ASTVผู้จัดการรายวัน-“มาร์ค” เมิน นช.แม้วตั้งรบ.เถื่อน ย้อนถาม “จะไปทำตอนไหน” “เทพเทือก”ไล่ไปตั้งในเขมร-ปาปัวนิวกีนี ประธานวุฒิ”เชื่อ ไม่มีปฏิวัติ ด้าน“นพดล ปัทมะ” หยามคนไทย! เอาใจนายใหญ่ ตีปี๊บ! พิมพ์ประวัติ “นช.แม้ว” ตอกย้ำสันดานรวยแล้วไม่โกง ปัดแจกชาวบ้านหวังกดดันศาลก่อนพิจารณาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท
วานนี้ (24 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นหากเกิดการปฎิวัติว่า "ไม่มีความเห็นหรอกครับ เพราะท่านก็วิเคราะห์อะไรไปเรื่อย เห็นวิเคราะห์มาเยอะแล้วครับ ไปทำอะไรตอนไหนพลัดถิ่น เพราะตอนนี้ยังไม่มีกรณีเช่นนั้น และการปฏิวัติที่พูดอยู่ เป็นการปฏิวัติรัฐบาลไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ"
**ไล่แม้วไปตั้งรบ.พลัดถิ่นในเขมร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นจริง คงจะไม่เป็นที่ยอมรับของชาวโลก เพราะการตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นโดยทั่วไปต้องเกิดขึ้นภายหลังการปฏิวัติ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกปฏิวัติมาตอนปี 2549 จนมีรัฐบาลที่มาจากพรรคพวกตัวเองมา 2 รัฐบาล จนมาถึงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากพ.ต.ท.ทักษิณต้องการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นจริงก็คงตั้งได้แค่ในประเทศกัมพูชาและปาปัวนิวกีนี แต่เชื่อว่าหากมีการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นจริง ก็ไม่กระทบกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และไม่น่ากลัวอะไร ตนขออย่างเดียว อย่าเผาบ้านเผาเมือง เหมือนตอนเดือนเมษายนปี 2552 เพราะบ้านเมืองจะทรุดไปอีกหลายเดือน
**เทือกย้ำไม่ประมาทเสื้อแดง
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการยุติการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เขาสอยดาว และจะไปกดดันกองทัพต่อว่า ตนก็พยายามที่จะวางใจเพราะตนเป็นคนมองโลกในแง่ดี คนพูดอะไรก็เชื่อไว้ก่อน เพราะจะทำให้ประชาชนคนไทยมีความสุขไปด้วยแต่ก็ไม่ประมาท และพยายามคิดในแง่ดี เมื่อคนเสื้อแดงบอกว่าจะถอนตัวก็ดีใจด้วย ซึ่งประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ฟังข่าวก็อาจจะดีใจด้วย เพราะทุกคนอยากเห็นบ้านเมือง สงบเรียบร้อย เรากำลังพัฒนาและแก้ไขปัญหาของประเทศได้เป็นอย่างดี
"วันนี้ยอดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประแทศเป็นจำนวนมากมายเป็นพิเศษ และจะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงตรุษจีน เพราะฉะนั้น ถ้ามีอะไรที่เป็นข่าวดีของประเทศไทย ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องกังวล ซึ่งเป็นผลดีที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ประมาท ได้มีการเตรียมรับสถานการณ์ตลอดเวลา ตั้งเป้าหมายว่าต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองไว้ให้ได้”
ส่วนที่ประเมินวันที่ 19-26 ก.พ. จะเป็นช่วงอันตรายที่อาจจะมีความรุนแรง เกิดขึ้น ซึ่งมีปัจจัยอะไรหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้ประเมินจากการรายงาน ข่าวที่ได้มาจากฝ่ายแกนนำผู้ประสานงานของกลุ่มผู้จัดชุมนุม เขาพูดไว้ในที่ต่างๆ หลายแห่ง ไม่ได้ปิดบังอะไร รวมทั้งการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ทวิตเตอร์และโฟนอินเข้ามา ก็บอกชัดเจนว่าอยากทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงเวลาดังกล่าวอาจจะเกิดความรุนแรง เหมือนกับเป็นฉากสุดท้ายแล้วหรือยัง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราคนไทยด้วยกัน อย่าคิดที่จะต้องเผด็จศึก เป็นฉากสุดท้ายอย่างนั้น ยังต้องมีชีวิตอยู่ด้วยกันในประเทศไทยไปอีกนาน เราอย่าทำอะไรที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ หรือสร้างความบาดหมางเพื่อขยายผลมากกว่าไปนี้ เพราะปัญหาที่มีอยู่ในขณะนี้ ถ้าช่วยกันเยียวยาจริงๆ ปัญหาก็จะเบาบางลงก็จะดีขึ้นเอง
**ตอกย้ำสันดานรวยแล้วไม่โกง
อีกด้านหนึ่งอดีตนักเรียนทุนมหิดล อย่าง “นายนพดล ปัทมะ” ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้จะมีการทำเอกสารจากกลุ่มคนที่ชื่นชอบพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อชี้แจงกระบวนการต่างๆ ภายหลังการยึดอำนาจ การใช้ระบบ 2 มาตรฐานในประเทศไทย และประวัติของ พ.ต.ท.ทักษิณรวมทั้งครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่ง ทางการเมืองที่ปรากฏชัดว่าร่ำรวยมาก่อนเล่นการเมือง รวมทั้งชี้แจงกระบวนการ ทำมาหากินก่อนและระหว่างที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะจัดทำเป็นจำนวนหลายแสนฉบับ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่การกดดันศาลหรือหวังให้ส่งผล กระทบต่อคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท แต่เป็นเพียงการสื่อสารกับสังคมเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าผลของคดีจะออกมาอย่างไรหรือการเลือกตั้งครั้งหน้าจะออกมาแบบไหน ความจริงก็ยังเป็นสิ่งที่จะคงอยู่ ทั้งนี้ตนคงจะต้องดูเนื้อหาของเอกสารฉบับดังกล่าวด้วย โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการแจกจ่ายทั่วประเทศในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์
นายนพดล กล่าวว่า การพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านมา ไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งคดีนี้ทีมทนายความก็ยื่นคำแถลงปิดคดี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว โดยเรื่องนี้ที่กำลังจะดำเนินการเพิ่ม คือ การชี้แจงให้พี่น้องประชาชนทั้งไทยและต่างชาติ เข้าใจถึงการประกอบอาชีพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าก่อนที่จะมาเป็นนายก ฯ มีความร่ำรวยมาก่อน
**ปัดสวะ!รวยแล้วยิ่งโกง
นายนพดล อ้างว่าการทำเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงประชาชนดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการกดดันหรือกระทบการจะตัดสินคดีของศาลที่มีขึ้นในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ซึ่งเราต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกกล่าวหาว่ากดดันศาลโดยเราไม่คิดจะทำอยู่แล้ว แต่เห็นว่าการแจกเอกสารชี้แจงเป็นเรื่องที่ทำได้โดยกลุ่มคนรักทักษิณที่เป็นผู้ที่หวังดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำเพราะสงสารท่าน ไม่ใช่ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ที่คิดจะดำเนินการ เรื่องนี้เอง โดยส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ จะดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ผ่านรายการโทรทัศน์ ทอล์ค อะราว เดอะ เวิล์ด ช่วงเย็นทุกวันอังคาร ซึ่งจะทยอยชี้แจงข้อเท็จจริงตอบประชาชนแบบเป็นซีรีย์ ลำดับเรื่องราวเป็นตอนๆ
“ไม่ว่าคดีนี้ศาลจะตัดสินอย่างไร ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร ประเทศไทยยังคงต้องอยู่ ความจริงยังต้องมีอยู่ ซึ่งความจริงก็คือความจริง ไม่ว่าจะดีหรือร้ายกับใคร ก็คือความจริงที่ควรต้องถูกบันทึกไว้”
นายนพดล ยังกล่าวถึงการทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่า เวลานี้มีการปลอมชื่อทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกว่าเป็นทักษิณวอยส์ ซึ่งสร้างความสับสนอย่างมาก ตนจึงขอย้ำอีกครั้งการติดต่อพ.ต.ท.ทักษิณ มีเพียงทักษิณไลฟ์ กับทักษิณบิส ที่สะกดด้วย BIZ เท่านั้น ไม่มีชื่ออย่างอื่นแน่นอน โดยเรื่องนี้ไม่อยากมองว่าเป็นผลงานของรัฐบาล แต่มองว่าเป็นเรื่องของไม่ปราถนาดีกว่าที่สร้างความสับสนดังกล่าว โดยพยายามทให้เหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตนอยากจะขอให้ผู้ไม่หวังดัยุติการกระทำเช่นนี้
**ประธานวุฒิไม่เชื่อปฏิวัติอีก
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปฏิวัติ รัฐประหาร เพราะไม่มีเงื่อนไขอะไรที่จะก่อให้เกิดการปฏิวัตร เพราะเหตุการณ์ยังสงบเงียบอยู่ คิดว่า เป็นการปล่อยข่าว เพื่อโยนหินถามทางของคนที่อยากให้เกิด การปฏิวัตรมากกว่า เชื่อว่า ขณะนี้ทหารก็ไม่อยากจะทำ เพราะ การปฏิวัตรเป็นการ ถอยหลังเข้าคลอง และเชื่อว่าทุกคนก็ไม่อยากให้มีการปฏิวัตร เพราะเศรษฐกิจกำลังฟื้น ประเทศกำลังเดินไปได้
**แดงถอนกำลังเขาสอยดาว
อีกด้านกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ชุมนุมอยู่ภายในสนามกอล์ฟสอยดาว อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ได้สลายการชุมนุมแล้วเมื่อเวลา 05.00 น.ของเช้าวานนี้ (24 ม.ค.) หลังจากที่มีการประกาศว่าจะยกเลิกการชุมนุมในเวลา 12.00 น.โดยก่อนที่จะมีการสลายการชุมนุมบรรดาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ นปช. นำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายสุพร อัตถาวงศ์ นายประวัตร อุตตะโมด และนายสำเริง ประจำเรือ แกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดจันทบุรี ได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเวทีกล่าวโจมตีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างต่อเนื่อง โดยเนื้อหาหลักยังคงมุ่งเน้นโจมตีในเรื่องของการทำงานใน 2 มาตรฐานของรัฐบาลและการได้มาของที่ดินหลายแห่งที่มีผู้อยู่เบื้องหลังจนทำให้ประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนท่จะมีการประกาศสลายการชุมนุมบรรดาแกนนำดังกล่าว ได้ประกาศต่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ว่า จะมีการชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 29 ม.ค.นี้ที่สนามกอล์ฟเชียงใหม่ และต่อด้วยสนามกอล์ฟภูเก็ต
สำหรับการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหรือมีการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่รวมถึงมือที่ 3 ที่จะเข้าไปก่อความวุ่นวาย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร จำนวนหลายร้อยนายคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดแลเเข้มงวด
รายงานข่าวแจ้งว่าภายหลังจากกลุ่มคนเสื้อแดง ได้สลายการชุมนุมแล้วได้มีการทิ้งเศษขยะไว้เกลื่อนบริเวณที่ชุมนุมเขาสอยดาว โดยมิได้มีการเก็บกวาดแต่อย่างใด ส่งผลให้บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเศษขยะ โดยเฉพาะบริเวณตามถนน ซึ่งมีทั้งขวดน้ำ ถุงพลาสติก และกระดาษ เป็นที่รกตาของผู้สัญจรไป-มาและนักท่องเที่ยว
**แดงเชียงใหม่เถื่อนอีก!!
วันเดียวกัน เวลา 17.00 น. กลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่51 นำโดยนางกัญญาภัค มณีจักรหรือดีเจอ้อม แกนนำรักเชียงใหม่51 และนายอภิชาติ สอนดี หรือดีเจอ้วน นำคนเสื้อแดงประมาณ 40-50 คนเดินทางไปปิดล้อมที่บ้านพักส่วนตัวของนายสมนึก ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านโป่งดิน ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ภายหลังจากที่ทราบว่านายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงประชุมพนักงานและสังสรรค์บริษัททัวร์ในเครือของ บริษัทวอตช์ดอกซ์ที่นายเจิมศักดิ์เป็นผู้บริหารอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยสะเก็ด นำโดยพ.ต.ท.ประมาณ เนื่องจากฉิม รองผกก.ป. นำกำลังตำรวจทั้งโรงพักกว่า 40 นายไปควบคุมสถานการณ์และพยายามทำความเข้าใจแจ้งให้กลุ่มเสื้อแดงทราบว่านายเจิมศักดิ์ได้เดินทางออกจากบ้านไปแล้วตั้งแต่ 13.30 น.แต่กลุ่มเสื้อแดงไม่เชื่อ
ทั้งนี้ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ระดมคนทำการปิดล้อมบ้านพักรับรองใที่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และพนักงานบริษัทวอทช์ด็อก ประมาณ 50 คน กำลังประชุมสัมมนากันอยู่ โดยกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้กล่าวโจมตีและมีการจุดประทัดเสียงดังเพื่อแสดงการขับไล่และต่อต้าน ดร.เจิมศักดิ์ ท่ามกลางการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตามรายงานข่าวระบุว่าในช่วงก่อนที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จะทำการ
ชุมนุมปิดล้อมบ้านพักรับรองดังกล่าวที่มีการประชุมสัมมนากันอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัว ดร.เจิมศักดิ์ ออกไปจากบ้านดังกล่าวแล้วเพื่อความปลอดภัย หลังจากที่ทราบข่าวว่ากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 มีการปลุกระดมคนผ่านทางคลื่นวิทยุชุมชนเพื่อการนี้
**แดงถ่อยปาหินไล่“เจิมศักดิ์”
ด้าน ดร.เจิมศักดิ์ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์กับ “ASTVผู้จัดการ” ว่า ขณะนี้ได้อยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว พร้อมเล่าว่าเดินทางมาสัมมนาที่จังหวัดเชียงใหม่กับพนักงานบริษัท โดยเดินทางด้วยรถไฟมาถึงตั้งแต่วานนี้(23 ม.ค.53) ซึ่งเมื่อถึงสถานีรถไฟก็ถูกกลุ่มคนขับสี่ล้อแดงรับจ้างพูดจาต่อว่าเสียดสีเกี่ยวกับการทำงานแต่ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งระหว่างการสัมมนาในวันนี้เวลาประมาณ 15.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาแจ้งให้ทราบว่ากลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ จะระดมคนมาปิดล้อมขับไล่ และเชิญตัวออกไปก่อนเพื่อความปลอดภัย
ต่อมา 18.15 น. วันเดียวกันกลุ่มเสื้อแดงซึ่งเปิดปราศรัยตะโกนด่าทอเพราะคิดว่านายเจิมศักดิ์ ยังอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว และได้มีการจุดประทัดขับไล่พร้อมมีการขว้างปาก้อนหินยิงหนังสะติ๊กเข้าไปภายในบ้าน ส่งผลให้กระจกแตก แต่เบื้องต้นไม่มีใครได้ รับบาดเจ็บเพียงแต่สร้างความตื่นตระหนกให้กับพนักงานที่มาร่วมงานซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นหญิงสาวราว 40 คน กลุ่มเสื้อแดง ยังคงปิดล้อมอยู่จนค่ำและมีการตัดไฟส่งผลให้ไฟฟ้าภายในบ้านหลังดังกล่าวดับลง
รายงานข่าวแจ้งว่าตำรวจได้พยายามประสานผู้ใหญ่บ้านและกำนันในพื้นที่เพื่อให้เดินทางมาเจรจากับแกนนำเสื้อ แดง แต่กลับไม่มีผู้ใดเดินทางมา สำหรับการเดินทางมาปิดล้อมขับไล่นายเจิมศักดิ์ครั้งนี้เนื่องจากมีสมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดงพบ เห็นนายเจิมศักดิ์โดยบังเอิญและมีการสะกดรอยตามมา จนกระทั่งนำไปสู่การประกาศระดมคนผ่านทางวิทยุชุมชน
วานนี้ (24 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นหากเกิดการปฎิวัติว่า "ไม่มีความเห็นหรอกครับ เพราะท่านก็วิเคราะห์อะไรไปเรื่อย เห็นวิเคราะห์มาเยอะแล้วครับ ไปทำอะไรตอนไหนพลัดถิ่น เพราะตอนนี้ยังไม่มีกรณีเช่นนั้น และการปฏิวัติที่พูดอยู่ เป็นการปฏิวัติรัฐบาลไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ"
**ไล่แม้วไปตั้งรบ.พลัดถิ่นในเขมร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นจริง คงจะไม่เป็นที่ยอมรับของชาวโลก เพราะการตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นโดยทั่วไปต้องเกิดขึ้นภายหลังการปฏิวัติ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกปฏิวัติมาตอนปี 2549 จนมีรัฐบาลที่มาจากพรรคพวกตัวเองมา 2 รัฐบาล จนมาถึงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากพ.ต.ท.ทักษิณต้องการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นจริงก็คงตั้งได้แค่ในประเทศกัมพูชาและปาปัวนิวกีนี แต่เชื่อว่าหากมีการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นจริง ก็ไม่กระทบกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และไม่น่ากลัวอะไร ตนขออย่างเดียว อย่าเผาบ้านเผาเมือง เหมือนตอนเดือนเมษายนปี 2552 เพราะบ้านเมืองจะทรุดไปอีกหลายเดือน
**เทือกย้ำไม่ประมาทเสื้อแดง
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการยุติการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เขาสอยดาว และจะไปกดดันกองทัพต่อว่า ตนก็พยายามที่จะวางใจเพราะตนเป็นคนมองโลกในแง่ดี คนพูดอะไรก็เชื่อไว้ก่อน เพราะจะทำให้ประชาชนคนไทยมีความสุขไปด้วยแต่ก็ไม่ประมาท และพยายามคิดในแง่ดี เมื่อคนเสื้อแดงบอกว่าจะถอนตัวก็ดีใจด้วย ซึ่งประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ฟังข่าวก็อาจจะดีใจด้วย เพราะทุกคนอยากเห็นบ้านเมือง สงบเรียบร้อย เรากำลังพัฒนาและแก้ไขปัญหาของประเทศได้เป็นอย่างดี
"วันนี้ยอดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประแทศเป็นจำนวนมากมายเป็นพิเศษ และจะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงตรุษจีน เพราะฉะนั้น ถ้ามีอะไรที่เป็นข่าวดีของประเทศไทย ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องกังวล ซึ่งเป็นผลดีที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ประมาท ได้มีการเตรียมรับสถานการณ์ตลอดเวลา ตั้งเป้าหมายว่าต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองไว้ให้ได้”
ส่วนที่ประเมินวันที่ 19-26 ก.พ. จะเป็นช่วงอันตรายที่อาจจะมีความรุนแรง เกิดขึ้น ซึ่งมีปัจจัยอะไรหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้ประเมินจากการรายงาน ข่าวที่ได้มาจากฝ่ายแกนนำผู้ประสานงานของกลุ่มผู้จัดชุมนุม เขาพูดไว้ในที่ต่างๆ หลายแห่ง ไม่ได้ปิดบังอะไร รวมทั้งการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ทวิตเตอร์และโฟนอินเข้ามา ก็บอกชัดเจนว่าอยากทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงเวลาดังกล่าวอาจจะเกิดความรุนแรง เหมือนกับเป็นฉากสุดท้ายแล้วหรือยัง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราคนไทยด้วยกัน อย่าคิดที่จะต้องเผด็จศึก เป็นฉากสุดท้ายอย่างนั้น ยังต้องมีชีวิตอยู่ด้วยกันในประเทศไทยไปอีกนาน เราอย่าทำอะไรที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ หรือสร้างความบาดหมางเพื่อขยายผลมากกว่าไปนี้ เพราะปัญหาที่มีอยู่ในขณะนี้ ถ้าช่วยกันเยียวยาจริงๆ ปัญหาก็จะเบาบางลงก็จะดีขึ้นเอง
**ตอกย้ำสันดานรวยแล้วไม่โกง
อีกด้านหนึ่งอดีตนักเรียนทุนมหิดล อย่าง “นายนพดล ปัทมะ” ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้จะมีการทำเอกสารจากกลุ่มคนที่ชื่นชอบพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อชี้แจงกระบวนการต่างๆ ภายหลังการยึดอำนาจ การใช้ระบบ 2 มาตรฐานในประเทศไทย และประวัติของ พ.ต.ท.ทักษิณรวมทั้งครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่ง ทางการเมืองที่ปรากฏชัดว่าร่ำรวยมาก่อนเล่นการเมือง รวมทั้งชี้แจงกระบวนการ ทำมาหากินก่อนและระหว่างที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะจัดทำเป็นจำนวนหลายแสนฉบับ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่การกดดันศาลหรือหวังให้ส่งผล กระทบต่อคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท แต่เป็นเพียงการสื่อสารกับสังคมเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าผลของคดีจะออกมาอย่างไรหรือการเลือกตั้งครั้งหน้าจะออกมาแบบไหน ความจริงก็ยังเป็นสิ่งที่จะคงอยู่ ทั้งนี้ตนคงจะต้องดูเนื้อหาของเอกสารฉบับดังกล่าวด้วย โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการแจกจ่ายทั่วประเทศในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์
นายนพดล กล่าวว่า การพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านมา ไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งคดีนี้ทีมทนายความก็ยื่นคำแถลงปิดคดี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว โดยเรื่องนี้ที่กำลังจะดำเนินการเพิ่ม คือ การชี้แจงให้พี่น้องประชาชนทั้งไทยและต่างชาติ เข้าใจถึงการประกอบอาชีพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าก่อนที่จะมาเป็นนายก ฯ มีความร่ำรวยมาก่อน
**ปัดสวะ!รวยแล้วยิ่งโกง
นายนพดล อ้างว่าการทำเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงประชาชนดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการกดดันหรือกระทบการจะตัดสินคดีของศาลที่มีขึ้นในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ซึ่งเราต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกกล่าวหาว่ากดดันศาลโดยเราไม่คิดจะทำอยู่แล้ว แต่เห็นว่าการแจกเอกสารชี้แจงเป็นเรื่องที่ทำได้โดยกลุ่มคนรักทักษิณที่เป็นผู้ที่หวังดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำเพราะสงสารท่าน ไม่ใช่ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ที่คิดจะดำเนินการ เรื่องนี้เอง โดยส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ จะดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ผ่านรายการโทรทัศน์ ทอล์ค อะราว เดอะ เวิล์ด ช่วงเย็นทุกวันอังคาร ซึ่งจะทยอยชี้แจงข้อเท็จจริงตอบประชาชนแบบเป็นซีรีย์ ลำดับเรื่องราวเป็นตอนๆ
“ไม่ว่าคดีนี้ศาลจะตัดสินอย่างไร ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร ประเทศไทยยังคงต้องอยู่ ความจริงยังต้องมีอยู่ ซึ่งความจริงก็คือความจริง ไม่ว่าจะดีหรือร้ายกับใคร ก็คือความจริงที่ควรต้องถูกบันทึกไว้”
นายนพดล ยังกล่าวถึงการทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่า เวลานี้มีการปลอมชื่อทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกว่าเป็นทักษิณวอยส์ ซึ่งสร้างความสับสนอย่างมาก ตนจึงขอย้ำอีกครั้งการติดต่อพ.ต.ท.ทักษิณ มีเพียงทักษิณไลฟ์ กับทักษิณบิส ที่สะกดด้วย BIZ เท่านั้น ไม่มีชื่ออย่างอื่นแน่นอน โดยเรื่องนี้ไม่อยากมองว่าเป็นผลงานของรัฐบาล แต่มองว่าเป็นเรื่องของไม่ปราถนาดีกว่าที่สร้างความสับสนดังกล่าว โดยพยายามทให้เหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตนอยากจะขอให้ผู้ไม่หวังดัยุติการกระทำเช่นนี้
**ประธานวุฒิไม่เชื่อปฏิวัติอีก
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปฏิวัติ รัฐประหาร เพราะไม่มีเงื่อนไขอะไรที่จะก่อให้เกิดการปฏิวัตร เพราะเหตุการณ์ยังสงบเงียบอยู่ คิดว่า เป็นการปล่อยข่าว เพื่อโยนหินถามทางของคนที่อยากให้เกิด การปฏิวัตรมากกว่า เชื่อว่า ขณะนี้ทหารก็ไม่อยากจะทำ เพราะ การปฏิวัตรเป็นการ ถอยหลังเข้าคลอง และเชื่อว่าทุกคนก็ไม่อยากให้มีการปฏิวัตร เพราะเศรษฐกิจกำลังฟื้น ประเทศกำลังเดินไปได้
**แดงถอนกำลังเขาสอยดาว
อีกด้านกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ชุมนุมอยู่ภายในสนามกอล์ฟสอยดาว อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ได้สลายการชุมนุมแล้วเมื่อเวลา 05.00 น.ของเช้าวานนี้ (24 ม.ค.) หลังจากที่มีการประกาศว่าจะยกเลิกการชุมนุมในเวลา 12.00 น.โดยก่อนที่จะมีการสลายการชุมนุมบรรดาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ นปช. นำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายสุพร อัตถาวงศ์ นายประวัตร อุตตะโมด และนายสำเริง ประจำเรือ แกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดจันทบุรี ได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเวทีกล่าวโจมตีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างต่อเนื่อง โดยเนื้อหาหลักยังคงมุ่งเน้นโจมตีในเรื่องของการทำงานใน 2 มาตรฐานของรัฐบาลและการได้มาของที่ดินหลายแห่งที่มีผู้อยู่เบื้องหลังจนทำให้ประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนท่จะมีการประกาศสลายการชุมนุมบรรดาแกนนำดังกล่าว ได้ประกาศต่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ว่า จะมีการชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 29 ม.ค.นี้ที่สนามกอล์ฟเชียงใหม่ และต่อด้วยสนามกอล์ฟภูเก็ต
สำหรับการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหรือมีการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่รวมถึงมือที่ 3 ที่จะเข้าไปก่อความวุ่นวาย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร จำนวนหลายร้อยนายคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดแลเเข้มงวด
รายงานข่าวแจ้งว่าภายหลังจากกลุ่มคนเสื้อแดง ได้สลายการชุมนุมแล้วได้มีการทิ้งเศษขยะไว้เกลื่อนบริเวณที่ชุมนุมเขาสอยดาว โดยมิได้มีการเก็บกวาดแต่อย่างใด ส่งผลให้บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเศษขยะ โดยเฉพาะบริเวณตามถนน ซึ่งมีทั้งขวดน้ำ ถุงพลาสติก และกระดาษ เป็นที่รกตาของผู้สัญจรไป-มาและนักท่องเที่ยว
**แดงเชียงใหม่เถื่อนอีก!!
วันเดียวกัน เวลา 17.00 น. กลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่51 นำโดยนางกัญญาภัค มณีจักรหรือดีเจอ้อม แกนนำรักเชียงใหม่51 และนายอภิชาติ สอนดี หรือดีเจอ้วน นำคนเสื้อแดงประมาณ 40-50 คนเดินทางไปปิดล้อมที่บ้านพักส่วนตัวของนายสมนึก ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านโป่งดิน ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ภายหลังจากที่ทราบว่านายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงประชุมพนักงานและสังสรรค์บริษัททัวร์ในเครือของ บริษัทวอตช์ดอกซ์ที่นายเจิมศักดิ์เป็นผู้บริหารอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยสะเก็ด นำโดยพ.ต.ท.ประมาณ เนื่องจากฉิม รองผกก.ป. นำกำลังตำรวจทั้งโรงพักกว่า 40 นายไปควบคุมสถานการณ์และพยายามทำความเข้าใจแจ้งให้กลุ่มเสื้อแดงทราบว่านายเจิมศักดิ์ได้เดินทางออกจากบ้านไปแล้วตั้งแต่ 13.30 น.แต่กลุ่มเสื้อแดงไม่เชื่อ
ทั้งนี้ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ระดมคนทำการปิดล้อมบ้านพักรับรองใที่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และพนักงานบริษัทวอทช์ด็อก ประมาณ 50 คน กำลังประชุมสัมมนากันอยู่ โดยกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้กล่าวโจมตีและมีการจุดประทัดเสียงดังเพื่อแสดงการขับไล่และต่อต้าน ดร.เจิมศักดิ์ ท่ามกลางการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตามรายงานข่าวระบุว่าในช่วงก่อนที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จะทำการ
ชุมนุมปิดล้อมบ้านพักรับรองดังกล่าวที่มีการประชุมสัมมนากันอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัว ดร.เจิมศักดิ์ ออกไปจากบ้านดังกล่าวแล้วเพื่อความปลอดภัย หลังจากที่ทราบข่าวว่ากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 มีการปลุกระดมคนผ่านทางคลื่นวิทยุชุมชนเพื่อการนี้
**แดงถ่อยปาหินไล่“เจิมศักดิ์”
ด้าน ดร.เจิมศักดิ์ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์กับ “ASTVผู้จัดการ” ว่า ขณะนี้ได้อยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว พร้อมเล่าว่าเดินทางมาสัมมนาที่จังหวัดเชียงใหม่กับพนักงานบริษัท โดยเดินทางด้วยรถไฟมาถึงตั้งแต่วานนี้(23 ม.ค.53) ซึ่งเมื่อถึงสถานีรถไฟก็ถูกกลุ่มคนขับสี่ล้อแดงรับจ้างพูดจาต่อว่าเสียดสีเกี่ยวกับการทำงานแต่ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งระหว่างการสัมมนาในวันนี้เวลาประมาณ 15.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาแจ้งให้ทราบว่ากลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ จะระดมคนมาปิดล้อมขับไล่ และเชิญตัวออกไปก่อนเพื่อความปลอดภัย
ต่อมา 18.15 น. วันเดียวกันกลุ่มเสื้อแดงซึ่งเปิดปราศรัยตะโกนด่าทอเพราะคิดว่านายเจิมศักดิ์ ยังอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว และได้มีการจุดประทัดขับไล่พร้อมมีการขว้างปาก้อนหินยิงหนังสะติ๊กเข้าไปภายในบ้าน ส่งผลให้กระจกแตก แต่เบื้องต้นไม่มีใครได้ รับบาดเจ็บเพียงแต่สร้างความตื่นตระหนกให้กับพนักงานที่มาร่วมงานซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นหญิงสาวราว 40 คน กลุ่มเสื้อแดง ยังคงปิดล้อมอยู่จนค่ำและมีการตัดไฟส่งผลให้ไฟฟ้าภายในบ้านหลังดังกล่าวดับลง
รายงานข่าวแจ้งว่าตำรวจได้พยายามประสานผู้ใหญ่บ้านและกำนันในพื้นที่เพื่อให้เดินทางมาเจรจากับแกนนำเสื้อ แดง แต่กลับไม่มีผู้ใดเดินทางมา สำหรับการเดินทางมาปิดล้อมขับไล่นายเจิมศักดิ์ครั้งนี้เนื่องจากมีสมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดงพบ เห็นนายเจิมศักดิ์โดยบังเอิญและมีการสะกดรอยตามมา จนกระทั่งนำไปสู่การประกาศระดมคนผ่านทางวิทยุชุมชน