ASTVผู้จัดการรายวัน-การส่งออกกุ้งไทยปีนี้พุ่งลิ่ว 3.8 แสนตัน โตขึ้น 10% ผลพวงจากประเทศคู่แข่งทั้งอินโดนีเซีย เวียดนามและจีนประสบปัญหาการผลิตทำให้ลดการส่งออกลง ตั้งเป้าปีหน้าส่งออกเท่าเดิม แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้นแต่การแข่งขันรุนแรง จี้รัฐหาทางรับมือกุ้งนำเข้าสวมสิทธิ์ส่งออกเป็นกุ้งไทยหลังภาษีนำเข้าเหลือ 0% ทำให้ภาพพจน์กุ้งไทยเสียหาย
นายสมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้การส่งออกกุ้งไทยอยู่ที่ 3.8 แสนตัน สูงกว่าปีที่แล้วเกือบ10% แม้ว่าเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและราคาน้ำมันผันผวน แต่เนื่องจากประเทศผู้ส่งออกอย่างอินโดนีเซีย เวียดนาม และจีนประสบปัญหาการเพาะเลี้ยงทำให้การส่งออกลดลง ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าต้องหันสั่งซื้อกุ้งจากไทยแทน ส่งผลให้การส่งออกกุ้งไทยขยายตัวในแทบทุกตลาดไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น
ส่วนแนวโน้มการส่งออกกุ้งในปีหน้าคาดว่าใกล้เคียงปีนี้ที่ระดับ 3.8 แสนตัน/ปี และราคากุ้งมีโอกาสจะปรับขึ้นได้อีก 10% ขณะที่ปริมาณการผลิตกุ้งในไทยจะอยู่ที่ 5.4 แสนตันใกล้เคียงปีนี้เช่นเดียวกัน หลังจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้การบริโภคกุ้งขยายตัว หากความต้องการบริโภคกุ้งในตลาดโลกเพิ่มขึ้น เกษตรกรไทยมีศักยภาพที่ขยายการผลิตเพื่อสนองความต้องการได้ แต่ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับราคา อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลกด้วย
ตัวเลขการส่งออกกุ้งไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณ 3.2 แสนตัน เติบโตขึ้น 8% คิดเป็นมูลค่า 7.71 หมื่นล้าน ขยายตัวขึ้น 12% แม้ว่าพื้นที่การเพาะเลี้ยงกุ้งจะไม่ได้ขยายเพิ่มขึ้นก็ตาม และล่าสุดจีนเตรียมนำเข้ากุ้งจากไทยเพื่อใช้บริโภคในปลายปีนี้ไปถึงต้นปีหน้า หลังจากอากาศหนาวทำให้การเลี้ยงกุ้งในจีนเป็นไปได้ยาก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าประเทศผู้ส่งออกกุ้งอย่างจีนยังนำเข้ากุ้งจากไทยไปบริโภค
นายสมศักดิ์กล่าวว่า แม้ว่าการส่งออกกุ้งของไทยค่อนข้างดี แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านทั้งเรื่องมาตรการการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) จากสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ทางเอสเอสเอหรือกลุ่มประมงกุ้งสหรัฐฯ ประเมินว่าการใช้ Adไม่ได้มีผลทำให้กลุ่มประมงกุ้งในสหรัฐฯ ดีขึ้น ดังนั้น จึงอาจจะมีการยกเลิกการใช้ ADกุ้งไทย จึงอยากให้รัฐบาลติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับทำการประนีประนอมเพื่อให้มีการยกเลิกADกุ้งไทยให้สำเร็จ รวมทั้งขอให้รัฐให้ความสำคัญในการติดตามแก้ไขปัญหาที่ไทยถูกกล่าวหาว่าใช้แรงงานเด็กในอุตสาหกรรมกุ้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงก่อนที่สหรัฐฯ จะนำเรื่องนี้มากีดกันการนำเข้ากุ้งจากไทย
ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรติดตามดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไปเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งล่าสุดเวียดนามได้มีการลดค่าเงินด่องลง 5% และมีแนวโน้มจะปรับลดค่าเงินด่องลงมาอีก หากค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไปจะกระทบการส่งออกโดยตรง ซึ่งค่าเงินบาทที่เหมาะสมอยู่ที่ 35 บาท/เหรียญสหรัฐ และเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ที่ปรับลดอัตราภาษีเหลือ 0% ในต้นปีหน้า ทำให้โอกาสที่กุ้งต่างประเทศจะเข้ามาในไทยแล้วสวมสิทธิ์เป็นกุ้งไทยส่งออกเป็นไปได้สูง ซึ่งจะทำให้กุ้งไทยเสียภาพพจน์ เนื่องจากทั่วโลกต่างยอมรับมาตรฐานสินค้ากุ้งไทย จึงอยากให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลด้วย
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ เลขาธิการสมาคมฯ และประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ราคากุ้งที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ เนื่องจากมีการระบาดของโรคกุ้งในทุกพื้นที่ของไทย มาจากสภาพอากาศที่หนาว ทำให้ปริมาณการเลี้ยงกุ้งลดลง โดยราคากุ้ง 50 ตัว/กก.อยู่ที่ 130 บาท จากเดิมที่เคยกก.ละ 110 บาท อีกทั้งแนวโน้มการส่งออกกุ้งจะมีความเข้มงวดขึ้นและมีการตรวจสอบลึกไปจนถึงการบริหารจัดการฟาร์มเลี้ยงกุ้งด้วย โดยแต่ละประเทศผู้นำเข้าต่างกำหนดมาตรฐานกุ้งของตนเองทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งส่งออกมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้น สมาคมฯ จึงหันมาสร้างมาตรฐานกุ้งไทยโดยมาตรฐานการนำเข้าจากหลายประเทศมาใช้เพื่อให้กุ้งไทยไม่ถูกกีดกันการนำเข้า นอกเหนือจากมาตรฐานที่กรมประมงกำหนดไว้
นายสมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้การส่งออกกุ้งไทยอยู่ที่ 3.8 แสนตัน สูงกว่าปีที่แล้วเกือบ10% แม้ว่าเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและราคาน้ำมันผันผวน แต่เนื่องจากประเทศผู้ส่งออกอย่างอินโดนีเซีย เวียดนาม และจีนประสบปัญหาการเพาะเลี้ยงทำให้การส่งออกลดลง ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าต้องหันสั่งซื้อกุ้งจากไทยแทน ส่งผลให้การส่งออกกุ้งไทยขยายตัวในแทบทุกตลาดไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น
ส่วนแนวโน้มการส่งออกกุ้งในปีหน้าคาดว่าใกล้เคียงปีนี้ที่ระดับ 3.8 แสนตัน/ปี และราคากุ้งมีโอกาสจะปรับขึ้นได้อีก 10% ขณะที่ปริมาณการผลิตกุ้งในไทยจะอยู่ที่ 5.4 แสนตันใกล้เคียงปีนี้เช่นเดียวกัน หลังจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้การบริโภคกุ้งขยายตัว หากความต้องการบริโภคกุ้งในตลาดโลกเพิ่มขึ้น เกษตรกรไทยมีศักยภาพที่ขยายการผลิตเพื่อสนองความต้องการได้ แต่ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับราคา อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลกด้วย
ตัวเลขการส่งออกกุ้งไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณ 3.2 แสนตัน เติบโตขึ้น 8% คิดเป็นมูลค่า 7.71 หมื่นล้าน ขยายตัวขึ้น 12% แม้ว่าพื้นที่การเพาะเลี้ยงกุ้งจะไม่ได้ขยายเพิ่มขึ้นก็ตาม และล่าสุดจีนเตรียมนำเข้ากุ้งจากไทยเพื่อใช้บริโภคในปลายปีนี้ไปถึงต้นปีหน้า หลังจากอากาศหนาวทำให้การเลี้ยงกุ้งในจีนเป็นไปได้ยาก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าประเทศผู้ส่งออกกุ้งอย่างจีนยังนำเข้ากุ้งจากไทยไปบริโภค
นายสมศักดิ์กล่าวว่า แม้ว่าการส่งออกกุ้งของไทยค่อนข้างดี แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านทั้งเรื่องมาตรการการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) จากสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ทางเอสเอสเอหรือกลุ่มประมงกุ้งสหรัฐฯ ประเมินว่าการใช้ Adไม่ได้มีผลทำให้กลุ่มประมงกุ้งในสหรัฐฯ ดีขึ้น ดังนั้น จึงอาจจะมีการยกเลิกการใช้ ADกุ้งไทย จึงอยากให้รัฐบาลติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับทำการประนีประนอมเพื่อให้มีการยกเลิกADกุ้งไทยให้สำเร็จ รวมทั้งขอให้รัฐให้ความสำคัญในการติดตามแก้ไขปัญหาที่ไทยถูกกล่าวหาว่าใช้แรงงานเด็กในอุตสาหกรรมกุ้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงก่อนที่สหรัฐฯ จะนำเรื่องนี้มากีดกันการนำเข้ากุ้งจากไทย
ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรติดตามดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไปเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งล่าสุดเวียดนามได้มีการลดค่าเงินด่องลง 5% และมีแนวโน้มจะปรับลดค่าเงินด่องลงมาอีก หากค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไปจะกระทบการส่งออกโดยตรง ซึ่งค่าเงินบาทที่เหมาะสมอยู่ที่ 35 บาท/เหรียญสหรัฐ และเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ที่ปรับลดอัตราภาษีเหลือ 0% ในต้นปีหน้า ทำให้โอกาสที่กุ้งต่างประเทศจะเข้ามาในไทยแล้วสวมสิทธิ์เป็นกุ้งไทยส่งออกเป็นไปได้สูง ซึ่งจะทำให้กุ้งไทยเสียภาพพจน์ เนื่องจากทั่วโลกต่างยอมรับมาตรฐานสินค้ากุ้งไทย จึงอยากให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลด้วย
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ เลขาธิการสมาคมฯ และประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ราคากุ้งที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ เนื่องจากมีการระบาดของโรคกุ้งในทุกพื้นที่ของไทย มาจากสภาพอากาศที่หนาว ทำให้ปริมาณการเลี้ยงกุ้งลดลง โดยราคากุ้ง 50 ตัว/กก.อยู่ที่ 130 บาท จากเดิมที่เคยกก.ละ 110 บาท อีกทั้งแนวโน้มการส่งออกกุ้งจะมีความเข้มงวดขึ้นและมีการตรวจสอบลึกไปจนถึงการบริหารจัดการฟาร์มเลี้ยงกุ้งด้วย โดยแต่ละประเทศผู้นำเข้าต่างกำหนดมาตรฐานกุ้งของตนเองทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งส่งออกมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้น สมาคมฯ จึงหันมาสร้างมาตรฐานกุ้งไทยโดยมาตรฐานการนำเข้าจากหลายประเทศมาใช้เพื่อให้กุ้งไทยไม่ถูกกีดกันการนำเข้า นอกเหนือจากมาตรฐานที่กรมประมงกำหนดไว้