ตัวแทนบริษัท ไทยปาล์มออย จำกัด เข้าร้องกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีต่อกลุ่มคนร้ายที่ขโมยกะลาปาล์มมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทไปจากเรือบรรทุกสินค้า หลังจอดเทียบท่าปฐมรัตน์ใน จ.สมุทรสาคร แล้วกะลาปาล์มหายไป พบพิรุธรอยตีนตะขาบของรถแบ็กโฮอยู่บนกองกะลาปาล์ม แจ้งความไว้ที่ สน.พื้นที่แต่ไม่ดำเนินการ เชื่อคนในเรืออาจรู้เห็น
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กองปราบปราม นายกษิ ดิษธนรัชต์ อายุ 48 ปี ตัวแทน บริษัท ไทยปาล์มออย จำกัด เข้าพบ พ.ต.ต.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) กก.5 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินต่อคนร้ายที่ก่อเหตุขโมยกะลาปาล์มมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทไปจากเรือบรรทุกสินค้าที่จอดเทียบท่าปฐมรัตน์ อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร
นายกษิให้การว่า ทางบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจปลูกต้นปาล์มใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมาเลเซีย โดยก่อนหน้านี้ได้สั่งซื้อกะลาปาล์มจากมาเลเซียมาส่งให้ลูกค้าในเมืองไทยเพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสหกรรม เพราะสามารถให้พลังงานความร้อนได้สูง จากนั้นได้ว่าจ้างเรือบรรทุกสินค้าชื่อ Lion Kim Trans 2303 สัญชาติสิงคโปร์ บรรทุกกะลาปาล์มมาจากรัฐยะโฮ ประเทศมาเลเซีย จำนวน 5,298 ตัน ในราคาตันละ 2,500 บาท โดยเรือออกจากท่าในวันที่ 4 มกราคม กำหนดเดินทางถึงท่าเรือปฐมรัตน์ อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร วันที่ 11 มกราคม แต่ปรากฏว่าเรือเดินทางมาช้ากว่าที่กำหนด 6 วัน
นายกษิกล่าวต่อว่า เมื่อเรือมาถึงตนจึงเดินทางไปตรวจดูสินค้า พบพิรุธเพราะมีรอยตีนตะขาบของรถแบ็กโฮอยู่บนกองกะลาปาล์ม จึงสอบถามกัปตันเรือชาวอินโดนีเซีย แต่เจ้าตัวอ้างว่า เจอลมแรงทำให้กะลาปาล์มถูกพัดลงทะเล ด้วยความสงสัยจึงสั่งให้ลูกน้องทำการชั่งสินค้าอย่างละเอียดอีกครั้งพบว่าหายไปจำนวน 2,533 ตัน มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.ย่อยท่าฉลอม อ.มหาชัย แต่พนักงานสอบสวนกลับไม่ดำเนินการใดๆ จึงปรึกษานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนแนะนำให้มาแจ้งความที่กองปราบปรามดังกล่าว
“เป็นไปไม่ได้ที่ลมจะพัดกะลาปาล์มลงทะเลถึง 2,533 ตัน ผมสงสัยว่าคนในเรืออาจจะรู้เห็นหรือนำเรือไปจอดที่ท่าอื่น ก่อนให้พรรคพวกนำรถแบ็กโฮมาขนไปขาย ซึ่งในส่วนนี้ทางบริษัทไม่ได้ทำประกันสินค้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม อยากให้เจ้าหน้าที่รีบจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุดเพราะมีความเสียหายเกิดขึ้นจำนวนมาก” นายกษิ กล่าว
ด้านพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาคดีต่อไป
