นายบุญเลิศ ปลื้มสืบกุล ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ บริษัทเอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่าในปัจจุบันสภาพอากาศของประเทศในเขตหนาวที่หนาวขึ้นกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้มีความต้องการใช้พลังงานความร้อนมากกว่าในอดีต ประกอบกับการผลิตถ่านหินในประเทศจีน ที่ไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีการเติบโตในอัตราเกิน 10% ทำให้การนำเข้าถ่านหินของจีน รวมถึงอินเดีย ในช่วงเดือนธันวาคม 2552 และมกราคม ปรับเพิ่มขึ้น เกินกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์
โดยในเบื้องต้นได้มีการประเมินว่า การนำเข้าถ่าหินของจีนจะยังคงสูงต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 2553 เพื่อนำถ่านหินไปใช้ในการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มสูงมากในช่วงฤดูหนาว และในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เริ่มมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวผลักดันให้ความต้องการนำเข้าของของจีนและหลายประเทศยังคงสูงอยู่
" นอกจากราคาในตัวถ่านหินเองที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ความต้องการการใช้เรือ Vessel ขนถ่ายถ่านหิน และการติดขัดในท่าเรือของหลายประเทศ (port congestion) เนื่องจากสภาพอากาศที่ส่งผลให้การขนถ่ายสินค้าล่าช้า การทำ transshipment ติดขัดและล่าช้า ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เรือขนส่งขาดตลาด ซึ่งมีผลโดยตรงต่อค่าระวางเรือ (freight charge) โดยสูงขึ้นกว่า 20% -30% เมื่อเทียบกับช่วงต้นไตรมาสที่แล้ว และด้วยปัจจัยดังกล่าวข้างต้นนี้ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อราคาถ่านหินอย่างเห็นได้ชัด " นายบุญเลิศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินได้มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจาก 65-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในไตรมาส3 ปี 52 มาแตะที่ระดับ 75-85 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน. ในไตรมาส 4 ปี 52 โดยราคาถ่านหินยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 53 ซึ่งการที่ความต้องการถ่านหินมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลดีต่อการซื้อขายของผู้ประกอบการในธุรกิจถ่านหิน ดังนั้นหากเป็นอย่างที่บริษัทคาดการณ์จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 53 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% จากปี 52 ที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2,100 ล้านบาท
โดยในเบื้องต้นได้มีการประเมินว่า การนำเข้าถ่าหินของจีนจะยังคงสูงต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 2553 เพื่อนำถ่านหินไปใช้ในการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มสูงมากในช่วงฤดูหนาว และในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เริ่มมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวผลักดันให้ความต้องการนำเข้าของของจีนและหลายประเทศยังคงสูงอยู่
" นอกจากราคาในตัวถ่านหินเองที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ความต้องการการใช้เรือ Vessel ขนถ่ายถ่านหิน และการติดขัดในท่าเรือของหลายประเทศ (port congestion) เนื่องจากสภาพอากาศที่ส่งผลให้การขนถ่ายสินค้าล่าช้า การทำ transshipment ติดขัดและล่าช้า ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เรือขนส่งขาดตลาด ซึ่งมีผลโดยตรงต่อค่าระวางเรือ (freight charge) โดยสูงขึ้นกว่า 20% -30% เมื่อเทียบกับช่วงต้นไตรมาสที่แล้ว และด้วยปัจจัยดังกล่าวข้างต้นนี้ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อราคาถ่านหินอย่างเห็นได้ชัด " นายบุญเลิศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินได้มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจาก 65-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในไตรมาส3 ปี 52 มาแตะที่ระดับ 75-85 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน. ในไตรมาส 4 ปี 52 โดยราคาถ่านหินยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 53 ซึ่งการที่ความต้องการถ่านหินมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลดีต่อการซื้อขายของผู้ประกอบการในธุรกิจถ่านหิน ดังนั้นหากเป็นอย่างที่บริษัทคาดการณ์จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 53 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% จากปี 52 ที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2,100 ล้านบาท