xs
xsm
sm
md
lg

ลูกค้าแบงก์เดือดร้อนจริง ร้องธปท.แก้สินเชื่อ กว่าสองพันรายการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติสรุปผลงานศูนย์ประสานงานฯในรอบปี 52 มีประชาชนร้องเรียนทั้งสิ้น 2,779 เรื่อง โดยร้องเรียนด้านขอสินเชื่อและการให้บริการของสถาบันการเงิน 2,290 เรื่อง ซึ่งยุติได้ 2,025 เรื่อง ขณะที่โทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงล่าสุด 22 วันแรกของเดือนม.ค.ยอดขยับเป็น 420 เรื่อง

นายกำธร ประเสริฐธม หัวหน้าศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาการปล่อยสินเชื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ศูนย์ฯได้เปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปนับตั้งแต่เดือนพ.ค.52-ธ.ค.52 หรือประมาณ 7 เดือนที่ผ่านมาในรอบปี 52 พบว่า มีประชาชนร้องเรียนเข้ามาทั้งสิ้น 2,779 เรื่อง แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ร้องเรียนเรื่องขอสินเชื่อและการให้บริการของสถาบันการเงินจำนวน 2,290 ส่วนเรื่องที่โทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงต่างๆ ล่าสุด ณ 22 ม.ค.53 มีทั้งสิ้น 909 เรื่อง

ประชาชนที่ร้องเรียนเกี่ยวกับการขอสินเชื่อและการให้บริการของสถาบันการเงิน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.การให้บริการของสถาบันการเงิน 775 เรื่อง คิดเป็น 33.84% ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ในการติดตามทวงหนี้ทั้งเรื่องดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม รวมถึงเงินฝากที่ไม่เข้าใจกันระหว่างสถาบันการเงินและลูกค้า 2.สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ
ขาดแหล่งเงินกู้ยืม และขอรีไฟแนนซ์มีจำนวน 676 เรื่อง คิดเป็น 29.52% แต่เชื่อว่าหากเศรษฐกิจดีขึ้นปัญหานี้จะแผ่วลงได้ และ3.การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 434 เรื่อง คิดเป็น 18.95% ซึ่งส่วนใหญ่ขอให้ธปท.เป็นตัวกลางในการประสานงานและขอปรึกษาในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้

ทั้งนี้ ประชาชนที่ร้องเรียนเกี่ยวกับสินเชื่อและให้บริการของสถาบันการเงินดังกล่าว ทางศูนย์ฯได้แก้ไขปัญหาให้แล้วและยุติได้ทั้งสิ้น 2,025 เรื่อง คิดเป็น 88.42% ส่วนอีก 265 เรื่อง ขณะนี้ศูนย์ฯ อยู่ระหว่างดำเนินการทั้งส่งจดหมายให้แก่สถาบันการเงินชี้แจงกลับมา รอการประเมินผล และติดต่อผู้ร้องเรียนกลับไป

เฉพาะการร้องเรียนเกี่ยวกับโทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงล่าสุดเฉพาะ 22 วันแรกของเดือนม.ค.มีคนร้องเรียนมาทั้งสิ้น 420 ราย และหากรวมกับช่วงที่มีคนร้องเรียนเข้ามาเยอะในกรณีนี้เดือนต.ค.-ธ.ค.52 มีทั้งสิ้น 489 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นแม้ธปท.จะมีการประชาสัมพันธ์ไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยประเด็นเหล่านี้ธปท.ได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและอยู่ระหว่างการสอบสวนอยู่จึงเชื่อว่าหากตำรวจดำเนินการจับกุมได้จะช่วยให้ปัญหานี้เบาบ้างลงได้

นายกำธรกล่าวว่า ประเด็นเรื่องค่าธรรมเนียมบริการด้านการเงินที่ปัจจุบันสถาบันการเงินมีการตกลงกันเอง แต่เชื่อว่าสถาบันการเงินให้ความสำคัญการแข่งขันบริการมากกว่า ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกรับบริการทางการเงินกับสถาบันการเงินที่เสนอค่าธรรมเนียมที่ต่ำ

กรณีที่ศูนย์ฯ จะยุติบทบาทลงในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ เสนอให้แก่ผู้บริหารธปท.ตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่าจะมีการต่ออายุของศูนย์นี้หรือไม่.
กำลังโหลดความคิดเห็น