xs
xsm
sm
md
lg

อาฟต้าบูมสินค้าฟุ่มเฟือยทะลัก ชูฐานผลิตจีนบุกไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน –  สหพัฒน์ ชี้ อาฟต้าบูมอุตสาหกรรมสินค้าฟุ่มเฟือย เสื้อผ้าแฟชั่นไทย  อินเตอร์แบรนด์ อาศัยฐานผลิตในจีนบุกไทย  สมรภูมิรบแข่งอัดโปรโมชันเดือด  ไอ.ซี.ซี.ฯ ชูความได้เปรียบการเป็นผู้ผลิตต้นน้ำยันปลายน้ำ ฉวยอาฟต้าเอื้อวัตถุดิบใช้ผลิตถูก เล็งนำเข้าเพิ่ม หวังเนรมิตนวัตกรรมสร้างความต่างรักษาตลาดในประเทศ และสยายปีกต่างประเทศ ด้านลีวายส์ยันไม่ได้รับผลกระทบจากอาฟต้า  

นายสมพล ชัยสิริโรจน์ กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายแอร์โรว์ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋า รองเท้า ในเครือสหพัฒน์  เปิดเผยว่า จากการเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียนหรืออาฟต้า ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม ที่ผ่านมานี้ และทำให้ภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง 0% อาทิ เสื้อผ้าแฟชั่น เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมเสื้อผ้าในประเทศไทย มีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น
***อินเตอร์แบรนด์ทะลักรับอาฟต้า
โดยมีแนวโน้มว่า เสื้อผ้าระดับอินเตอร์แบรนด์ ใช้ฐานการผลิตในประเทศจีน ซึ่งเอื้อต่อภาษีนำเข้า 0% เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยหลากหลายแบรนด์มากขึ้น รวมไปถึงเสื้อผ้าในระดับรีจินัลแบรนด์ที่พร้อมเข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม เพื่อช่วงชิงกำลังการซื้อของคนไทย ทวีความรุนแรง แต่ขณะเดียวกันก็เอื้อให้คนไทยซื้อสินค้าราคาถูกลง
สำหรับผู้ประกอบการไทย อาฟต้าเอื้อประโยชน์ในแง่การนำเข้าวัตถุดิบการผลิต เช่น ผ้า เส้นด้าย ถูกลง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้บริษัทมีแนวโน้มว่าจะ นำเข้าวัตถุดิบมากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่รองรับกับการแข่งขัน ผนวกกับบริษัทมีความแข็งแกร่งการเป็นผู้ผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยมีโรงงานทอผ้าเป็นของตนเอง ซึ่งสามารถพัฒนาสินค้าให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง อีกทั้งอาฟต้ายังเอื้อต่อการขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในอินโดจีน ซึ่งบริษัทได้เข้าไปทำตลาดในระยะหนึ่งแล้ว ในประเทศลาว เวียดนาม กัมพูชา และพม่า เป็นต้น
อย่างไรก็ตามสำหรับบริษัทไอ.ซี.ซี. มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริหารจัดการ ระบบความคิด เพื่อให้มีความทันสมัยตลอดเวลา ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ทำให้บริษัทสามารถผ่านพ้นในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุคก่อนฟองสบู่แตก มีสินค้าระดับอินเตอร์แบรนด์และรีจินัลแบรนด์ เข้ามาทำตลาดหลากหลาย เพราะค่าเงินบาทถูก หรือกระทั่งฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 40
***ดีเคเอสเอชยันไม่กระทบลีวายส์
นายเควิน คอร์นิง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจัดจำหน่ายเครื่องแต่งกายและยีนส์ แบรนด์ ลีวายส์ ในประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันลีวายส์ในประเทศไทย ถือว่า ดีเคเอสเชได้ไลเซ่นมาทำตลาด ดังนั้นจึงสามารถผลิตและจำหน่ายได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานอยู่ 2 แห่ง คือที่สุขุมวิท และที่บางปะอิน โดยกว่า 95% เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ และอีก 5% นำเข้าจากต่างประเทศ
การเปิดการค้าเสรีอาฟต้าตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.เป็นต้นมา มองว่าไม่ส่งผลกระทบกับลีวายส์แน่นอน จากการที่แต่ละประเทศต่างได้สิทธิ์ในประเทศนั้นๆอยู่แล้ว อีกทั้งราคาที่ลีวายส์วางจำหน่ายในตลาดไทยขณะนี้ ถือเป็นราคาที่สมเหตุสมผล สามารถแข่งขันได้หากมีเรื่องอาฟตาเข้ามา ขณะเดียวกันไลเซ่นที่ไทยได้ยังได้สิทธิ์จำหน่ายไปอีก 1 ประเทศด้วย ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้
***ไอ.ซี.ซี.พร้อมรับมือ
นายสมพล สำหรับการเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียนในครั้งนี้ ทำให้บริษัทต้องพิจารณาหาจุดแข็งของแต่ละแบรนด์และสร้างให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นโจทย์สำหรับผู้ประกอบการไทย ที่ต้องเร่งดำเนินการตลาด
“บริษัทไอ.ซี.ซี. ต้องพร้อมกับการแข่งขันตลอดเวลา แม้ว่าสินค้าของเราจะไม่ได้แข่งขันกับอินเตอร์แบรนด์ เพราะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่เป้าหมาย คือ การรักษาฐานลูกค้าตลาดในประเทศ และขยายฐานกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจดีมีสัดส่วน 15-20% แต่ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเหลือเพียงไม่ถึง 10%
สำหรับตลาดเสื้อผ้าผู้ชายมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ปีนี้เติบโต 4-5% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางดีขึ้น แต่พบว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้  ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอย เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา มีความคึกคักมากกว่า เพราะผู้ประกอบการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี
ล่าสุดแอร์โรว์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ทำตลาดในไทยมากว่า 35 ปี จับมือร่วมกับบริษัทสวารอฟสกี้ เปิดตัวคอลเลกชัน”JEWEL OF EXCELLENCY & ARROW” หรือการนำคริสตัลจากสวารอฟสกี้ มาประดับบนเสื้อเชิ้ตทำงาน  กระเป๋าสตางค์ เนกไท ฯลฯ เพื่อสร้างสีสันให้กับแบรนด์และขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น และจากการดำเนินตลาดปีนี้แอร์โรว์ ตั้งเป้ายอดขายเติบโตมากกว่า 10% และรั้งตำแหน่งผู้นำตลาดเสื้อผ้าผู้ชายครองส่วนแบ่ง 20% จากรายได้ปีที่ผ่านมา เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น