ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งว่า ตามมติที่บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEDIAS เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2552 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้บริษัทซื้อและรับโอนกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์(ทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่ และภาระผูกพัน) ทั้งหมดจากกลุ่ม
เจริญกฤษ โดยดำเนินการผ่านบริษัทแกรนด์ คาแนล จำกัดและซื้อสินทรัพย์จากกลุ่มรัตนรักษ์ รวมมูลค่าสินทรัพย์ที่ซื้อและรับโอนทั้งสิ้นไม่เกิน 4,424 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะชำระโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 699,288,374 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท รวม 2,797.15 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรับโอนหนี้เงินกู้ยืมและจ่ายชำระด้วยเงินสด ถือเป็นการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยมีขนาดรายการ 237 % ของมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน ซึ่งเข้าข่ายต้องยื่นคำขอให้ตลาดหลักทรัพย์พิจารณาคุณสมบัติในการเป็นบริษัทจดทะเบียนของบริษัทต่อไปนั้น
เนื่องจาก MEDIAS ได้ดำเนินการตามมติผู้ถือหุ้นดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว กล่าวคือซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดจากบริษัทแกรนด์ คาแนล จำกัด ของกลุ่มเจริญกฤษ และซื้อสินทรัพย์จากกลุ่มรัตนรักษ์ รวมทั้งได้ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อชำระสินทรัพย์ดังกล่าว และได้ดำเนินการตามเงื่อนไข การรับหลักทรัพย์ โดยผู้ถือหุ้นกลุ่มเจริญกฤษได้นำหุ้นสามัญเพิ่มทุน 384,608,606 หุ้นมานำฝากไว้ที่บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ประเทศไทย) จำกัด เรียบร้อยแล้ว (Silent Period)
พร้อมกันนี้ MEDIAS ได้ขอให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พิจารณาย้ายหมวดธุรกิจของบริษัทจากหมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เป็นหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เนื่องจาก MEDIAS จะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผู้บริหารหลักชุดใหม่ของบริษัทเป็นผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยสินทรัพย์หลัก
และรายได้หลักในอนาคตจะมาจากรายได้ของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
โดย ผลการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์พบว่า บริษัทยังคงมีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อไป และเห็นควรกำหนดให้หุ้นเพิ่มทุนของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2553 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ MEDIAS มีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้ว มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท มีทุนเดิม 1,312,295,584 บาท และทุนจดทะเบียนใหม่ 4,109,449,080 บาท โดยทุนใหม่จัดสรรดังนี้ บริษัท แกรนด์ คาแนล จำกัด 1 / จำนวน 537,623,365 หุ้น เพื่อชำระ ราคาของกิจการทั้งหมดที่รับโอนจากบริษัท แกรนด์ คาแนล จำกัด รวม มูลค่า 2,688.12 ล้านบาท ( หลังรับโอนหนี้เงินกู้ยืมของบริษัทแกรนด์คาแนล จำกัด มีอยู่กับธนาคารและบริษัทที่เกี่ยวข้อง 663 ล้านบาทและจ่ายชำระด้วยเงินสดไม่เกิน 265 ล้านบาท )
นอกจากนี้ ยังจัดสรรให้ บริษัท เคอาร์แอนด์แอสโซซิเอทส์ จำกัดจำนวน 78,759,811 หุ้นเพื่อชำระราคาค่าหุ้นสามัญของบริษัทเบ็ล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด รวมมูลค่า 393.80 ล้านบาท และจัดสรรให้ บริษัท ทุนมหาลาภ จำกัด จำนวน 58,789,198 หุ้นเพื่อชำระราคาค่าหุ้นสามัญของบริษัทเบ็ล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด รวมมูลค่า 293.94 ล้านบาท อีกทั้งจัดสรรให้บริษัท จี แอล แอสเซทส์ จำกัด จำนวน 24,116,000 หุ้น เพื่อชำระราคา
ค่าหุ้นสามัญของบริษัทพระราม 9 สแควร์จำกัด รวมมูลค่า 120.58 ล้านบาท ซึ่งเสนอขายหุ้นละ 5 บาท ซึ่งแลกหุ้นตั้งแต่ 18 ธันวาคม 52 ขณะที่บริษัทได้มีการโอนย้ายธุรกิจสื่อไปดำเนินการในบริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย 100% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 แล้ว
ทั้งนี้ เพื่อให้ MEDIAS อยู่ในหมวดธุรกิจที่เหมาะสม ตลาดหลักทรัพย์ จึงเห็นควรปรับย้ายหมวดธุรกิจของ MEDIAS จากหมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เป็นหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างตามที่บริษัทขอมา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2553
เจริญกฤษ โดยดำเนินการผ่านบริษัทแกรนด์ คาแนล จำกัดและซื้อสินทรัพย์จากกลุ่มรัตนรักษ์ รวมมูลค่าสินทรัพย์ที่ซื้อและรับโอนทั้งสิ้นไม่เกิน 4,424 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะชำระโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 699,288,374 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท รวม 2,797.15 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรับโอนหนี้เงินกู้ยืมและจ่ายชำระด้วยเงินสด ถือเป็นการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยมีขนาดรายการ 237 % ของมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน ซึ่งเข้าข่ายต้องยื่นคำขอให้ตลาดหลักทรัพย์พิจารณาคุณสมบัติในการเป็นบริษัทจดทะเบียนของบริษัทต่อไปนั้น
เนื่องจาก MEDIAS ได้ดำเนินการตามมติผู้ถือหุ้นดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว กล่าวคือซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดจากบริษัทแกรนด์ คาแนล จำกัด ของกลุ่มเจริญกฤษ และซื้อสินทรัพย์จากกลุ่มรัตนรักษ์ รวมทั้งได้ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อชำระสินทรัพย์ดังกล่าว และได้ดำเนินการตามเงื่อนไข การรับหลักทรัพย์ โดยผู้ถือหุ้นกลุ่มเจริญกฤษได้นำหุ้นสามัญเพิ่มทุน 384,608,606 หุ้นมานำฝากไว้ที่บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ประเทศไทย) จำกัด เรียบร้อยแล้ว (Silent Period)
พร้อมกันนี้ MEDIAS ได้ขอให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พิจารณาย้ายหมวดธุรกิจของบริษัทจากหมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เป็นหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เนื่องจาก MEDIAS จะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผู้บริหารหลักชุดใหม่ของบริษัทเป็นผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยสินทรัพย์หลัก
และรายได้หลักในอนาคตจะมาจากรายได้ของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
โดย ผลการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์พบว่า บริษัทยังคงมีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อไป และเห็นควรกำหนดให้หุ้นเพิ่มทุนของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2553 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ MEDIAS มีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้ว มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท มีทุนเดิม 1,312,295,584 บาท และทุนจดทะเบียนใหม่ 4,109,449,080 บาท โดยทุนใหม่จัดสรรดังนี้ บริษัท แกรนด์ คาแนล จำกัด 1 / จำนวน 537,623,365 หุ้น เพื่อชำระ ราคาของกิจการทั้งหมดที่รับโอนจากบริษัท แกรนด์ คาแนล จำกัด รวม มูลค่า 2,688.12 ล้านบาท ( หลังรับโอนหนี้เงินกู้ยืมของบริษัทแกรนด์คาแนล จำกัด มีอยู่กับธนาคารและบริษัทที่เกี่ยวข้อง 663 ล้านบาทและจ่ายชำระด้วยเงินสดไม่เกิน 265 ล้านบาท )
นอกจากนี้ ยังจัดสรรให้ บริษัท เคอาร์แอนด์แอสโซซิเอทส์ จำกัดจำนวน 78,759,811 หุ้นเพื่อชำระราคาค่าหุ้นสามัญของบริษัทเบ็ล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด รวมมูลค่า 393.80 ล้านบาท และจัดสรรให้ บริษัท ทุนมหาลาภ จำกัด จำนวน 58,789,198 หุ้นเพื่อชำระราคาค่าหุ้นสามัญของบริษัทเบ็ล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด รวมมูลค่า 293.94 ล้านบาท อีกทั้งจัดสรรให้บริษัท จี แอล แอสเซทส์ จำกัด จำนวน 24,116,000 หุ้น เพื่อชำระราคา
ค่าหุ้นสามัญของบริษัทพระราม 9 สแควร์จำกัด รวมมูลค่า 120.58 ล้านบาท ซึ่งเสนอขายหุ้นละ 5 บาท ซึ่งแลกหุ้นตั้งแต่ 18 ธันวาคม 52 ขณะที่บริษัทได้มีการโอนย้ายธุรกิจสื่อไปดำเนินการในบริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย 100% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 แล้ว
ทั้งนี้ เพื่อให้ MEDIAS อยู่ในหมวดธุรกิจที่เหมาะสม ตลาดหลักทรัพย์ จึงเห็นควรปรับย้ายหมวดธุรกิจของ MEDIAS จากหมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เป็นหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างตามที่บริษัทขอมา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2553