xs
xsm
sm
md
lg

ป๊อกสั่งล่าเสธ.แดงจับเพิ่มลูกน้องพร้อมอาวุธ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"มาร์ค"ลั่นจัดการ "เสธ.แดง" ตามกฎหมาย ด้าน"บิ๊กป๊อก" เรียกประชุม 5 เสือทบ. สั่งหน่วยทหารทั่วประเทศ เจอ"เสธ.แดง" ให้จับตัวส่งตำรวจ พร้อมกำชับดูแลคลังอาวุธ ไม่ให้ถูกลักลอบนำออกมาก่อเหตุ "ปทีป"เผยยังไม่ออกหมายจับ แต่ขยายผลค้น-จับเพิ่มลูกน้องในเครือข่าย ด้าน"เสธ.แดง" อ้างตรวจค้นผิดขั้นตอน หากถูกออกหมายจับ จะร้องศาลไต่สวนฉุกเฉิน

จากกรณีคนร้ายใช้เครื่องยิงระเบิดเอ็ม79 ยิงใส่ตึกกองบัญชาการกองทัพบก และจุดตกอยู่ไม่ห่างจากห้องทำงานของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ทำให้ผนังซิเมนต์เป็นหลุมลึก กระจกอาคารแตก
 
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและทหารได้เข้าตรวจค้น บ้านพักพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และบ้านพักลูกน้องคนสนิทที่ ม.พัน.3 รอ. และม.พัน.4 รอ. ก็พบอาวุธสงครามรวมทั้งกระสุนเอ็ม 79 จำนวนมาก จึงควบคุมตัวลูกน้องและทหารที่เฝ้าบ้าน เสธ.แดง มาดำเนินคดี ส่วนตัว เสธ.แดง อยู่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้น จึงยังไม่ถูกควบคุมตัว

"มาร์ค"ให้จัดการ"เสธ.แดง"ตามกม.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ห่วงว่ากลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมเคลื่อนไหวรุนแรงยิ่งขึ้นหากมีการจับกุมพล.ต.ขัตติยะ เพราะต้องรักษากฎหมาย ว่าไปตามข้อเท็จจริง

"เขาจะไม่พอใจที่เราปฏิบัติตามกฎหมายหรือครับ ต้องถามว่าทำไมถึงไม่พอใจกับการรักษากฎหมาย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว เมื่อถามว่าหลักฐานที่ปรากฏสามารถเอาผิด พล.อ.ขัตติยะ ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องครอบครองอาวุธคงชัดเจนในตัว ส่วนเรื่องอื่นต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป

ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ก็ยืนยันว่าไม่ห่วงเรื่องการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจะรุนแรงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เมื่อติดตามสืบทราบว่ามีกลุ่มคนที่ก่อความวุ่นวาย เพื่อไม่ให้เกิดความสงบ โดยใช้วิธีการรุนแรงก็ต้องติดตามข่าว และให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

"ในช่วงรัฐบาลชุดก่อน มีกลุ่มบุคคลที่เหิมเกริมและเคยกระทำการในลักษณะนี้มาก่อน ที่เวลามีการชุมนุมก็มีการเอาระเบิดเอ็ม 79 มายิงใส่ผู้ชุมนุม จนบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่รัฐบาลก่อนก็ไม่ได้สืบหาต้นตอของผู้ที่ทำผิด หรือสืบสวนแหล่งที่มาของอาวุธได้ แต่มาถึงรัฐบาลชุดนี้ได้พยายามติดตามสถานการณ์ เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และโชคดีที่ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. สามารถทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่การข่าว และทหาร โดยสืบค้นหาที่มาของอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ และผู้กระทำการภายใต้กรอบของกฎหมาย และเชื่อว่าหากรัฐบาลดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยจะติดตาม ตรวจค้น จับกุม ดำเนินคดี บุคคลที่เป็นอันตรายต่อประชาชนและบ้านเมือง" นายสุเทพกล่าว

ลั่นต้องทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ตนไม่ได้กดดันเจ้าหน้าที่ในการเร่งรัดจับกุมคนร้ายที่ยิง เอ็ม 79 ก็ว่าไปตามกฎเกณฑ์ กติกา จะไม่ลงลึกไปในรายละเอียดการสืบสวน หรือรูปคดี ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นกี่กลุ่ม แต่ใครที่เป็นเป้าหมาย และบุคคลต้องสงสัย ก็ต้องติดตามตรวจสอบ เพราะการที่ปล่อยให้คนพวกนี้สะสมอาวุธสงครามเพื่อมาใช้ทำร้ายประชาชน ไม่มีรัฐบาลประเทศไหนที่ยอมได้

เมื่อถามว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยใช้อาวุธเอ็ม 79 ไปก่อเหตุตามจุดต่างๆ ใน กทม.หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็อยู่ในข่ายต้องสงสัย แต่เจ้าหน้าที่ต้องติดตามตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลที่น่าสงสัย และเมื่อมีหลักฐานสามารถดำเนินคดีได้ ก็ต้องทำ เพื่อแสดงให้เห็นว่ากฎหมายบ้านเมืองยังศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ย่อหย่อนในการทำหน้าที่ ซึ่งเมื่อก่อนผู้ก่อเหตุคงได้ใจ เพราะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมได้ จึงเหิมเกริม

เมื่อถามว่าขณะนี้สรุปได้หรือไม่ว่า รัฐบาลสงสัยว่ากลุ่มของพล.ต.ขัตติยะ เป็นผู้ก่อเหตุ นายสุเทพ กล่าวว่าไม่ว่าใครก็ตามที่เราสงสัยว่ามีพฤติกรรมที่น่าสงสัย ก็จะติดตามตรวจสอบพฤติกรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นใครหรือกลุ่มใด เมื่อมีหลักฐานก็ดำเนินคดีเพื่อลดโอกาสไม่ให้บุคคลเหล่านั้นไปทำร้ายประเทศ และประชาชน
เมื่อถามว่าแต่ พล.ต.ขัตติยะ ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนดำเนินการ หรือสั่งการ เพราะในช่วงเกิดเหตุไม่ได้อยู่ใน กทม. นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนทำที่ไหน แต่ว่าถ้ารู้ว่าใครมีอาวุธร้ายแรงไว้ในครอบครองก็ต้องจับกุมดำเนินคดีคนที่มีอาวุธเหล่านั้น ส่วนการดำเนินคดีกับ พล.ต.ขัตติยะ กับพวกนั้น ในวันนี้เป็นการดำเนินคดีในข้อหาที่มีอาวุธสงครามที่ไม่ได้รับอนุญาตไว้ในครอบครอง ซึ่งจะตั้งต้นตรวจสอบจากเรื่องนี้ก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่สงสัยนายทหารที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นคนตั้งข้อสงสัย แต่เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าจะมีกลุ่มใดบ้าง ที่สามารถเก็บอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ไว้ได้

ปัดตอบ"เสธ.แดง"ซุกปีกไตรรงค์

เมื่อถามว่าเหตุลอบยิงหน้าห้องทำงาน ผบ.ทบ. มีเสียงวิจารณ์ว่า เป็นเรื่องความแตกแยกภายในกองทัพ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มี ยืนยันให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า กองทัพยังมีความเป็นเอกภาพ เพราะผู้นำกองทัพทุกคนที่ทำงานร่วมกับตน คิดถึงชาติ บ้านเมือง ประโยชน์ของประชาชนและราชบัลลังก์เป็นหลัก ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เกิดปัญหาในกองทัพได้ และเชื่อว่าการทำหน้าที่ของ ผบ.ทบ. มีจิตวิญญาณที่ต้องการปกปักษ์รักษาชาติ บ้านเมือง โดยไม่ได้เข้าข้างใครทั้งสิ้น

เมื่อถามว่ารัฐบาลได้เตรียมการป้องกันเหตุไว้บ้างหรือไม่ เพราะจุดเกิดเหตุ ที่กองทัพบก กับทำเนียบรัฐบาลนั้นอยู่ใกล้กัน นายสุเทพ กล่าวว่ารัฐบาลมีมาตรการป้องกันไว้อยู่แล้ว แต่หลักสำคัญคือ พยายามแก้ปัญหาที่ต้นตอ

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นการโหมโรงเพื่อให้เกิดความรุนแรง และนำไปสู่การปฏิวัติหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดไกลไปถึงขั้นนั้น คิดเพียงว่าทุกคนต้องช่วยกันดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ใครมีเบาะแสอะไร ก็แจ้งมาที่รัฐบาลได้ เราเชื่อมั่นว่าจะรักษาความสงบเรียบร้อย และสถาบันอันเป็นที่เคารพสูงสุดของเราไว้เป็นหลักชัยของประเทศได้

เมื่อถามว่าตอนนี้มีกระแสข่าวว่า พล.ต.ขัตติยะ หลบไปพักอยู่กับคนสนิทของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ที่ภาคใต้ นายสุเทพ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เพียงแต่หัวเราะเท่านั้น

"ป๊อก"สั่งเจอ"เสธ.แดง"จับทันที

สำหรับความเคลื่อนไหวที่กองบัญชาการกองทัพบก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. พล.อ. ธีระวัฒน์ บุณยประดับ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ. พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. ประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ หลังเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารบก(สห.ทบ.) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจค้นบ้านพักพล.ต. ขัตติยะ และลูกน้องคนสนิท ซึ่งพบอาวุธสงครามจำนวนมาก รวมทั้งได้หารือกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงอาจจะใช้เหตุการณ์นี้เป็นเงื่อนไขในการชุมนุมอีกครั้ง

แหล่งข่าวนายทหารระดับสูง กล่าวว่า ที่ประชุมได้สั่งการให้หน่วยทหารขึ้นตรงกองทัพบก สอดส่องดูแลภายในหน่วยทหารทั่วกรุงเทพฯ และตรวจตราคลังอาวุธของหน่วยทหาร รวมทั้งประเมินเหตุการณ์ในช่วงต่อจากนี้ ซึ่งจะส่อเค้ารุนแรง ที่เกรงว่ากลุ่มเสื้อแดงอาจยกเงื่อนไขนี้นำมารวมตัวชุมนุม

นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้สั่งการให้หน่วยทหารทั่วประเทศ หากพบเห็น พล.ต.ขัตติยะให้จับตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที โดยพล.อ.อนุพงษ์ ได้ย้ำในที่ประชุมให้เพิ่มความระมัดระวังหน่วยที่ตั้งของทหารทุกจุด รวมทั้งดูแลคลังอาวุธ โดยให้เพิ่มทหารเวรยาม และตรวจตราถี่ขึ้น เพื่อป้องกันการปล้น และการลักลอบนำอาวุธจากหน่วยออกไปใช้

"พล.อ.อนุพงษ์ ได้ปรารภกับนายทหารระดับ 5 เสือ โดยเฉพาะการตำหนิสื่อมวลชนที่พยายามเสนอข่าวว่า การจับกุมพล.ต.ขัตติยะ เป็นการกลั่นแกล้ง ทั้งที่เป็นความผิดที่มีหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องการเห็นสื่อเสนอข่าวโดยเปรียบพล.ต.ขัตติยะ เป็นฮีโร่ เพราะขณะนี้หลักฐานอะไรชัดแจ้งขึ้นมาหมด เกรงจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด รวมทั้งตำรวจยังนำหลักฐานการยิงกลุ่มผู้ชุมพันธมิตรฯ ในหลายครั้งที่ผ่านมา สื่อต้องให้ความเป็นกลาง เราทราบพฤติกรรมที่ผ่านมาของพล.ต.ขัตติยะ ที่สวมเครื่องแบบทหารเป็นข้าราชการกระทรวงกลาโหม แต่กลับมาด่าท่อผู้บังคับบัญชา ใช้วาจาข่มขู่จะกระทืบบ้าง จะยิงบ้าง มันชัดเจนว่าทหารคนนี้ไม่มีวินัย ไร้ระเบียบต่อเครื่องแบบ แถมยังทำผิดกฎระเบียบกองทัพมาโดยตลอด" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้ข้อหาทุกอย่างมันชัดเจน มีการครอบครองวัตถุอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด กระสุน และปืน โดยเฉพาะที่บ้านพักพลขับคือ จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์ สุวรรณราช ถามว่าพลขับจะกล้าสะสม หรือครอบครองอาวุธสงครามจำนวนมากอย่างนี้หรือ มันต้องของพล.ต.ขัตติยะ แน่นอน อาวุธที่จับได้ต้องนำไปขยายผล เพื่อดูความผิดว่าเคยนำไปใช้ก่อเหตุที่ไหนบ้าง ขณะนี้ตำรวจออกหมายจับเรียบร้อย

เพิ่มระบบความปลอดภัย บก.ทบ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในกองบัญชาการกองทัพบก ยังได้เพิ่มระบบการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดยให้เข้มงวดการเข้าออกของบุคคลภายนอก และรถยนต์ที่เข้าออกในบริเวณ บก.ทบ. ทั้งได้เพิ่มกำลังพลในการตรวจตราเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการนำสุนัขทหารเข้ามาดมกลิ่นวัตถุระเบิดเพิ่มขึ้น และให้กำลังพลทุกคนสังเกตสิ่งแปลกปลอม พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือ ซีซีทีวี ภายในกองทัพบกอีก 60 ตัว เพื่อเป็นมาตรการรักษาความปอลดภัย

ส่วนพล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการประชุมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง กรณีที่มีการยิงเอ็ม 79 บริเวณชั้น 6 บก.ทบ. ว่า เป็นการมาหารือและรับฟังสถานการณ์ทั่วไป

เมื่อถามว่า อาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์จากคนภายใน หรือไม่ เนื่องจากตอนเกิดเหตุ ไม่มีใครได้ยินเสียงระเบิด พล.ท.คณิต กล่าวว่าไม่มีทาง แต่เหตุเกิดในเวลาดึก อาจจะไม่มีใครได้ยินเสียง

จุดเกิดเหตุผนังซีเมนต์เป็นหลุมลึก

มีรายงานว่าในการตรวจสอบในที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธทหารบก บริเวณผนังห้องออกกำลังกายของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ชั้น 6 ที่อยู่ในชั้นเดียวกับห้องทำงานของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พบว่าผนังซีเมนต์ เป็นหลุมลึก และมีรอยระเบิดกระจายรอบๆ ส่วนกระจกยังมีรอยแตก และร้าว ยังไม่ได้มีการเปลี่ยน

ในขั้นต้นสันนิษฐานว่าเป็นอาวุธประเภทระเบิด แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอาวุธประเภทไหน ในที่เกิดเหตุวันนั้น เจ้าหน้าที่เก็บได้เพียงเศษโลหะเล็กๆ 2-3 ชิ้น ที่ยังไม่ได้บ่งชี้ได้ว่าเป็นส่วนของระเบิด หรือวัสดุอะไร

อย่างไรก็ตาม พล.อ.อนุพงษ์ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ส่งหลักฐาน ทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนและ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้บอกว่า อาวุธที่ยิงเข้ามาคือ M 79 แต่เป็นการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนว่าเป็นอาวุธดังกล่าว

"ปทีป"ยังไม่ออกหมายจับ"เสธ.แดง"

พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวถึง กรณีเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พบอาวุธสงคราม และระเบิดว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการออกหมายจับพล.ต.ขัตติยะ ซึ่งเรื่องนี้ทางกองปราบปรามกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องพยายามรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หากพยานหลักฐานเพียงพอ ทางกองปราบก็จะเสนอศาลเพื่อขออกหมายจับพล.ต.ขัตติยะ ต่อไป

ส่วนจะตั้งใครมาดูแลคดีนั้น ต้องขอพิจารณาก่อน แต่ในเบื้องต้นได้ให้กองปราบปรามดำเนินการไปก่อน ซึ่งได้ตั้งข้อหามีปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่หากเมื่อสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่า เป็นเรื่องใหญ่ ก็จะได้มอบหมายให้ระดับตร. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน

ต่อข้อถามว่า การยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ห้องทำงาน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กับการเข้าตรวจค้นบ้านพล.ต.ขัตติยะ มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ทั้ง 2 กรณี เป็นคนละเรื่องกัน คือเมื่อเราไปค้นบ้านเสธ.แดง แล้วเจอสิ่งผิดกฎหมายเราก็ดำเนินคดี ส่วนกรณียิงที่ บก.ทบ.นั่นก็เป็นอีกเรื่อง เป็นคนละส่วนกัน เมื่อถามว่าหลังเกิดเหตุยิงปืนเอ็ม 79 ที่ บก.ทบ. จากนั้นมีการเข้าค้นบ้านเสธ.แดง และพบอาวุธต่างๆ ทำให้ดูว่าทั้ง 2 กรณีมีความเชื่อมโยงกัน พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดเลยไปถึงขนาดนั้น ขณะนี้เราเข้าไปตรวจค้นและพบสิ่งผิดกฎหมาย เราก็ดำเนินการในส่วนนี้ไปก่อน ส่วนการสืบสวนสอบสวนขยายผลมีความเชื่อมโยงไปอย่างไร ก็ค่อยไปว่ากัน

เมื่อถามว่าการค้นบ้าน เสธ.แดง มีมูลเหตุอะไรที่ทำให้ตำรวจไปตรวจค้น พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า เมื่อมีข้อสงสัยตำรวจก็ไปตรวจค้นได้ ส่วนจะเกี่ยวพันกับคดีนี้หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เมื่อค้นแล้วพบสิ่งผิดกฎหมายก็ดำเนินคดีไป ขึ้นอยู่กับการสืบสวนสอบสวน เมื่อขยายผลแล้วไปถึงไหน อย่างไร ก็ค่อยว่ากัน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการยิงเอ็ม 79 ที่บก.ทบ.หรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และการสืบสวนสอบสวน

คุมจ.ส.อ.ณัฐสิทธิ์ ฝากขังศาลทหาร

เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (22 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.ต.มาโนชญ์ สวนดอกไม้ พนักงานสอบสวน (สบ 2) กก.1 บก.ป. ได้เบิกตัว จ.ส.อ.ณัฐสิทธิ์ สุวรรณราช สังกัดกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ กองทัพบก พลทหารมนัสชัย อำพร และนายเอกลักษณ์ วิเศษวงศา อายุ 24 ปี ลูกน้องของ เสธ.แดง ทั้ง 3 คน มาพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ และสอบปากคำเพิ่มเติม โดยในชั้นสอบสวน ทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.ต.มาโนชญ์ พร้อมกำลังควบคุมตัว จ.ส.อ.ณัฐสิทธิ์ ไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง โดยคำร้องระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค.53 เวลา 16.00 น. ผู้บังคับการกองพันทหารสารวัตรที่ 11 กับพวก ได้ขอความร่วมมือทำการตรวจค้นบ้านพัก จ.ส.อ.ณัฐสิทธิ์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ พบตัวจ.ส.อ.ณัฐสิทธิ์ อยู่ที่บ้านพักดังกล่าว จึงขอตรวจค้นภายในบ้านพักโดยอาศัยอำนาจของผู้ควบคุมอาคารบ้านพัก ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.2497 และระเบียบบ้านพักอาศัยของทางราชการทหาร โดยผลการตรวจค้นพบอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด และเสื้อเกราะ จำนวน 32 รายการ จึงนำตัว จ.ส.อ.ณัฐสิทธิ์ พร้อมของกลางที่เชื่อว่ามีไว้เป็นความผิด หรือได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิด นำส่งพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน และต่อมา ได้ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจประวัติการต้องโทษจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และคดีนี้เป็นคดีสำคัญอาจเกี่ยวข้องกับการยิงลูกระเบิดในสถานที่สำคัญหลายแห่ง จึงเกรงว่าหากผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานต่างๆ

ลูกน้องอีก 2 คนฝากขังศาลอาญา

ส่วนพลทหารมนัสชัย และนายเอกลักษณ์ นั้น ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ผลัดฟ้องฝากขังเป็นครั้งแรก มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.ถึง 2 ก.พ.53 โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐาน กองสรรพาวุธตำรวจ รอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาทั้งสอง หากได้รับการประกันตัว เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ศาลให้ประกันคนละ 2 แสน

ต่อมานายอุทัย เสน่หา ทนายความของนายเอกลักษณ์ และพลทหารมนัสชัย เดินทางมาที่กองปราบ พร้อมกล่าวว่าของกลางทั้งหมดถูกพบที่บ้านพักนั้น ผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นเพียงผู้ดูแลบ้านเท่านั้น ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธของกลางแต่อย่างใด โดยปกติจะมีคนผลัดเวรกันเฝ้าบ้านเป็นกะ หลายคน แต่ขณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นที่บ้านพักนั้น เป็นช่วงเข้าเวรของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน นี้พอดี
พร้อมกับยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ต่อศาล หลังศาลพิจารณาจึงอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน โดยตีราคาหลักทรัพย์เงินสด คนละ 200,000 บาท

ค้น-จับเพิ่มเครือข่าย"เสธ.แดง"

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เวลา 15.00 น. วานนี้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อรัญวัฒน์ ผกก.สน.คลองตัน ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายอำนาจ อินทรโชติ อายุ 54 ปี ฉายา"มือปืน 9 นิ้ว" อยู่บ้านเลขที่ 86/150 ซอยตรีมิตร แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. พร้อมด้วยของกลาง เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัด ซองบรรจุกระสุน จำนวน 3 อัน วิทยุสื่อสาร จำนวน 1 เครื่อง และสิ่งเทียมอาวุธปืน บีบีกัน 1 กระบอกโดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักของผู้ต้องหา

พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 21 ม.ค. เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจได้ทำการตรวจค้นบ้านของ เสธ.แดง และทหารคนสนิทจนพบของกลางอาวุธสงครามจำนวนมาก จึงได้มีการสืบสวนขยายผลต่อจนกระทั่งทราบว่า มีการซุกซ่อนอาวุธเอาไว้ที่บ้านของนายอำนาจ และ นายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ อายุ 49 ปี ฉายา “ อ.เค ทอง” อยู่บ้านเลขที่ 13 ซอยลาดกระบัง 14/1 แขวงเขตลาดกระบัง กทม. จึงได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านของนายอำนาจ และบ้านนายพรวัฒน์

พบอาวุธและเครื่องสุนเพียบ

พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า จากการตรวจค้นบ้านของนายอำนาจ พบสิ่งเทียมอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนจริง ขนาด.38 แต่จากการตรวจค้นบ้านของนายพรวัฒน์ พบลูกกระสุนปืนขนาด เอ็ม 16 อยู่ในซองบรรจุกระสุนจำนวน 9 นัด ลูกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 24 นัด ซองบรรจุกระสุน 9 มม. จำนวน 1 อัน และซองพกอาวุธปืน 3 ซอง และซองพกซองกระสุนปืน อีก 2 อัน แต่ไม่พบตัวผู้ต้องหา จึงได้ยึดของกลางทั้งหมดมาตรวจสอบ

จากการสอบสวน นายอำนาจ ให้การว่าก่อนหน้านี้ตนเคยเป็นทหารพราน อยู่ที่ค่ายปักธงชัย เมื่อปี 2521 และได้ไปรบที่ จ.ชุมพร ถูกยิงที่นิ้วโป้งข้างซ้ายจนขาด แต่ก็ต่อกลับมาเหมือนเดิมจนครบ 10 นิ้ว ส่วนฉายามือปืน 9 นิ้ว เป็นฉายาที่เพื่อนๆ เรียกกันในกลุ่ม ซึ่งหลังจากที่ออกจากทหารพราน ตนก็มาเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งตนไม่ได้รู้จักกับ เสธ.แดง เป็นการส่วนตัว แต่มีใจรักในประชาธิปไตย ไม่อยากเห็นประชาชนถูกยิง ตนจึงมาเป็นการ์ดอาสานักรบพระเจ้าตากให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง ส่วนกระสุนปืนที่พบ มีคนนำมาฝากไว้ ตน ไม่รู้ไม่เห็นแต่อย่างใด

พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวอีกว่า อำนาจทั้งหมดเกี่ยวกับคดีนี้เป็นหน้าที่ของกองปราบปราม ทางตำรวจมีเพียงหน้าที่ในการตรวจค้นตามจุดที่ได้รับข้อมูลมาจากการสืบสวนขยายผล ซึ่งได้สั่งการให้แต่ละ บก.น. ตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามีสิ่งเทียมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , มีวิทยุสื่อสารไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต แก่ผู้ต้องหา สำหรับนายพรวัฒน์ เจ้าหน้าที่จะทำการออกหมายจับ และติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

"เสธ.แดง"จะขอไต่สวนฉุกเฉิน

ด้านพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เปิดเผยว่าขณะนี้ตนยังอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เดินสายหาสมาชิกพรรคขัตติยธรรมอยู่ ไม่ได้หลบหนี แต่หากมีการอนุมัติหมายจับ ก็จะส่งทนายไปร้องต่อศาลให้ไต่สวนฉุกเฉินในการยกเลิกหมายจับ เนื่องจากตามกฎหมายระบุว่า การจะขออนุมัติออกหมายจับ จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า ทำในที่สาธารณะ และในวันนั้น ตนก็ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุของการจับอาวุธสงคราม และ รถยนต์ ก็อยู่ในบ้านพัก ไม่ได้อยู่ในที่สาธารณะ การกระทำดังกล่าวถือว่าผิดขั้นตอน เพราะในความเป็นจริงน่าจะต้องออกหมายเรียกก่อน ซึ่งหากออกหมายเรียกสองครั้งแล้วยังไม่ไปพบพนักงานสอบสวน จึงจะขออนุมัติออกหมายจับ อีกทั้งตนเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงบก.ทบ.

ส่วนอาวุธที่ยึดจากบ้านมีเพียงปืนพกขนาด .32 มม.เท่านั้น ที่เป็นของตน มีทะเบียนถูกต้อง ส่วนระเบิด ไม่ใช่ของตน น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจ ยัดของ

โวยให้ ตร.จับทหารเสียศักดิ์ศรี

พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า สำหรับจ่าดำ ซึ่งถูกรวบตัวพร้อมอาวุธสงครามจำนวนมากนั้น ไม่เคยเกี่ยวข้องกันไม่ได้เจอกันมา 4-5 ปี เคยทำงานสมัยที่ตามนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.แรงงาน โดยตนได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ในชุดเฉพาะกิจ ปราบปรามแรงงานผิดกฎหมาย โดย ม.พัน 3 ส่งจ่าดำไปร่วมคณะทำงานด้วย จากนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

ส่วนไอ้เณร ที่ถูกรวบตัวจับใส่กุญแจมือนั้น กลายเป็นภาพที่ทำลายขวัญกำลังใจของทหารด้วยกัน เพราะในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีตำรวจเข้าไปค่ายทหาร บุกเข้าไปจับกุมทหาร ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใส่กุญแจมือ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากอคติของผู้นำทหารที่พอมีการยิง บก.ทบ. ก็เข้าใจว่าเป็นฝีมือ เสธ.แดง เป็นอาการของพวกแต๋วแตก กลัวตาย เลยเอาตำรวจเข้ามาจัดการทหาร เสื่อมเสียศักดิ์ศรีกองทัพ ซึ่งเริ่มจากการที่ผู้นำทหารคนนี้เข้าไปร่วมปฏิวัติ ไปร่วมกับระบบอำมาตย์ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง นายกฯสมัคร ในการสั่งการให้ปราบม็อบ แต่ดันไปจัดกำลังอารักขาพันธมิตรฯ

ขยายผล"แก๊งเอ็ม79" ถล่มพธม.

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง กรณีการลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มบก.ทบ. ว่า ทางเจ้าหน้าที่น่าจะขยายผลในเรื่องดังกล่าวมาจนถึงกรณีลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กลุ่มพันธมิตรฯ ระหว่างการชุมนุมที่ผ่านมาด้วย รวมทั้งคดีลอบยิงนายสนธิ เมื่อเดือนเมษายน 52 ซึ่งตนเชื่อว่า น่าจะเชื่อมโยงกัน และการจับกุมลูกน้องของพล.ต.ขัตติยะ ยึดอาวุธสงครามได้จำนวนมากนั้น ก็น่าจะมีส่วนในการลอบสังหารนายสนธิด้วย
 
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นผู้ชี้แจงต่อสังคมเองว่าเป็นฝีมือใคร ถ้าปล่อยให้อึมครึมแล้วโอกาสที่ข่าวจะถูกบิดเบือน และมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงเป็นไปได้สูง แล้วประชาชนก็จะไม่ได้รับความจริง

จปร.มีชั่วบางคน ไม่ใช่ทั้งสถาบัน

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวติดตลกว่าในขณะที่ตนเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ แล้วมีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้ามาทำร้ายประชาชนนั้น เวลาตนเดินผ่านกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งในอดีตเคยเป็นโรงเรียนนักเรียนนายร้อย ตนก็เคยคิดว่า สักวันมันจะต้องโดนบ้าง เพราะกองทัพไม่เคยปกป้องประชาชนได้เลย ปล่อยให้มีการยิงสังหารต่อเนื่อง แล้วในที่สุดก็โดนบ้างจริงๆ ส่วนกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงจะไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตนมองว่า ก็เป็นเรื่องของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงทำผิด รัฐบาลก็ควรใช้กฏหมายไปดำเนินคดี และตนไม่กลัวว่าจะเป็นการเชื่อมโยงมาสู่คดีของพันธมิตรฯ เพราะศัตรูของพันธมิตรฯ คือคนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย

ทั้งนี้พล.ต.จำลองยังได้ชี้แจงถึงกรณีที่มีบุคคลออกมาต่อว่า ร.ร.นายร้อยจปร. ด้วยว่า คนจบโรงเรียนนายร้อย มันชั่วเป็นรายบุคคล ไม่ได้ชั่วทั้งสถาบัน

อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯนำโดยนายพิภพ ธงไชย และพล.ต.จำลอง เตรียมพาผู้บาดเจ็บ รวมทั้งญาติของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ เดินทางไปยื่นต่อ ป.ป.ช. ในวันจันทร์นี้ (25 ม.ค.) เวลา 10.00น. หลังจากนั้นกลุ่มพันธมิตรฯก็จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล

"เสธ.หมึก"ชี้เก็บอาวุธไว้บ้านก็โง่

ด้าน พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ หรือ เสธ.หมึก คนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กล่าวถึงกรณีที่มีการบุกค้นบ้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ว่า ตนรู้จักกับพล.ต.ท. สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. มานาน เพราะท่านมีความสนิทสนมเป็นอย่างดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี สมัยก่อนตนเคยโดนกล่าวหา ตั้งแต่ท่านอยู่กองปราบ ว่าส่งคนไปฝึกผกค.ยิงเอ็ม 72 ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง ครั้งนี้เลยไม่ทราบว่าจะมีเรื่องอะไรที่ไม่จริงบ้าง เพราะบางครั้งการไปตรวจค้น ไปมือเปล่าแต่กลับมาค้นได้ปืนกลับมา ซึ่งคนระดับพล.ต.ขัตติยะ หากทำอะไรจริง คงไม่ประมาทขนาดที่จะเก็บของไว้ในบ้าน หรือกับคนใกล้ ทำแบบนี้ก็โง่เกินไปแล้ว

"รถของ เสธ.แดง จอดไว้เฉยๆใครจะเอาอะไรมาใส่ก็ได้ เพราะขนาดไปตรวจค้นยังเปิดรถได้สบายเลย หากใครไม่หวังดี หรือต้องการใส่ร้าย เสธ.แดงจะเอาอะไรมาใส่ในรถแล้วจะรู้ได้อย่างไร ถือว่าง่ายต่อการกลั่นแกล้งได้ และ เสธ.แดงก็ไม่ได้อยู่บ้านด้วย ซึ่งการไปตรวจค้นต้องระบุว่า จะให้ใครเข้าไปตรวจค้นบ้าง ส่วนมากจะประมาณ 2-3 คน แล้วเจ้าของบ้านจะต้องอยู่ด้วย เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง" พล.ท.พิรัชกล่าว

เมื่อถามว่ามีการระบุว่า ที่บ้านลูกน้องพล.ต.ขัตติยะ พบวัตถุระเบิดจำนวนมาก พล.ท.พิรัช กล่าวว่า คนที่อ้างว่าเป็นลูกน้อง อาจจะมีความผิดฐานมีอาวุธสงครามในครอบครอง แต่ตอนนี้ เสธ.แดง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือตำแหน่งประจำ ซึ่งทหารที่มีตำแหน่งประจำ จะไม่มีลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชา แต่หากจะว่าเขาเป็นลูกน้อง เสธ.แดง ก็ต้องถือว่าเขาเป็นลูกน้อง ผบ.ทบ. ด้วยเหมือนกัน เพราะผบ.ทบ เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง

"เพื่อแม้ว"โดดป้อง"เสธ.แดง"

พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ไม่อยากให้รัฐบาล และกองทัพรีบด่วนสรุปว่า พล.ต.ขัตติยะไปพัวพัน มีส่วนรู้เห็นในการใช้เอ็ม 79 ยิงถล่มบก.ทบ. เพราะยังไม่มีพยานหลักฐานอะไรที่จะไปกล่าวหาได้ ควรปล่อยให้เป็นตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม มิฉะนั้นจะนำไปสู่ความไม่เข้าใจของพี่น้องในกองทัพ ซึ่งไม่เป็นผลดี จะทำให้กองทัพมีปัญหาเกิดความแตกแยกมากยิ่งขึ้น

"การเข้าไปตรวจค้นในบ้านพักของเสธ.แดง ดูแล้วเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และเร็วเกินไปที่จะไปจับกุม หรือกล่าวหาใครจากเหตุดังกล่าว ควรขออนุญาตจากศาล ตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อพยานหลักฐาน ยังไม่ชัดเจนแล้วจะไปจับกุมอย่าลุแก่อำนาจ เกรงว่าจะกระทบต่อความรู้สึก ทำให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย สิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวัง คืออย่าให้เกิดปัญหาสองมาตรฐานในกองทัพขึ้น ยิ่งไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน เพราะวันนี้ พล.ต.ขัตติยะ ไม่ได้มีความผิดอะไรทั้งสิ้น จะต้องให้ความเป็นธรรมด้วย "
กำลังโหลดความคิดเห็น