ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หาดใหญ่โพล เผยผลสำรวจเกี่ยวกับการแก้ปัญหา 3 จชต.ของ "รัฐบาลอภิสิทธิ์" พบว่าไม่แตกต่างกับ "พรรคเพื่อไทย" แต่พอใจกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดและให้รัฐบาลคงรูปแบบการบริหารเดิมไว้ พร้อมให้ทบทวนและตรวจสอบการใช้งบฯที่ใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มากกว่านี้
หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สำรวจ ความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับการดำเนินงานและการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 1,192 ตัวอย่างและใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 21-23 ม.ค.53
โดย รศ.ทัศนีย์ ประธาน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจพบว่าประชาชนพอใจผลงานการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลและผลงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายถาวร เสนเนียม อยู่ในระดับปานกลางโดยมีค่าเฉลี่ย 5.74 และ 5.44 คะแนน ตามลำดับ จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 68.1 เห็นว่า ผลงานการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่แตกต่างจากผลงานของพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 25.7 เห็นว่าผลงานการแก้ปัญหาของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ดีกว่า มีเพียงร้อยละ 6.2 ที่เห็นว่าการแก้ปัญหาของพรรคเพื่อไทยดีกว่าของรัฐบาลอภิสิทธิ์
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 75.1 เห็นว่ารูปแบบการบริหารงานเดิมไว้ มีเพียงร้อยละ 24.9 เห็นว่าควรมีรูปแบบการบริหารงานใหม่ ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 38.1 เห็นว่ารูปแบบเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหมาะสมกับพื้นที่มากที่สุด รองลงมา เขตปกครองพิเศษด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมและรูปแบบแนวคิดการกระจายอำนาจที่สมบูรณ์ คิดเป็นร้อยละ 19.3 และ 14.7 ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายพื้นที่และการนับถือศาสนา พบว่า ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และประชาชนจังหวัดสงขลา มีความคิดเห็นสอดคล้องกับภาพรวมในประเด็นการยึดรูปแบบการบริหารงานเดิมไว้ คิดเป็นร้อยละ 86.2 และ 56.2 ซึ่งสอดคล้องกับการนับถือศาสนา ทั้งนี้ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม คริสต์และศาสนาพุทธ ให้มีการยึดรูปแบบการบริหารงานเดิมไว้ คิดเป็นร้อยละ 84.7 62.5 และ 59.6 ตามลำดับ
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.9 เห็นด้วยให้มีการทบทวนและมีการตรวจสอบการใช้งบประมาณที่ใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มากที่สุด รองลงมา มีการส่งเสริมการศึกษาในทุกระดับให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์และวัฒนธรรมในพื้นที่ (ร้อยละ 61.0) ซึ่งสอดคล้องกับพื้นที่และการนับถือศาสนา นอกจากนี้ ประชาชนร้อยละ 48.6 เห็นด้วยให้มีการลดอัตรากำลังทหารอย่างเป็นระบบภายใน 3 ปี และการจัดตั้งศาลกฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดก ซึ่งเมื่อพิจารณาจากการนับถือศาสนา พบว่า ศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ ให้การสนับสนุนประเด็นทั้งสอง ส่วนศาสนาพุทธไม่เห็นสนับสนุนในประเด็นการลดอัตรากำลังทหารอย่างเป็นระบบภายใน 3 ปี และการจัดตั้งศาลกฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดก
ส่วนประเด็นการใช้ภาษามลายูเป็นภาษาการทำงานควบคู่กับภาษาไทย กับการพบว่า ประชาชนร้อยละ 57.3 ไม่เห็นด้วยการใช้ภาษามลายูเป็นภาษาการทำงานควบคู่กับภาษาไทย มีเพียงร้อยละ 35.0 ที่เห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นรายพื้นที่และการนับถือศาสนา พบว่า ประชาชนจังหวัดสงขลา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธ อิสลาม และศาสนาคริสต์ ไม่เห็นด้วยกับการใช้ภาษามลายูเป็นภาษาการทำงานควบคู่กับภาษาไทย
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่า ประชาชนพอใจการแก้ปัญหายาเสพติด มากที่สุด รองลงมา การแก้ปัญหาความยากจนและการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ส่วนที่ประชาชนเห็นว่าต้องควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วน พบว่า การพัฒนาสินค้าฮาลาล ความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ การสนับสนุนความเข้มแข็งของหมู่บ้าน การพัฒนาระบบการศึกษา การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ และการติดตั้ง CCTV ตามลำดับ
**ลอบบึ้ม จนท.ปัตตานี-นราฯเจ็บ9นาย
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบเมื่อเวลา 09.45 น. วานนี้ (24 ม.ค.) พ.ต.ท.วีรชาติ คูหามุข รอง ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดปัตตานี เข้าตรวจสอบเหตุระเบิดบนถนนทางหลวงชนบท ม.5 บ้านดอนนา ต.บางเขา อ.หนองจิก พบรถกระบะของทหารพรานชุดพัฒนาสันติ 43-4 และเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นายถูกนำส่งโรงพยาบาลหนองจิก คือ อาสาสมัครทหารพรานมานพ ชุมพล อาสาสมัครทหารพรานสมพงษ์ ปานเพชร และอาสาสมัครทหารพรานจอม เซ้งทับ
ส่วนที่เกิดเหตุพบชิ้นส่วนวัตถุระเบิดกระจัดกระจาย คาดว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ใส่ไว้ในถังดับเพลิงฝังใต้ผิวถนน ลากสายไฟเข้าไปในป่าข้างทางเป็นตัวจุดชนวน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นทราบว่าขณะที่ทหารชุดพัฒนาสันติ 43-4 จำนวน 5 นาย ออกจากฐานปฏิบัติการมาได้เพียง 2 กิโลเมตร เพื่อติดตามการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่องจากอุทกภัยที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุได้จุดชนวนระเบิดขึ้น และล่าสุดอาสาสมัครทหารพรานทั้ง 3 นาย อาการปลอดภัยแล้ว
ส่วนที่ จ.นราธิวาส คนร้ายได้ลอบวางระเบิดหมายสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 38 ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 6 นาย ที่บนถนนสายกูจิงลือปะ-ซีโปร์ ช่วงบริเวณ ม.3 ต.เฉลิม โดยรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ดสีดำของเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 38 ได้รับความเสียหาย ส่วนผู้บาดเจ็บ 6 นาย
หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สำรวจ ความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับการดำเนินงานและการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 1,192 ตัวอย่างและใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 21-23 ม.ค.53
โดย รศ.ทัศนีย์ ประธาน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจพบว่าประชาชนพอใจผลงานการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลและผลงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายถาวร เสนเนียม อยู่ในระดับปานกลางโดยมีค่าเฉลี่ย 5.74 และ 5.44 คะแนน ตามลำดับ จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 68.1 เห็นว่า ผลงานการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่แตกต่างจากผลงานของพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 25.7 เห็นว่าผลงานการแก้ปัญหาของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ดีกว่า มีเพียงร้อยละ 6.2 ที่เห็นว่าการแก้ปัญหาของพรรคเพื่อไทยดีกว่าของรัฐบาลอภิสิทธิ์
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 75.1 เห็นว่ารูปแบบการบริหารงานเดิมไว้ มีเพียงร้อยละ 24.9 เห็นว่าควรมีรูปแบบการบริหารงานใหม่ ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 38.1 เห็นว่ารูปแบบเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหมาะสมกับพื้นที่มากที่สุด รองลงมา เขตปกครองพิเศษด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมและรูปแบบแนวคิดการกระจายอำนาจที่สมบูรณ์ คิดเป็นร้อยละ 19.3 และ 14.7 ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายพื้นที่และการนับถือศาสนา พบว่า ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และประชาชนจังหวัดสงขลา มีความคิดเห็นสอดคล้องกับภาพรวมในประเด็นการยึดรูปแบบการบริหารงานเดิมไว้ คิดเป็นร้อยละ 86.2 และ 56.2 ซึ่งสอดคล้องกับการนับถือศาสนา ทั้งนี้ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม คริสต์และศาสนาพุทธ ให้มีการยึดรูปแบบการบริหารงานเดิมไว้ คิดเป็นร้อยละ 84.7 62.5 และ 59.6 ตามลำดับ
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.9 เห็นด้วยให้มีการทบทวนและมีการตรวจสอบการใช้งบประมาณที่ใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มากที่สุด รองลงมา มีการส่งเสริมการศึกษาในทุกระดับให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์และวัฒนธรรมในพื้นที่ (ร้อยละ 61.0) ซึ่งสอดคล้องกับพื้นที่และการนับถือศาสนา นอกจากนี้ ประชาชนร้อยละ 48.6 เห็นด้วยให้มีการลดอัตรากำลังทหารอย่างเป็นระบบภายใน 3 ปี และการจัดตั้งศาลกฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดก ซึ่งเมื่อพิจารณาจากการนับถือศาสนา พบว่า ศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ ให้การสนับสนุนประเด็นทั้งสอง ส่วนศาสนาพุทธไม่เห็นสนับสนุนในประเด็นการลดอัตรากำลังทหารอย่างเป็นระบบภายใน 3 ปี และการจัดตั้งศาลกฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดก
ส่วนประเด็นการใช้ภาษามลายูเป็นภาษาการทำงานควบคู่กับภาษาไทย กับการพบว่า ประชาชนร้อยละ 57.3 ไม่เห็นด้วยการใช้ภาษามลายูเป็นภาษาการทำงานควบคู่กับภาษาไทย มีเพียงร้อยละ 35.0 ที่เห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นรายพื้นที่และการนับถือศาสนา พบว่า ประชาชนจังหวัดสงขลา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธ อิสลาม และศาสนาคริสต์ ไม่เห็นด้วยกับการใช้ภาษามลายูเป็นภาษาการทำงานควบคู่กับภาษาไทย
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่า ประชาชนพอใจการแก้ปัญหายาเสพติด มากที่สุด รองลงมา การแก้ปัญหาความยากจนและการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ส่วนที่ประชาชนเห็นว่าต้องควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วน พบว่า การพัฒนาสินค้าฮาลาล ความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ การสนับสนุนความเข้มแข็งของหมู่บ้าน การพัฒนาระบบการศึกษา การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ และการติดตั้ง CCTV ตามลำดับ
**ลอบบึ้ม จนท.ปัตตานี-นราฯเจ็บ9นาย
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบเมื่อเวลา 09.45 น. วานนี้ (24 ม.ค.) พ.ต.ท.วีรชาติ คูหามุข รอง ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดปัตตานี เข้าตรวจสอบเหตุระเบิดบนถนนทางหลวงชนบท ม.5 บ้านดอนนา ต.บางเขา อ.หนองจิก พบรถกระบะของทหารพรานชุดพัฒนาสันติ 43-4 และเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นายถูกนำส่งโรงพยาบาลหนองจิก คือ อาสาสมัครทหารพรานมานพ ชุมพล อาสาสมัครทหารพรานสมพงษ์ ปานเพชร และอาสาสมัครทหารพรานจอม เซ้งทับ
ส่วนที่เกิดเหตุพบชิ้นส่วนวัตถุระเบิดกระจัดกระจาย คาดว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ใส่ไว้ในถังดับเพลิงฝังใต้ผิวถนน ลากสายไฟเข้าไปในป่าข้างทางเป็นตัวจุดชนวน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นทราบว่าขณะที่ทหารชุดพัฒนาสันติ 43-4 จำนวน 5 นาย ออกจากฐานปฏิบัติการมาได้เพียง 2 กิโลเมตร เพื่อติดตามการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่องจากอุทกภัยที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุได้จุดชนวนระเบิดขึ้น และล่าสุดอาสาสมัครทหารพรานทั้ง 3 นาย อาการปลอดภัยแล้ว
ส่วนที่ จ.นราธิวาส คนร้ายได้ลอบวางระเบิดหมายสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 38 ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 6 นาย ที่บนถนนสายกูจิงลือปะ-ซีโปร์ ช่วงบริเวณ ม.3 ต.เฉลิม โดยรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ดสีดำของเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 38 ได้รับความเสียหาย ส่วนผู้บาดเจ็บ 6 นาย