้นมาเป็นระยะๆอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ที่อยากอยู่ในธุรกิจนี้ต้องตั้งใจทำให้ถูกกฎหมายและจรรยาบรรณของบริษัทของสมาคมและถูกกฎหมายด้วย
นายปรีชายังกล่าวด้วยว่า ในฐานะที่แอมเวย์เป็นผู้นำตลาดก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาพรวม ซึ่งล่าสุดบริษัทฯแม่เชื่อมั่นศักยภาพของประเทศไทยรวมทั้งตลาดขายตรงและความสำเร็จของผลประกอบการของแอมเวย์ไทยด้วย จึงอนุมัติงบประมาณกว่า 1,100 ล้านบาท ในการก่อสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ที่ถนนรามคำแหง เพื่อรองรับการเติบโตในอีก 3 ปีข้างหน้าที่มีเป้าหมายรายได้ 20,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นงบลงทุนที่สูงมากในภาวะแบบนี้ ซึ่งแอมเวย์ไทยอยู่อันดับ 6 ของแอมเวย์ทั่วโลกในแง่ความใหญ่ของตลาดและยอดขาย
อย่างไรก็ตามในอนาคตมีโอกาสที่ไทยจะสร้างโรงงานผลิตสินค้าของแอมเวย์หรือไม่นั้น หลังจากที่อาฟตามีผลใช้แล้ว นายปรีชามองว่า เคยมีการคุยกันนานแล้ว แต่คิดว่าคงไม่คุ้ม การผลิตสินค้าไม่จำเป็นต้องมีหลายแห่ง เพราะยังไงก็ตาม อาฟต้าก็ทำให้เกิดการกระจายสินค้าอยู่แล้ว ต่อไปเรื่องพรมแดนไม่มีอีกแล้ว อีก 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งการผลิตอยู่ที่ใดก็ได้ ฐานผลิตหลักตอนนี้อยู่ที่อเมริกา ไทยก็นำเข้าจากอเมริกา ส่วนโรงงานที่จีนกับเวียดนามของแอมเวย์นั้นก็ใช้ในท้องถิ่นเท่านั้นเอง
สำหรับสำนักงานใหญ่แห่งใหม่เป็นการเช่าที่ดินจากเจ้าของเดิม เนื้อที่กว่า 10 ไร่ หรือ 17,000 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอย 35,405 ตารางมเมตร รองรับนักธุรกิจและสมาชิกกว่า 1,000,000 รหัสได้ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2555 นอกจากการลงทุนก่อสร้างสำนักงานใหญ่แล้ว ปี 2553 ยังมีแผนรุกตลาดต่อเนื่อง ยังทุ่มงบอีก 125 ล้านบาท เปิดแอมเวย์ชอปอีก 30 แห่งและปรับปรุงสาขาเก่าอีกจำนวนหนึ่ง และตั้งงบการตลาดอีก 750 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายเติบโต 15% ต่อเนื่องอย่างต่ำ 3 ปี เพื่อผลักดันรายได้รวมสู่ 20,000 ล้านบาท ในปี 2555 โดยคาดว่าจะมีนักธุรกิจเพิ่มอีก 7% เป็น 320,000 รหัสจากเดิมปีที่แล้วมี 300,000 รหัส ส่วนสมาชิกปัจจุบันมีประมาณ 700,00 รหัส ขณะที่ผลประกอบการปี 2552 มียอดขายรวมประมาณ 13,300 ล้านบาท เติบโต 15% โดยกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามมีรายได้เติบโตสูงสุด 60% ของทั้งหมด
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจขายตรงในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก คาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเติบโตได้ 10% เพิ่มจากปีที่แล้วเติบโต 7% โดยแอมเวย์เป็นผู้นำมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 27% จากมูลค่าตลาดรวมที่มีประมาณ 45,000 ล้านบาท ขณะที่ ตลาดขายตรงมีสัดส่วนประมาณ 1% จากมูลค่าตลาดค้าปลีกโดยรวมในไทยที่มีประมาณ 3 ล้านล้านบาท เท่านั้นเอง
แม้ว่าตลาดรวมขายตรงยังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ของธุรกิจมาโดยตลอด แต่ก็ยังเชื่อว่าธุรกิจที่เป็นน้ำดียังมีมากกว่าน้ำเสีย จึงทำให้ธุรกิจขายตรงยังอยู่ได้ ซึ่งบริษัทที่ทำธุรกิจแอบแฝงนั้นมีปรากฎขึ้นมาเป็นระยะๆอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ที่อยากอยู่ในธุรกิจนี้ต้องตั้งใจทำให้ถูกกฎหมายและจรรยาบรรณของบริษัทของสมาคมและถูกกฎหมายด้วย
นายปรีชายังกล่าวด้วยว่า ในฐานะที่แอมเวย์เป็นผู้นำตลาดก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาพรวม ซึ่งล่าสุดบริษัทฯแม่เชื่อมั่นศักยภาพของประเทศไทยรวมทั้งตลาดขายตรงและความสำเร็จของผลประกอบการของแอมเวย์ไทยด้วย จึงอนุมัติงบประมาณกว่า 1,100 ล้านบาท ในการก่อสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ที่ถนนรามคำแหง เพื่อรองรับการเติบโตในอีก 3 ปีข้างหน้าที่มีเป้าหมายรายได้ 20,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นงบลงทุนที่สูงมากในภาวะแบบนี้ ซึ่งแอมเวย์ไทยอยู่อันดับ 6 ของแอมเวย์ทั่วโลกในแง่ความใหญ่ของตลาดและยอดขาย
อย่างไรก็ตามในอนาคตมีโอกาสที่ไทยจะสร้างโรงงานผลิตสินค้าของแอมเวย์หรือไม่นั้น หลังจากที่อาฟตามีผลใช้แล้ว นายปรีชามองว่า เคยมีการคุยกันนานแล้ว แต่คิดว่าคงไม่คุ้ม การผลิตสินค้าไม่จำเป็นต้องมีหลายแห่ง เพราะยังไงก็ตาม อาฟต้าก็ทำให้เกิดการกระจายสินค้าอยู่แล้ว ต่อไปเรื่องพรมแดนไม่มีอีกแล้ว อีก 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งการผลิตอยู่ที่ใดก็ได้ ฐานผลิตหลักตอนนี้อยู่ที่อเมริกา ไทยก็นำเข้าจากอเมริกา ส่วนโรงงานที่จีนกับเวียดนามของแอมเวย์นั้นก็ใช้ในท้องถิ่นเท่านั้นเอง
สำหรับสำนักงานใหญ่แห่งใหม่เป็นการเช่าที่ดินจากเจ้าของเดิม เนื้อที่กว่า 10 ไร่ หรือ 17,000 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอย 35,405 ตารางมเมตร รองรับนักธุรกิจและสมาชิกกว่า 1,000,000 รหัสได้ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2555 นอกจากการลงทุนก่อสร้างสำนักงานใหญ่แล้ว ปี 2553 ยังมีแผนรุกตลาดต่อเนื่อง ยังทุ่มงบอีก 125 ล้านบาท เปิดแอมเวย์ชอปอีก 30 แห่งและปรับปรุงสาขาเก่าอีกจำนวนหนึ่ง และตั้งงบการตลาดอีก 750 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายเติบโต 15% ต่อเนื่องอย่างต่ำ 3 ปี เพื่อผลักดันรายได้รวมสู่ 20,000 ล้านบาท ในปี 2555 โดยคาดว่าจะมีนักธุรกิจเพิ่มอีก 7% เป็น 320,000 รหัสจากเดิมปีที่แล้วมี 300,000 รหัส ส่วนสมาชิกปัจจุบันมีประมาณ 700,00 รหัส ขณะที่ผลประกอบการปี 2552 มียอดขายรวมประมาณ 13,300 ล้านบาท เติบโต 15% โดยกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามมีรายได้เติบโตสูงสุด 60% ของทั้งหมด
