xs
xsm
sm
md
lg

KGIรุกลงทุนต่างประเทศป้องเสี่ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวนฤมล อาจอำนวยวิภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัยพ์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KGI เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ในปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะไปลงทุนต่างประเทศ รองรับการที่บริษัทจะออกกองทุนอีทีเอฟอ้างอิงดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ และกองทุนอีทีเอฟอ้างอิงทองคำ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงเงินลงทุนจากการการออกสินค้าอ้างอิงดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมระบบและขออนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมที่จะออกหุ้นกู้อนุพันธ์ ซึ่งผู้ถือหุ้นของบริษัทได้อนุมัติวงเงินแล้ว 1,000 ล้านบาท เพื่อระดมทุนนำเงินไปใช้ในการซื้อหุ้นป้องกันความเสี่ยงและเตรียมส่งมอบให้กับนักลงทุนที่มีการลงทุนในใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ซึ่งปีนี้มีแผนจะออก DW 10 ตัว แต่หากทาง ก.ล.ต.ได้ออกเกณฑ์ให้จดทะเบียนก่อนที่จะเสนอขาย DW(Direct Listing) บริษัทจะสามารถออกDWได้เดือนละ 5 ตัวเพราะระยะเวลาในการออกเสนอขายรวดเร็วขึ้น จากปัจุจบันที่ยังใช้เกณฑ์เสนอขายแบบไอพีโอ โดยบริษัทคาดว่าเกณฑ์ Direct Listing จะเสร็จภายในไตรมาสแรกปีนี้ และส่งผลให้ บล.ต่าง ๆ มีการออกDWมากขึ้น
สำหรับการออกหุ้นกู้ปีนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม เพราะอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ลูกค้า โดยบริษัทจะขายให้กับกลุ่มนักลงทุนไฮด์เน็ตเวิร์คที่ฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ เพราะนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวยังไม่มีการลงทุนในหุ้น เนื่องจากระมัดระวังในการลงทุนแต่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน โดยบริษัทจะพยายามออกหุ้นกู้อนุพันธ์ให้เร็วที่สุด
นางสาวนฤมล กล่าวว่า ภาพรวมมูลค่าการยืมและให้ยืมหุ้น(SBL)ปีนี้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงกว่าปีที่ผ่านมา และดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้น ทำให้นักลงทุนหันมายืมหุ้นเพื่อขายชอร์ตมากขึ้น แต่จากการที่มีบล.ต่างๆหันมาทำ
ธุรกรรมSBLมากขึ้นนั้น ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น และลูกค้าของบริษัทเตรียมที่จะย้ายไปใช้บริการยังบล.อื่น
ทั้งนี้ บริษัทได้ลดค่าธรรมเนียมการยืมหุ้นแก่นักลงทุนบุคคลลง 50% เพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าของบริษัทไว้ รองรับกับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ขั้นบันได ซึ่งมูลค่าการยืมไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย จะคิดอัตราที่ 0.0125% ต่อวัน จากอัตราเดิมที่คิด 0.025% หากมูลค่าการยืมมากกว่า 10 ล้านบาทต่อรายการ คิดอัตราที่ 0.015%ต่อวัน จากอัตราเดิมที่คิด 0.03% โดยการคิดค่าธรรมเนียมยืมหุ้นอัตราใหม่นั้นเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2553 ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีการคิดค่าธรรมเนียมยืมหุ้นในอัตราที่ต่ำที่สุดในระบบ โดยจะส่งผลให้รายได้SBLปีนี้ของบริษัทปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะมีการพัฒนาระบบSBLเพื่อให้สามารถซื้อขายในบัญชีเงินสดได้ จากปัจจุบันที่มีการซื้อขายบัญชีเครดิตบาลานซ์ และจะพัฒนาระบบSBLให้สามารถซื้อขายโดยส่งคำสั่งซื้อขายเข้าระบบโดยตรง (DMA) สำหรับลูกค้าสถาบันในประเทศและต่างประเทส และจะพัฒนาการให้บริการSBLซื้อขายผ่านระบบอินเตอร์เน็ตสำหรับลูกค้าสถาบัน เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการซื้อขาย
" ปีนี้ถือว่าเป็นสวรรค์ของนักลงทุนจากที่สามารถลงทุนในสินค้าที่หลากหลายและมีต้นทุนในการลงทุนถูกลง ทั้งค่าธรรมเนียมการซื้อขายสินค้าต่างๆ โดยบริษัทหวังว่ามูลค่าการยืมหุ้นปีนี้ของบริษัทจะโตเท่าตัว จากการลดค่าธรรมเนียมลง 50% แก่นักลงทุนรายย่อย แต่นักลงทุนสถาบันบริษัทยังคงคิดอัตราเดิม และคาดว่าะภาวะตลาดหุ้นไทยปีนี้เอื้อในการทำธุรกรรมSBL มากขึ้น แต่ในด้านรายได้ของบริษัทจะปรับตัวลดลงในธุรกรรมSBL แต่บริษัทจะมีรายได้เพิ่มจากการออกDWและหุ้นกู้อนุพันธ์ " นางสาวนฤมลกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น